Mid :
Lyr:
Cur:
เนื้อเพลง พร้อมปาดใหม่
เพลง| เจิ๊ด|เอย|เจิ๊ด|
ร็อก|คง|คย
ชุด| รวม|ฮิด| หมอ|ลำ 20|00| ชุด| 2
ปาด|เนื้อ|ร้อง|โดย |อ.|เคน| ฤทธี |นี| អានត-อ่านต่อ
อ่านว่า อาปีง บ็อม โปง
ส่วนคำว่า បំពង บ็อมโปง แปลว่า ทอดกรอบ ครับ
#รถติด_ภาษาเขมร
ใช้คำว่า ស្ទះចរាចរ อ่านว่า ซฺเตียะฮ จอราจอ
#ส่งของวันนี้ถึงอีกทีปีหน้า_ภาษาเขมร
# จึงเรียนมาเพื่อทราบ_ภาษาเขมร
แปลเป็นภาษาเขมรว่า ផ្ញើរបស់ឆ្នាំនេះ ដល់ឆ្នាំក្រោយ
อ่านว่า
ภาษาเขมรวันละคำ เรียนภาษาไทย
ภาษาเขมรวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า
ភាសាខ្មែរ : ស្អប់ខ្លួនឯង
อ่านว่า : สฺอ็อบ คลวน แอง
แปลว่า : เกลียดตัวเอง
អានថា : គ្លាត តួ អេង
English : to hate one own self
ឧទាហរណ៍ : ស្អប់ខ្លួនឯងណាស់ គ្រាន់តែយន្តហោះមួយគ្រឿងសោះ រកលុយទិញមិនបាន
อ่านว่า :
ภาษาเขมรวันละคำ เรียนภาษาไทย
ภาษาเขมรวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า
ភាសាខ្មែរ : មើលងាយ
อ่านว่า : เมิลเงียย
แปลว่า : ดูถูก
អានថា : ឌូធូក
English : to look sb down
ឧទាហរណ៍ : ស្គាល់រសជាតិគេមើលងាយនៅ?
อ่านว่า :<!–more–> สฺก็อล โระฮ เจียด เก เมิล เงียย เนิ้ว ?
แปลว่า : รู้รสชาติเขาดูถูกยัง
អានថា : រូរត់ឆាតខោវឌូធូកយ៉ាំង
សរសេរដោយ Admin Ken Ny Rithy (อ.เคน)
គ្រឿងផ្សំ
– ទឹករំចេក ត្រឡាចទុំ ៤០០ក្រាម អំបិលមួយចឹប ស្ករស ៦៥០ក្រាម កំបោរសកន្លះស្លាព្រាបាយ។
#វិធីធ្វើ
១ . ដំបូង អ្នកគួរតែធ្វើការចិតសម្បកត្រឡាច នឹងឆ្កៀលគ្រាប់ឲ្យអស់ជាមុនសិន។ បន្ទាប់ពីចិតសម្បករួច អ្នកគួរតែហាន់វាជាបន្ទះៗ តាមរូបរាងដែលអ្នកចង់បាន។
២ . បន្ទាប់ពីធ្វើការហាន់ជាបន្ទះៗរួចមក អ្នកគួរតែដាក់ត្រាំទៅក្នុងទឹក ដែលមានបន្ថែមនូវកំបោរស រយៈពេលមួយយប់។
៣ . ជាបន្តមកទៀតអ្នកត្រូវធ្វើការលាងសម្អាតវា ឲ្យបានស្អាត ពី ២ ទៅ ៣ ដង ទុកមួយអន្លើឲ្យស្រស់ទឹក។
៤ . ដាក់ដាំទឹកដែលអាចលិចត្រឡាចបានដោយមានបន្ថែមស្ករស ៤០០ ក្រាម ចូលទៅក្នុងនោះ កូរឲ្យរលាយរងចាំឲ្យពុះចាក់ត្រឡាចចូល ដាក់ស្ងោដើម្បីឲ្យត្រឡាចមានជាតិផ្អែម ស្ងោប្រហែល ៣ ទៅ ៥ នាទី។
៥ . បន្ទាប់ពីស្ងោរួចមក ដាក់ចូលទៅក្នុងចានមួយ រួចបន្ថែមស្ករ ២៥០ ក្រាម នឹងអំបិលមួយចឹបចូល រួចយកថង់ប្លាស្ទិចមកគ្របពីលើ រងចាំ ៥ ទៅ ១០ នាទី។
៦ . ក្រោយពីរងចាំរយៈពេល ៥ ទៅ ១០ នាទីរួចមក អ្នកនឹងឃើញថាស្ករដែលបានទុកនោះគឺរលាយទៅជាទឹក សឹមដាក់ទឹករំចេកកន្លេះស្លាបព្រាកាហ្វេ។
៧ . ក្រោយពីរលាយមក គឺយកមកចាក់ក្នុងខ្ទះដែលក្តៅ ដាក់ឆាច្របល់រហូតដល់ស្ងួត អ្នកនឹងឃើញថាស្ករ គឺបានជាប់ជាមួយស្ករ។ ឬក៏អ្នកមិនធ្វើដូចនេះ អ្នកអាចដាក់ស្ករចូលក្នុងខ្ទះ មានបន្ថែមទឹកមួយកូនកែវតូច ដាក់រំងាស់រហូតពុះរាងស្អិត ចាក់ត្រឡាចចូលកូររហូតដល់ស្ករស្ងួត ដូចគ្នាដោយមិនចាំបាច់ដាក់ស្ករ ចូលក្នុងចានត្រឡាចទុកឲ្យរលាយជាមុននោះទេ បន្ទាប់មកទុកវាឲ្យត្រជាក់ ដាក់កែវរក្សាទុកបាន៕
1. ฟุตบอล เป็นกีฬาอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ปัจจุบันนี้ มีสโมสรต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะหลังจากทัพนักเตะทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์
ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ สร้างความสุขให้คนไทยอย่างมากมาย
2. มวยไทย ถือเป็นที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาตลอด ถึงแม้หลายๆ คน อาจจะคิดว่าเป็นกีฬาที่ใช้กำลัง แต่ในการใช้กำลังนั้น ก็ทำให้ทั้งชาย และหญิง
ต่างก็หันมาสนใจกีฬาชนิดนี้มากขึ้น และถือเป็นกีฬาที่เป็นที่สุดของประเทศไทยจริงๆ
3. วอลเลย์บอล นับเป็นกีฬาที่สร้างความสุขให้คนไทยมายาวนาน
โดยความสามารถของนักกีฬาไทยไม่ด้อยไปกว่าชาติอื่นในเอเชีย และผลงานการเล่นที่โดดเด่น
ทำให้กระแสกีฬาวอลเลย์บอลได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่านักกีฬาเองก็ได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดีมาก
4. แบดมินตัน กีฬายอดนิยมที่เล่นง่าย และสนุก แถมน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
ขวัญใจชาวไทยยังได้แชมป์โลกจากการแข่งขันเวิล์ดแชมป์เปี้ยนชิพ
เธอสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและกระตุ้นความนิยมในการเล่นกีฬาแบดมินตันในประเทศไทยให้ได้รับความสนใจในวงกว้างอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าคนไทยนิยมกีฬาหลากหลายชนิด การได้ไปเชียร์กีฬาที่ชื่นชอบถึงขอบสนามเป็นความฝันของหลายๆคน แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้ ทั้งเรื่องกำลังทรัพย์ เรื่องการเดินทาง เรื่องเวลา
เป็นต้น แต่แฟนๆกีฬายังมีทางเลือกอื่นๆอีกหลากหลาย เช่น เชียร์สดผ่านทางออนไลน์ หรือเล่น Nowbet อยู่ที่บ้าน คุณก็จะได้รับความตื่นเต้น สนุกสนานได้เหมือนกันค่ะ
พระพุทธเจ้าสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วนคือ
1. ใช้หนี้เก่า
2. ให้เขากู้
3. ฝังไว้ใช้
4. ทิ้งใส่เหว
– ใช้หนี้เก่า คือ ให้พ่อแม่ ท่านให้กำเนิดและเลี้ยงเรามา เราเป็นหนี้บุญคุณท่าน ต้องตอบแทน
– ให้เขากู้ คือ ให้ลูกหลาน ลูกหลานได้รับอุปการะ ต่อมาภายหลัง ก็จะกลับมาใช้หนี้เราคือเลี้ยงดูเราในยามชรา
– ฝังไว้ใช้ คือ ทำบุญ เพื่อฝังไว้เป็นอริยะทรัพย์ สำหรับใช้ในการเดินทางไปใน สังสารวัฏ
– ทิ้งใส่เหว คือ เที่ยวกินใช้ไป พระองค์ทรงเปรียบท้องคนเราเป็นเหวลึก กินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม
คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า “สามีภรรยา ” มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้ ” บุตรธิดา ” คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้ หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”
ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย
ส่วน ” บุตรธิดา ” ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น ” บุตรธิดา ” ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น
1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู” เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ
2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี” เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้ แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน
3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป
4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพเหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี ด้วย
หลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถ?ตา ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อนเมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้ เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า
แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลานผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้นให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า “เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนร้าย กลายเป็นดี”
สาธุ?
อ่านจบแล้วแชร์ไปได้บุญ
?
คนซื้อ : ผักมัดเท่าไหร่จ๊ะยาย ???
คุณยาย : 10 บาทจ้า
คนซื้อ : 3กำ 25 บาท ได้ไหมจ๊ะยาย
คุณยาย : ไม่ได้หรอกจ๊ะหลาน เพราะยายต้องปลูกเอง
และมาเดินขายยืนตากแดด ตั้งแต่เช้า
ต้นทุนมาก็มากโขอยู่
…แล้วกาแฟแก้วที่คุณถืออยู่น่ะ ราคาเท่าไหร่
คนซื้อ : 150 บาท
คุณยาย : แล้วคุณต่อราคาเขาไหม
คนซื้อ : จะบ้าหรือ !!! นี่มันกาแฟมียี่ห้อ เขาไม่ต่อ
กันหรอก
คุณยาย : กับคนรวยๆ คุณไม่ต่อเขาสักบาทเดียว
แต่พอกับคนจน คุณกับต่อราคากันจัง
คนซื้อ : ………………….
#ข้อคิด อยากถามว่า เพราะอะไรเราจึงต่อราคากับแม่ค้าจนๆ ที่ต้องยืนขายของกลางแดดร้อนๆ …
แต่.. กลับไม่เคยต่อราคากับพ่อค้าที่ร่ำรวย ตามห้างฯ หรือภัตตาคารเลย?
๑. ญี่ปุ่นสอนตั้งแต่ชั้น ประถม ๑ ถึง ประถม ๖ วิชาหนึ่ง ชื่อว่า “ทางสู่จริยธรรม” เพื่อเผชิญชีวิตในอนาคต
๒.ไม่มีการสอบตก ตั้งแต่ ประถม ๑ ถึง มัธยมต้น เนื่องจาก จุดประสงค์ คือ การอบรม ปลูกฝังแนวคิด และ เสริมสร้างบุคลิกภาพ ไม่เพียงแต่ให้ความรู้และคำสั่ง
๓. ถึงแม้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่พวกเขาไม่มีคนใช้ พ่อและแม่รับผิดชอบภายในบ้านและลูก ๆ.
๔. เด็ก ๆ ทำความสะอาด ที่โรงเรียนทุกวัน ๑๕ นาที พร้อม ๆกับคุณครู , ซึ่งทำให้เกิดความเรียบง่ายและมีนิสัยรักความสะอาด
๕. เด็กญี่ปุ่น จะนำแปรงสีฟันที่ถูกฆ่าเชื้อแล้ว จะแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร จึงทำให้ติดนิสัยรักสุขภาพตั้งแต่เยาว์วัย
๖. ผู้อำนวยการโรงเรียนจะกินอาหารของนักเรียนก่อน เป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง เพื่อความแน่ใจและความปลอดภัยของนักเรียน พวกเขาตระหนักอยู่เสมอว่า เด็กๆ เป็นอนาคตของญี่ปุ่นที่พวกเขาต้องปกป้อง
๗. พนักงานทำความสะอาด พวกเขาเรียกกันว่า “นายช่างสุขภาพ” เงินเดือน ๕๐๐๐ ถึง ๘๐๐๐ ดอลล่าร์อเมริกา ตามระดับของการทดสอบและสัมภาษณ์
๘. ห้ามใช้โทรศัพท์บนรถไฟ ภัตตาคาร สถานที่ปกปิด ที่ต้องการความเงียบ เป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติใช้กันเคร่งครัดในบริการสาธารณะว่าห้ามใช้เสียง …ที่ทุกคนต้องรู้จัก ‘มารยาท’
๙. ถ้าคุณไปร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ จะสังเกตว่าทุกคนเอาอาหารที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่พบอาหารเหลือในจานเลย
๑๐. โดยเฉลี่ยแล้ว ภายในเวลา ๑ ปี รถไฟจะช้ากว่ากำหนด ๗ วินาทีเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นรู้ถึงคุณค่าของเวลา เคร่งครัด ตรงต่อเวลาวินาที และนาที
อีก ๒๐ ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าคนไทยจะโง่ขึ้น และเขมร พม่า แขก จีน ฝรั่ง จะเข้ามายึดอาชีพคนไทยเกือบหมด คนไทยจะเป็นลูกจ้างคนพวกนี้ (ปาเลสไตน์ โดนยึดโดยอิสราเอล ไม่มีประเทศจะอยู่…เพราะลักษณะนี้แหละ ลองศึกษาดู)……ดูได้จากอะไร…
๑. เด็กไทยสมัยนี้ สนใจแต่โทรศัพท์ ดูไลน์อ่านไลน์กันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นอนดึกตื่นสาย หนังสือไม่สนใจเรียน ตื่นไม่ทันโรงเรียน เลยกินข้าวเช้าไม่ทัน พอสายก็หนีไปกินข้าว ไม่ได้เรียนชั่วโมงแรกๆนั้น หมดไปวิชาหนึ่ง รุ่งขึ้นแบบเดิม หมดอีกหนึ่ง เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็หมดทุกวิชา เมื่อเรียนไม่ทัน ไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ก็ชวนกันหนีเรียนไปตั้งแก้งค์ตั้งก้วน ไปติดยา มั่วเซ็กซ์ ใครเรียน…ก็แกล้งก็กวน ก็เลยทำให้ทั้งห้องเหมือนกันหมด ความรู้(ไม่)เก่งเหมือนกันหมด ว่าใครไม่ได้ ไอ้เรื่องที่จะไห้ทบทวนให้ทันเขา บอกได้คำเดียวว่า “ยากมาก”
๒. ผู้สอนก็สอนไปตามหน้าที่ ลองไปเข้มงวดลูกท่านซี้… เดี๋ยวพ่อเสือแม่เสือก็มาถึงโรงเรืยนอีก ….ประการสำคัญ ผู้บริหารยังต้องเกรงใจเลย ครูก็เลยปล่อย ไม่ยุ่งด้วย…เด็กก็ได้ใจ เพราะได้แบ็ค (พ่อแม่รังแกฉัน เข้าใจมั้ย…พ่อแม่รังแกฉัน…พ่อแม่บางคน…ไม่รู้เรื่องว่าอะไร?)
๓. การวัดผล เด็กสอบตก ก็ต้องยัดเยียดให้เด็กผ่านให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อครูอาจารย์เก่งหมด ครูถูกปกครองด่าอีก กฎหมายใหม่ก้อเอื้อ ทำโทษเด็กไม่ได้ สอนอย่างไงโดยเรียกเด็กมาสอบใหม่ ท่านไม่มาสอบ เอ้า เอาคำตอบไปลอก อ้อนวอนสารพัดจนเด็กผ่านไปได้ โล่งอก ขนาดได้เกรด ๑.๘
ก็ผ่านได้ ๑.๘ มันเกรดแค่ ๔๐% ผ่านได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว นี่ไงความรู้ของเด็กไทยขณะนี้โดยทั่วไป
๔. การเข้าทำงาน เก่งไม่ค่อยจะได้ ถ้ามีเส้น Ok. ต่อไปเราจะได้ปลัดกระทรวงที่เก่งมากๆ มาจากเส้น ได้ข้าราชการที่เก่งพอๆกัน มาจากสถาบันเส้นอีก
๕. เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เป็น ไม่ยอมลำบาก ไม่อดทนต่อความลำบาก(สังเกตให้ดี ลูกๆเราเป็นอย่างงี้มั้ย ถ้าเป็นครู ลูกศิษย์เราเป็นอย่างงี้มั้ย) ไม่มีวินัย พอเข้าทำงาน เจอระเบียบวินัย เจอเข้มงวด เจองานหนักเข้า ก็มาบ่นให้พ่อแม่ฟัง ไปเจอพ่อแม่มีตังค์ มีอำนาจ (เลี้ยงลูกแบบคุณหนู) จะบอกลูกว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ลาออกมา พ่อแม่เลี้ยงได้ เด็กก็เลยได้ใจ ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว พอได้ครอบครัว เอาผัวเอาเมียมาเกาะพ่อแม่กิน พอพ่อแม่ตาย สมบัติพอมี ขายกินอีก ขยับขยายทำให้กำไรไม่เป็น แล้วรุ่นหลานมันจะเอาอะไรขายกิน หลานเหลนก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีก
๖. เดี๋ยวนี้เราจะเห็น พวกแขก พม่า เขมร และต่างชาติ ต่างมาค้าขายในไทยมากแล้ว และรัฐก็ยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ให้ต่างชาติทำได้ ตอนแรกก็ขายพวกเดียวกันก่อน ต่อมาก็ขายคนไทย ตอนนี้ก้าวหน้า มีผัวไทยเมียไทย จ้างคนไทยเป็นลูกมือแล้ว ต่อไปก็ครองเศรฐกิจแบบแถวแม่สาย แม่สอด มุกดาหาร หนองคาย กรุงเทพฯ และทั่วทุกเมือง
นี้เป็นเพราะพวกเรามองไม่เห็นภัยที่กำลังคืบเข้ามา ยังสนุกอยู่ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ พอพ่อแม่ตาย สมบัติเก็บไม่อยู่แน่ เพราะไม่มีความรู้ในการบริหารงานทำงาน เสียเปรียบในทางกฎหมาย ทุกอย่างจะเสียเปรียบหมด เงินทองจะเสียเร็วมาก กว่าจะฉลาดก็หมด หรือเกือบหมด ตานี้แหละ จะอยู่ด้วยความแร้นแค้นละ…ถ้ายังคิดอยู่ว่า อยู่ที่พระเจ้ากำหนดประทานมา โชควาสนาละก้อ…คง ได้เห็นกันแน่ ตอนนี้เห็นกันบ้างแล้ว… ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ช่วยส่งต่อให้ทุกคนได้อ่านได้คิด…เกิดความสำนึก แก้ตัวแก้ไขต่อไป…
ในภาพสะกดผิดครับ มันต้องเขียนว่า សង្ឃឹមថាគូដណ្ដឹងរបស់ខ្ញុំគឺជាអ្នក
อ่านว่า ซ็อง เคิม ทา กู ด็อน เดิง โรเบ๊าะ คฺญม กือ เจีย เนียะ
แปลว่า หวังว่าคู่หมั้น ของฉัน เป็นเธอ
วันนี้มากับภาพฮาชวนขำพร้อมสำนวนว่า “กูเตือนมึงแล้ว”
អញដាស់តៀនហែងហើយ อ่านว่า /อัญ ด๊ะฮ เตือน แฮง เฮย/
แต่ถ้าในสถานการณ์นี้ควรพูดว่างี้ดีกว่า
អញប្រាប់ហើយមិនជឿ อ่านว่า អានត-อ่านต่อ
ពូកែភ្លេចម្លេះ
อ่านว่า ปูแก เพล็จ แมฺล้ะ
แปลตรงตัวว่า เก่งลืมแท้ คือ ขี้ลืมแท้นั้นแหละ
อยากสอนภาษาเขมรให้ทุกวัน สำคัญก็คือไม่มีกำลังใจจากแฟนเพจ ขอกำลังใจหน่อยครับทุกคน
បងប្អូន
อ่านว่า บอง ปฺโอน
แปลว่า พี่น้อง
ให้ทายว่าใครเป็น Admin อาจารย์เคน และใครเป็นพี่ชาย
เขมรเรียกว่า នំល្ពៅ นม ลฺเปิว
มาฝึกอ่านวิธีทำ ฝึกภาษาไปด้วยเลย
#របៀបធ្វើនំល្ពៅ
#គ្រឿងផ្សំ
– ល្ពៅឈូស ១គីឡូ
– ម្សៅខ្សាយ ៣០០ក្រាម
– សាច់ដូង ១ចាន
– ស្ករស ៣០០ក្រាម
– អំបិល កន្លះស្លាបព្រាបាយ
– ខ្ទិះដូង ៣០០មីលីលីត្រ
– ស្លឹកចេក កាត់ប្រវែង ១-១ចង្អាមកន្លះ (ស្លឹកស្រពាប់ ឬស្រស់ទឹកក្តៅ)
#វិធីធ្វើ
១. ដំបូងយកល្ពៅដែលបានឈូសរួចមកលាយជាមួយ អំបិល, ស្ករស, ម្សៅ, សាច់ដូង និងខ្ទិះដូង រួចហើយកូរច្របល់បញ្ចូលគ្នាឲ្យបានសប់ល្អ។
២. ចាប់ផ្តើមវេចនំ យកស្លឹកចេក ១ ឬ២សន្លឹកទៅតាមស្លឹកចេក រួចហើយចូកល្ពៅដែលបានលាយរួចរាល់ហើយដាក់ ៣ស្លាបព្រាបាយ បន្ទាប់មកកាច់បត់វាជារាងសំប៉ែតវែងល្មមទៅតាមដែលចង់បាន (ដូចរូប) ធ្វើដូចនេះរហូតទាល់តែអស់។
៣. យកនំដែលវេចបានដាក់ចំហុយ ស្មានមើលប្រហែលជា ៤០-៤៥នាទីនោះឆ្អិនអាចស្រង់លើរៀបដាក់ចានជាការស្រេច ៕
ขอความเห็นความรู้จากแฟนเพจบ้าง
1. อันนี้เขมรเรียกว่า กฺดัง เงีย
2. อันนี้เขมรเรียกว่า เจกตุม
3. อันนี้เขมรเรียกว่า กรอวัน
4. อันนี้เขมรเรียกว่า รม ดวล
5. อันนี้เขมรเรียกว่า เซายด
6. อันนี้เขมรเรียกว่า ยีหบ
ជួយផង ឬ ជួយខ្ញុំផង
อ่านว่า จวย พอง หรือ ជួយខ្ញុំផង
แปลว่า ช่วยด้วย หรือ ช่วยฉันด้วย
ภาษาเขมรวันละคำ เรียนภาษาไทย
ภาษาเขมรวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า
ភាសាខ្មែរ : ភ្ញាក់ព្រើត
อ่านว่า : พฺเญียะ เปริด
แปลว่า : ตกใจหมดเลย
អានថា : តុកចៃមត់លើយ
ឧទាហរណ៍ : ចុមយក្ស ភ្ញាក់ព្រើត។
อ่านว่า :
អានត-อ่านต่อ