10 ข้อความสั้นๆ ซึ่งๆ กับสายสัมพันธ์

image

1. คุณตาจากพวกเราไปแล้ว คุณแม่จัดการงานศพคุณตาด้วยอาการที่สงบนิ่ง หลังจากที่เผาศพคุณตาในตอนบ่าย ค่ำวันนั้น เมื่อแม่กลับมาถึงบ้าน ก็นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง แม่พูดกับฉันว่า “ลูกรู้ไหม? แม่ไม่มีพ่ออีกแล้วนะ!” ฉันรีบเข้าไปกอดแม่ไว้ เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ที่อก “แม่คะ แม่ยังมีหนูอยู่อีกคนค่ะ!”
2. ฉันไปทำงานต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ก่อนที่จะกลับมา พี่ๆส่งข่าวบอกกับฉันว่า แม่เป็นอัลไซเมอร์ จำใครไม่ได้เลย ตอนที่ฉันกลับมาถึงบ้าน ฉันเข้าไปหาแม่ที่เตียง และแม่ก็พูดประโยคหนึ่งที่ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา “ลูกอ้วนขึ้นหรือเปล่า?”
3. วันนั้นฉันนั่งรถไฟตู้นอนกลับต่างจังหวัด คนที่นั่งร่วมกับฉันเป็นคุณยายแก่ๆสองคน คนหนึ่งเป็นคนมาส่ง ต่างคนต่างจับมือคุยกันไม่หยุด เมื่อเสียงระฆังดังเตือนว่ารถจะออกจากชานชาลาแล้ว คุณยายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นหมายจะเดินลงรถไป แล้วก็หันกลับมาพูดกับคุณยายอีกคนหนึ่งว่า “พี่คะ ปีนี้หนูอายุ89ปีแล้ว ส่วนพี่ก็90ปีแล้ว ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบหน้ากันแล้วละค่ะ!”
4. เด็กน้อยในหมู่บ้านคนหนึ่ง แม่ของเขาเสียชีวิตลงหลังจากคลอดเขาได้ไม่นาน ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณยายเป็นคนเลี้ยงเขามาตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่ง เด็กน้อยถามคุณยายด้วยความไร้เดียวสาว่า “หนูขอเรียกยายว่าแม่สักครั้งจะได้ไหมครับ?”
5. วันนี้พ่อซื้อทีวีจอใหญ่มา ฉันอยากให้วางไว้ที่ห้องรับแขก แต่แม่บอกว่าให้วางไว้ที่ห้องนอนของพ่อกับแม่แทน เราถกเถียงกันพอหอมปากหอมคอ สุดท้ายพวกเราก็ยอมตามใจแม่ หลายปีผ่านไป มีอยู่วันหนึ่ง แม่ส่งแมสเสจมาหาฉันว่า “ที่แม่อยากให้วางทีวีไว้ที่ห้องของพ่อกับแม่ แม่เพียงอยากให้พวกแกเข้ามาดูทีวีด้วยกันในห้องแม่ แม่แค่อยากให้ลูกๆมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ก็เท่านั้นเอง” ฉันน้อยใจแม่มาตั้งนาน เพิ่งเข้าใจแม่ก็วันนี้ ฉันจึงปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
6. ฉันถามสามีของฉันว่า “หากฉันเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คุณจะรักษาฉันไหม?” สามีเกือบจะหลับแล้ว งัวเงียลุกขึ้นมาพูดว่า “อย่าพูดในเรื่องที่ไม่เป็นมงคล… ต่อให้ขายบ้านขายช่องขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อรักษาคุณ ผมก็จะทำ” ฉันถามต่อไปว่า “แล้วถ้าคุณเป็นล่ะ?” สามีตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า “ไม่ต้องรักษาผมนะ คุณตัวคนเดียว จะหาเงินหาทองมันลำบาก”
7. เหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจครั้งหนึ่ง วันนั้นฉันเอามือถือของสามีมาเล่นเกมส์ บังเอิญได้อ่านข้อความหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อความก่อนที่พ่อของฉันจะจากไปไม่นาน ก่อนหน้านั้นเราไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล พ่อส่งข้อความให้สามีของฉันว่า “ฉันมอบดวงใจของฉันให้เธอดูแล ฉันขอร้องให้เธอดูแลดวงใจของฉันให้ดีๆ ต่อให้ฉันตายไป ฉันก็ยังจะขอบคุณและอวยพรเธอเหมือนเดิม” แม้มันจะผ่านมาหลายปี เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉันก็อดร้องไห้คิดถึงพ่อไม่ได้
8. หลังจากที่พ่อกับแม่แยกทางกัน ฉันอยู่กับแม่ จนพ่อแต่งงานใหม่ และก็มีลูกกับผู้หญิงคนใหม่ ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองคือส่วนเกินของพ่อ ต่อให้ฉันกับแม่ลำบากยังไง เราก็ไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพ่อเลย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เราจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อจริงๆ หลังจากพ่อช่วยจัดการเป็นธุระให้ ฉันจึงส่งข้อความไปหาพ่อ “ขอบคุณค่ะ” ฉันกดส่งไปพร้อมกับน้ำตา ความรู้สึกเหมือนเราห่างกันเหลือเกิน มันไม่เหมือนข้อความที่ลูกส่งให้พ่อของตัวเอง แต่มันเหมือนข้อความที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นที่เราไม่สนิท ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เสียงข้อความเตือนก็ดังขึ้น พ่อตอบกลับข้อความของฉันเพียงแค่สองคำสั้นๆ “เด็กโง่” ฉันโหยหาความรู้สึกนี้จากพ่อมาตั้งนาน “พ่อคะ หนูยังเป็นลูกของพ่อเหมือนเดิมใช่ไหมคะ!”
9. ตอนที่ฉันเรียนมัธยมหก คุณยายถามฉันว่าอยากเอ็นติดที่ไหน? ฉันบอกยายว่าอยากไปเรียนเชียงใหม่ คุณยายทำเสียงน้อยใจว่าไปเรียนทำไมตั้งไกล เรียนที่บ้านเราก็ได้จะได้ไม่ไกลกันเกินไป ฉันหัวเราะความคิดของคุณยายกอดแกแล้วก็ลงไปชั้นล่าง ก่อนสอบเอ็นทรานส์เพียงแค่เดือนเดียว คุณยายก็มาด่วนจากไป ไม่ทันได้สั่งความอะไรเลย เช้าวันที่สองของงานศพ ทุกคนต่างยุ่งกับการจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ ฉันเลยเดินขึ้นไปหาคุณตาที่ห้องชั้นบน คุณตานั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย มองมาที่ฉัน ท่านฝืนยิ้มและพูดว่า “ยายหนู ทำยังไงดี วันหลังตาซื้อนมมาก็ไม่มีใครดื่มแล้วสินะ!” ฉันหันหลังเดินออกจากห้องคุณตาด้วยน้ำตานองหน้า
※ 10 สงกรานต์ปีนี้ฉันต้องไปทำงานพิเศษกับบริษัท ฉันจึงโทรไปบอกแม่ว่าปีนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านเหมือนทุกปี ค่ำวันที่11 เมษายน พ่อออกมายืนรอรับฉันที่ศาลาหน้าหมู่บ้าน รอจนถึงสามทุ่มแม่จึงมาตามพ่อกลับ “ลูกก็บอกแกแล้วไม่ใช่เหรอว่าปีนี้ไม่ได้กลับบ้าน ต้องไปทำงานพิเศษกับบริษัท? ” แม่ตำหนิพ่อที่ทำตัวเหมือนเด็ก “แกไม่รู้อะไรอย่ามาพูด ฉันรู้ว่าลูกต้องแอบกลับมาเซอร์ไพรส์พวกเราแน่ๆ ” เมื่อแม่โทรมาเล่าให้ฉันฟัง หัวใจของฉันเหมือนมีเข็มเล่มแล้วเล่มเล่าทิ่มแทงจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
……………………..
กิจการงาน หน้าที่ตำแหน่ง ชื่อเสียงลาภยศ หากสูญเสียไปแล้ว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นของเราใหม่ได้ แต่ไม่ใช่คนในครอบครัว คนในครอบครัวนั้น เสียแล้วสูญเลย! จงถนอมคนใกล้ตัวไว้ เพราะนี่คือความรักสายสัมพันธ์

ที่มา: บทความดีๆๆจาก บ.พีโอออยล์ จำกัด

16 พฤติกรรมคนละขั้วของคนประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว

image

1. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง vs กลัวการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปฏิเสธได้ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องยากที่หลายๆ คนจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ในโลกทุกวันนี้ที่เรามีความเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด มันจึงจำเป็นมากที่เราจะต้องกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงและปรับตัว แทนที่จะกลัวและปฏิเสธมัน

2. อยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จ vs หวังให้คนอื่นล้มเหลว
เมื่อคุณอยู่ในองค์กรที่มีคนมากมาย การประสบความสำเร็จหมายถึงทุกคนควรจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ไม่ใช่การหวังว่าใครคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณมีความคิดว่าอยากให้อีกฝ่ายหรืออีกทีมล้มเหลว มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำงานร่วมกัน?

3. ส่งต่อความสุข vs ส่งต่อความหงุดหงิด
ในการทำธุรกิจนั้น เป็นเรื่องปรกติที่จะเกิดอารมณ์ขณะทำงาน แต่ถ้าคุณส่งต่อความสุขหรือทำให้คนรอบข้างรู้สึกสนุกร่วมไปกับคุณแล้ว ทีมก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า แต่หากใครส่งค่อความหงุดหงิดให้กับทีมรอบข้างแล้วก็จะยิ่งทำให้คนรอบๆ รู้สึกแย่ ไม่มีแรงกระตุ้น และยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้

4. รับผิดชอบกับความล้มเหลว vs โทษว่าเป็นเพราะผู้อื่น
คุณสมบัติข้อหนึ่งของการเป็นผู้นำที่ประสบควาสำเร็จนั้นคือการกล้ารับผิด กล้าเป็นคนที่ออกตัวว่าเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น การโทษคนอื่นไม่ได้นำไปสู่อะไรทั้งนั้นหากแต่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมเสียอีก

5. พูดคุยเรื่องของไอเดีย vs พูดคุยแต่เรื่องคนอื่น
การเอาแต่พูดคุยว่าคนอื่นเป็นอย่างไร การซุบซิบนินทาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรทั้งนั้น มีแต่เสียเวลาไปเปล่าๆ อีกต่างหาก คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช้เวลาไปกับการนินทาคนอื่น หากแต่จะเน้นในการแลกเปลี่ยนความคิดหรือหาวิธีที่จะขับเคลื่อนความคิดต่างๆ ไปข้างหน้า

6. แลกเปลี่ยนไอเดียและข้อมูล vs หวงข้อมูล
การแชร์สิ่งที่มีประโยชน์ให้กับคนอื่นมีแต่จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่แคร์คนอื่น ยิ่งในยุค Social Media นั้น การแชร์เรื่องราวดีๆ เป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จ มันยิ่งทำให้คนอื่นสามารถมาร่วมกับคุณในการไปสู่ความสำเร็จได้ แต่การเอาแต่หวงข้อมูลนั้นมีแต่ทำให้คุณเห็นแก่ตัวและคิดถึงผลลัพธ์ในระยะสั้นเท่านั้น
7. ให้เครดิตทุกคนที่ทำให้ประสบความสำเร็จ vs เอาเครดิตจากคนอื่น
การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญในการประสบความสำเร็จ มันจำเป็นมากที่ผู้นำจะต้องไม่เอาเครดิตจากคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามคือให้พวกเขาถูกได้รับการให้ความสำคัญหรือการให้พวกเขาได้มีเวทีที่จะถูกยอมรับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาทำงานอย่างมีใจในระยะยาวและทุ่มเทกับงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย

8. ตั้งเป้าหมายชีวิต vs ไม่ตั้งเป้าหมายชีวิต
มันเป็นเรื่องยากถ้าคุณจะประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังจะมุ่งเป้าไปที่อะไร การตั้งเป้าหมายของชีวิตเป็นแผนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 10 ปี 3 ปี หรือการวางแผนว่าคุณจะทำอะไร / เป็นอะไรในแต่ละปีนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนประสบความสำเร็จมักทำกันเพื่อให้พวกเขารู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหน

9. จดบันทึก vs บอกว่าคุณจดบันทึกแต่จริงๆ ไม่ได้ทำ
ไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์มักเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันอยู่บ่อยๆ หลายๆ ทีมันมักมาแบบผิดที่ผิดเวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักจะรีบจดโน๊ตเพื่อบันทึกไอเดียเหล่านั้นอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ให้ไอเดียเหล่านั้นสูญหายไป และหลายๆ ครั้งที่ไอเดียเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดงานดีๆ หรือทำให้หลายๆ คนประสบความสำเร็จได้เลยทีเดียว

10. อ่านหนังสือทุกวัน vs ดูทีวีทุกวัน
การอ่านหนังสือทุกๆ วันจะทำให้คุณได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อยู่เสมอ การอ่านที่ว่านี้อาจจะรวมไปถึงการอ่านบล็อก การอ่านนิตยสาร หรือหนังสือดีๆ ซึ่งทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การดูทีวีส่วนใหญ่มักนำไปสู่การทำให้คุณผ่อนคลาย ได้ความบันเทิง ได้หลีกหนีจากความเครียด แต่คุณแทบจะไม่ได้อะไรจากทีวีที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จสักเท่าไร

11. ทำงานด้วยมุมมองที่ปรับตัวอยู่เสมอ vs ทำงานในมุมมองแบบเดิมๆ
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะมองหาวิธีการทำงานที่ดีขึ้นไปกว่าเดิม ทำให้งานไปสู่อีกขั้นหนึ่งอยู่เสมอ พวกเขามักมองการทำงานเป็นเหมือนความท้าทายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแทนที่จะสนใจแค่การสร้างยอดขายหรือทำงานให้เสร็จๆ ไปในแต่ละวัน

12. เรียนรู้อยู่เสมอ vs หยุดที่จะเรียนรู้
ความรู้ในโลกนี้มีมากมายและยังมีเรื่องราวอีกมหาศาลที่คุณยังไม่ได้รู้ แม้แต่ในสายงานของคุณเองก็ตาม การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองคือวิธีเดียวที่จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ คุณจะเหนือกว่าคนอื่นหรือเป็นที่โดดเด่นได้ก็เพราะคุณรู้มากกว่าคนอื่น ถ้าคุณหยุดที่จะเรียนรู้หรือคิดว่าตัวเองรู้แล้ว ในไม่ช้าคุณก็จะเป็นผู้ตามในที่สุด

13. กล่าวชมคนอื่น vs วิจารณ์คนอื่น
การชมคนอื่นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความห่วงใยคนที่คุณแคร์ การให้คำชมเป็นวิธีในการสร้างพลังงานและกำลังใจให้บคนทำงาน ในขณะที่การวิจารณ์คน (แบบไม่ดี) มีแต่จะทำให้คนรู้สึกแย่และไม่ได้นำไปสู่อะไรที่เป็นประโยชน์เท่าไรนัก

14. ยกโทษคนอื่น vs เจ้าคิดเจ้าแค้น
ใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวผ่านความผิดพลาดและทำให้ดีขึ้น แต่การตำหนิ ใส่อารมณ์ หรือตามแค้นก็มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลงไปกว่าเดิมต่างหาก

15. รู้ในสิ่งที่คุณ “อยากเป็น” vs ไม่รู้ว่าคุณอยากเป็นอะไร
การทำลิสต์ “To-Be” เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีมากของการตั้งเป้าหมายว่าอนาคตคุณจะเดินไปทางไหน มันทำให้คุณเห็นภาพว่าอนาคตคุณจะเป็นอย่างไรและย้อนกลับมาว่าคุณไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร คนที่ประสบความสำเร็จมักมีภาพในหัวชัดมากว่าพวกเขาอยากเป็นอะไร แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักไม่มีภาพเหล่านี้อยู่ในหัวเลย

16. กตัญญูและซาบซึ้งกับสิ่งรอบข้าง vs ไม่รู้สึกอะไรกับโลกรอบข้าง
การที่คุณสามารถ “รู้สึก” กับสิ่งรอบข้างทำให้คุณเห็นคุณค่าของความสำเร็จและความสุขมากมายรอบตัว นอกจากนี้คนที่คุณรู้สึกดีมากมักเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะขอบคุณและเห็นคุณค่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเข้าใจคำว่า “ความสำเร็จ” มากขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม

ที่มา:  บทความดีๆๆจาก บ.พีโอออยล์ จำกัด

ผึ้งและแมลงวัน

image

ถ้าหากคุณจับเอาผึ้ง 6 ตัวใส่ในขวด และจับแมลงวัน 6 ตัวเช่นกัน ใส่ในอีกขวด

จากนั้นค่อย ๆ วางขวดให้นอนลง โดยหันก้นขวดไปทางหน้าต่าง

คุณจะพบว่าผึ้งพยายามที่จะบินออกทางก้นขวด จนกระทั่งมันตายจากการขาดอาหาร

ในขณะที่แมลงวันนั้น จะสามารถบินออกมาทางฝั่งคอขวด ที่อยู่ด้านตรงข้ามกับก้นขวดซึ่งหันไปทางหน้าต่าง

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าผึ้งเป็นสัตว์ที่ฉลาด มีองค์ความรู้ พวกมันรู้ว่าการบินไปในทิศทางที่มีแสงสว่าง

จะเป็นทางออกจากรัง โพรงไม้ ฯลฯ แต่เมื่อต้องมาอยู่ในขวด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผึ้งไม่เคยเผชิญมาก่อน

มันก็ยังคงเชื่อในความคิดแบบเดิมที่มีมาตลอด คือ ต้องบินออกทางแสงสว่างเท่านั้น

แต่สำหรับแมลงวัน มันเป็นสัตว์ที่ไม่มีความคิดเป็นตรรกะ ดังนั้นเมื่อถูกจับไว้ในขวด มันจึงบินชนผนังขวดจากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง

ชนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบทางออก

การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า คนฉลาด รู้มาก ก็สามารถที่จะล้มเหลวได้เพราะความรู้มาก ในขณะที่ผู้ไม่รู้ก็อาจจะประสบความสำเร็จ

จากการลองทำในสิ่งที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ ได้เช่นกัน

คนอื่นและและพ่อแม่

image

เวลาไม่มีเงิน …
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน…
คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อน

อยากได้รถ ..
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีรถ…
คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อน

ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค …
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน .
มีสำหรับพ่อและแม่

โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า …
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน
ทีวี และสวนหน้าบ้าน …
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน …
เพื่อความอยู่รอด
ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นอินเทอร์เน็ตก่อนนอน …
เพื่อให้หลับฝันดี

เวลาเรามีความสุข .
มักจะมองหาแฟนและเพื่อน
เวลาเรามีความทุกข์ .
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่

เวลาประสบความสำเร็จ !..
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัดฉลองและสังสรรค์
แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ …
แต่พ่อและแม่
กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

ลูกไปรื่นเริงตามโรงภาพยนตร์
เธค ผับ โต๊ะสนุกเกอร์ ฯลฯ …
พ่อและแม่กลับทำงาน หรือ
นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น
เพื่อแลกความสุขของลูก
อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ

เวลาแต่งงาน …
คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่
คนที่มีความสุขคือลูก

พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง
เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย
..เพื่อให้ลูกได้ดี
แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูด …
เป็นแค่เรื่องไร้สาระ

พ่อและแม่ …
คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก
แต่พอลูกมีปัญหา …
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย!!!!

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง
และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่
ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด … ???

คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่”
อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด
แล้วคุณเตรียมอะไรไว้
เพื่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณหรือยัง

เค้าบอกว่า…ถ้าอ่านแล้วส่งต่อ
ก็เท่ากับว่าได้ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของความรัก

ขอบคุณเจ้าของภาพเเละข้อความ

แท้จริงแล้วคนเราต่างกันแค่เพียงนิดเดียว …

แจ๊ค หม่า : แท้จริงแล้วคนเราต่างกันแค่เพียงนิดเดียว …

image

1. คุณนอนอู้อยู่บนเตียง  เขากำลังออกกำลังกายอยู่  ดังนั้นเขามีสุขภาพดีกว่าคุณ
2. คุณทำงานไปวันๆ  เขาตั้งใจทำงาน  ดังนั้นเขากลายเป็นหัวหน้าของคุณ 
3. คุณกำลังทำโครงการวันนี้ให้เสร็จ  เขากำลังวางแผนโครงการของปีหน้า  ดังนั้นเขาจึงสามารถครอบครองโอกาสมากกว่าคุณ 
4. คุณกำลังหาข้ออ้าง  เขากำลังแก้ไขปัญหา  ดังนั้นธุรกิจการงานของเขาประสบความสำเร็จมากกว่าคุณ
5. คุณเพลินกับการใช้จ่าย  เขากำลังบริหารทรัพย์สิน  ดังนั้นเขาสมบูรณ์มั่งคั่งมากกว่าคุณ 
6. คุณกำลังคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง  เขากำลังคิดและพิจารณาถึงผลประโยชน์ของอีกฝ่ายหนึ่ง  ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันที่ดีกับผู้คนมากกว่าคุณ 󾮗
” ความสำเร็จไม่มีปาฏิหาริย์  มีเพียงแค่ลู่ทางเท่านั้น ” 

ครูจะสอนใคร?

image

คุณครูขา…อย่าด่าว่าโง่เง่า
ดึงเทือกเถาเหล่ากอมาข้องเกี่ยว
หนูเกิดมาโง่อยู่หนูคนเดียว
ไม่มีญาติมาเอี่ยวเกี่ยวกับใคร
.
หนูยังเยาว์หนักหนาปัญญาทู่
ไม่เหมือนกับคุณครูหรือผู้ใหญ่
หนูจึงมาโรงเรียนด้วยจำใจ
หวังจะได้เรียนรู้สู้ฝ่าฟัน
.
หนูอยากรู้ปราดเปรียวเฉลียวฉลาด
อยากเก่งกล้าสามารถดังวาดฝัน
หนูจึงมาหาครูผู้สำคัญ
หวังครูนั้นเป็นที่หนึ่งได้พึ่งพา
.
หนูอยากเป็นคนเก่งให้ใครทัก
เป็นเด็กดีที่ครูรักเสียหนักหนา
หนูไม่อยากโง่หรอกบอกเจตนา
แต่อับจนปัญญาว่าอย่างไร
.
คุณครูขา…อย่าด่าว่าอย่ารำคาญ
หนูเองก็ทรมานเป็นไหนไหน
ครูก็ดุเพื่อนก็ล้อจนท้อใจ
พ่อแม่ใส่สับโขกกะโหลกบาน
.
คุณครูขาอดทนหน่อยเถิดหนา
คิดเมตตาหนูสักคนพอพ้นผ่าน
ถ้าหากหนูฉลาดเฉลียวจนเชี่ยวชาญ
หนูก็ไม่ซมซานมาหาครู
.
ถ้าทุกคนเลิศแล้วเป็นแก้วมณี
ไม่ต้องมีโรงเรียนให้เพียรสู้
ไม่ต้องมีคนสอนป้อนความรู้
อาชีพหรูครูก็ไร้คนไยดี
.
คุณครูขา…อย่าด่าว่าโง่เง่า
ถึงเทือกเถาเหล่ากอให้บัดสี
ถ้าเด็กโง่อย่างหนูนั้นไม่มี
สุดท้ายนี้-แล้วครูจะสอนใคร!

นิทานเรื่อง เรือสำราญจม อย่าตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน

image

เรือสำราญลำหนึ่งเจอมรสุมทางทะเล
บนเรือมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง กระเสือกกระสนมาถึงเรือชูชีพ,
บนเรือชูชีพมีเพียงที่ว่างที่เดียว,

ทันใดนั้น,
สามีผลักภรรยาไปข้างหลัง,
ตัวเองโดดขึ้นไปบนเรือชูชีพ
ภรรยายืนอยู่บนเรือที่ค่อยๆจมลง,
ตะโกนไปที่สามีประโยคหนึ่งว่า….

เล่าถึงตอนนี้,
อาจารย์ถามนักเรียน:
พวกเธอลองเดา ว่าผู้หญิงจะตะโกนว่าอะไร?

พวกนักเรียนต่างโกรธเกรี้ยว,
ต่างพูดว่า:
ฉันเกลียดคุณ ฉันมันตาบอด

ณ บัดดล อาจารย์สังเกตุเห็นนักเรียนคนหนึ่งไม่พูดไม่จาตลอดเวลา,
ก็เลยถามเธอ
นักเรียนคนนี้พูดว่า
อาจารย์  หนูคิดว่าผู้หญิงคงจะตะโกนว่า—ดูแลลูกเราให้ดีดีนะคะ

อาจารย์ตกใจ ถามว่า
เธอเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้แล้ว ใช่ไหม?
นักเรียนสั่นหัว
“ไม่เคย แต่ตอนแม่หนูป่วยหนักก่อนตาย ได้พูดแบบนี้กับพ่อหนูค่ะ”

อาจารย์ซึ้งใจและพูดว่า
คำตอบถูกต้อง
เรือจมลงไปแล้ว ผู้ชายกลับไปถึงบ้าน,
เลี้ยงดูบุตรสาวตามลำพังจนโต

หลายปีผ่านไป  ผู้ชายป่วยตาย,
ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ  พบไดอารี่ของพ่อ

ที่แท้  พ่อกับแม่ไปเที่ยวเรือสำราญ
แม่ก็ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
เงื่อนเวลาแห่งความเป็นความตาย,
พ่อฉวยโอกาสเดียวที่จะรอดชีวิต

เขาเขียนในไดอารี่ว่า
ฉันอยากจะจมลงใต้ทะเลพร้อมเธอ
แต่ฉันทำไม่ได้ เพื่อลูกสาว ฉันจำต้องให้เธอ
นอนหลับยาวอยู่ใต้ทะเลลึก

นิทานเล่าจบ ห้องเรียนเงียบกริบ,

อาจารย์รู้ว่า
นักเรียนต่างก็เข้าใจนิทานเรื่องนี้กันหมดแล้ว

ความดีและความชั่วในโลกนี้ บางครั้งดูสับสนไม่ชัดเจน แยกแยะไม่ออก,
เพราะฉะนั้น อย่าตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน

คนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อน  ไม่ใช่เพราะมีเงินมากไป
แต่ให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง

เวลาทำงาน คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่น ไม่ใช่เขาโง่ แต่เขารู้หน้าที่

หลังจากทะเลาะกัน คนที่ขอโทษก่อน  ไม่ใช่เขาผิด,
แต่เขารู้จักทนุถนอมคนข้างกาย

คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ  ไม่ใช่ติดค้างอะไรคุณ
แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้

คนที่ส่งข่าวสารให้คุณบ่อยๆ  ไม่ใช่ว่างจนไม่มีอะไรทำ,
แต่เพราะว่าในใจเขามีคุณ..

ตะเกียงส่องใจ

image

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่า….
เพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่ง
มีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ
และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน
จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
………
หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตก
มองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
‘ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตก
ที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมา
ตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน’
คนตักน้ำตอบว่า
‘เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบาน
อยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง
เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่
ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้
ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า
และทุกวันที่เราเดินกลับ …
เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น
………
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้
สวยๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว …
เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้
………
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่อง
ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิ
และข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ
และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้
………
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคน
ในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุด
ในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง
มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มี
แต่ข้อเสียเท่านั้น

เศรษฐีกับช่างตัดผม

image

เศรษฐีคนหนึ่ง แม้ฐานะร่ำรวย แต่กลับตระหนี่ถี่เหนียว
วันหนึ่งเขาไปตัดผม ช่างตัดผมจำเศรษฐีคนนี้ได้ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“ผมจำคุณได้ ได้ยินมาว่าคุณร่ำรวยมาก”
เศรษฐีพอได้ยินก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“แน่นอน ผมรวยพอที่จะซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้” เศรษฐีได้ทีคุยโอ้อวดทันที
“ผมว่า ทรัพย์สมบัติที่คุณมี ก็คงจะมากกว่าผมสักแสนเจ็ดเท่านั้นแหละ!” ช่างตัดผมเอ่ยขึ้น
เศรษฐีเมื่อได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง พูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า
“นี่นายพูดอะไร? เงินที่อยู่ในกระเป๋าของฉันตอนนี้ ก็มากว่าทรัพย์สมบัติของนายที่มีอยู่ในบ้านนี้ทั้งหมดเสียอีก”
ช่างตัดผมเมื่อได้ยิน ก็รีบตอบกลับไปว่า
“คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ฟังผมอธิบายก่อน คุณรู้ไหมว่าราคาโลงจำปาที่แพงที่สุดราคาเท่าไหร่?”
“สองแสน” เศรษฐีตอบออกไปแบบเสียไม่ได้
“แล้วถูกที่สุดราคาเท่าไหร่?” ช่างตัดผมถามต่อ
“สามหมื่น”
“เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณลาลับไปจากโลกนี้ ลูกหลานของคุณก็คงซื้อโลงที่ราคาแพงที่สุดให้คุณ ส่วนผมเป็นคนจน ลูกๆก็คงจะซื้อโลงที่ถูกที่สุดให้ผม ดังนั้น ทรัพย์สมบัติสุดท้ายที่คุณมี ก็มากกว่าผมแค่แสนเจ็ด นอกเหนือจากนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นของคุณอีกต่อไป ”
เมื่อเศรษฐีได้ฟังช่างตัดผมอธิบายก็แจ้งใจในทันที จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็เลิกนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว หันมาทำบุญให้ทานอยู่เป็นนิจสิน สมกับคำว่า“เศรษฐี”ที่แปลว่าผู้ประเสริฐ ซึ่งไม่ได้หมายถึงมีทรัพย์มากเพียงอย่างเดียว
…………………..
ช่างตัดผม แม้จะมีฐานะยากจน แต่เป็นผู้มีทรัพย์แห่งปัญญามาก
เพราะการจุดปัญญาให้แก่ผู้อื่นมีกุศลมาก
คนที่หัวใจไร้ธรรม ไร้สติปัญญาต่างหากเล่า ที่เป็นผู้ยากไร้อย่างแท้จริง

บทความดีอีกมากที่ ( นุสนธิ์บุคส์ )

ความรู้ใหม่..เข้าใจตรงกันโภชนาการบำบัดโรค

ขอให้อ่านให้จบติ๊ดนึง…

1.ดื่มน้ำร้อนปลอดทุกโรค

น้ำร้อน

2.กินไข่ลวกวันละสองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ

3.หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ

4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า

5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง

6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด

7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย

8.กล้วยน้ำว้านำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน

9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อน จะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ)กินกล้วยเพื่อสุขภาพ

10.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด

11.กินน้ำมันหมูดีที่สุดเพราะซ่อม
สร้างเนื้อเยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้
ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธี
มีสารเคมีตกค้างมากมายมีอันตราย ต่อสุขภาพระยะยาวแน่นอน

12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก

ถั่งเช่า ช่วยเพิ่มสมรรถภาพ จริงหรือ?

ถั่งเช่า ถั่งเฉ้า เห็ดถั่งเช่า คืออะไร

ณ วันนี้คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยิน คำว่า “ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” สมุนไพรที่อ้างกันว่าช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ จริง ๆ แล้ว “ถั่งเช่า” คืออะไร มีสรรพคุณตามคำกล่าวอ้างเหล่านั้นหรือไม่? บทความนี้มีคำตอบ

เห็ดถั่วเฉ้า

“ถั่งเช่า” หรือที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” หรือ ตังถั่งเช่า หรือ ตังถั่งแห่เช่า แปลเป็นไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” หรือที่เรียกกันว่า “หญ้าหนอน” ทั้งนี้เพราะว่า ยาสมุนไพรชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นตัวหนอน คือ ตัวหนอนของผีเสื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตัวหนอนมีเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. หนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย สปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลาย แล้วไปตกที่พื้นดิน จากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์ และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น เส้นใยงอกออกจากท้องของตัวหนอน และงอกออกจากปากของมัน เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน รูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อย ๆ ตายไป อยู่ในลักษณะของหนอนตายซาก ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือ ตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้วนั่นเองเห็ดถั่วเฉ้า 4

ถั่งเช่าพบได้ในแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาประเทศจีน (ธิเบต) เนปาล และภูฏาน ระดับความสูง 10,000-12,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เพาะในบริเวณภาคใต้ในมณฑลชิงไห่ เขตซางโตวในธิเบต มณฑลเสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว การเก็บถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่อขุดตัวหนอนขึ้นจากดินแล้ว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตากแห้ง การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง
“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้นเห็ดถั่วเฉ้า 3

องค์ประกอบทางเคมีของถั่งเช่า
ถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น โปรตีน วิตามินต่างๆ ( Vit E, K, B1, B2 และ B12) และแร่ธาตุต่าง ๆ (โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม) เป็นต้นเห็ดถั่วเฉ้า 2

รายงานการวิจัยในคน
ถึงแม้ว่า “ถั่งเช่า” มีการใช้อย่างแพร่หลายและมีราคาสูง แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาในคนอย่างเป็นระบบมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นกรณีศึกษาเท่านั้น ตัวอย่างเช่น
กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ พบว่าการวิจัยในผู้ชาย 22 คน ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และมีผลลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง 29% และมีอีกกรณีศึกษาในผู้ป่วยทั้งชายและหญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง พบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการรับประทานถั่งเช่าจะช่วยปกป้องและช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 300 % และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86%

  • กรณีศึกษาฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยทำการศึกษาในผู้ชาย 5 คน (อายุเฉลี่ย 35 ปี) ที่ถุงลมถูกกระตุ้นให้อักเสบด้วย lipopolysaccharide (LPS) พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น interlukin-1beta (IL-1beta), interlukin-6 (IL-6), interleukin-8 (IL-8), interleukin-10 (IL-10) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-alpha) ได้ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น
  • กรณีศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยการให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3 กรัม/วัน พบว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95% ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง 54%
  • กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการฟื้นฟูระบบการทำงานของไต โดยให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3-5 กรัม/วัน พบว่าถั่งเช่าทำให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดีขึ้น และพบว่าหลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะไตวาย ได้แก่ ลดความดันโลหิต ลดระดับโปรตีนในปัสสาวะ ลดการเกิดภาวะโลหิตจาง และช่วยเพิ่มเอนไซม์ superoxide dismutase (SOD) ซึ่งป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีรายงานว่าการให้ผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่องจากการใช้ยา gentamicin รับประทานถั่งเช่า 4.5 กรัม/วัน มีผลทำให้ระบบการทำงานของไตดีขึ้นเป็นปกติ 89 % เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากรับประทานถั่งเช่าภายใน 6 วัน

การศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
เป็นการทดลองในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ และกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้นเห็ดถั่วเฉ้า 1

ข้อควรระวัง

  1. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
  2. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
  3. ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

“ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรสุดฮิตในปัจจุบัน เป็นการใช้ตามสรรพคุณของภูมิปัญญาที่มีมานานกว่าศตวรรษ แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการศึกษาทางคลินิกยังมีน้อย ฉะนั้นการใช้ถั่งเช่าจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ ถั่งเช่ามีราคาสูงมาก ทั้งนี้ยังพบว่าในท้องตลาดมีถั่งเช่าหลายระดับคุณภาพมาก ตามภูมิปัญญาของจีนมีการจัดคุณภาพของถั่งเช่าเป็น 3 ระ ดับ ระดับที่ดีที่สุด ความยาวของตัวเห็ดจะเท่ากับความยาวของตัวหนอน (ประมาณ 3-4 เซนติเมตร) ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าสีทองซึ่งเป็นเห็ดสกุลเดียวกับตังถั่งเช่า (Cordyceps) แต่คนละชนิด (species) และมีการกล่าวอ้างว่ามีคุณภาพดีกว่าตังถั่งเช่า ซึ่งจะต้องมีการศึกษาพิสูจน์ต่อไป นอกจากนี้ขนาดบริโภคของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร ขนาดการใช้ที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้ การใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงในนมบุตร และในเด็ก ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ และห้ามใช้ในคนที่แพ้เห็ด Cordyceps ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ฉะนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้และควรมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการใช้ถั่งเช่าในการรักษาโรคเพื่อความปลอดภัยและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค

ที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/

ផ្ទី-ผักขม ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

image

ภาษาเขมร : ផ្ទី
อ่านว่า : พฺตี
แปลว่า : ผักขม หรือ ผักโขม
អានថា : ផៈក៍ ឃ៎ម់ ឬ៎ ផៈក៍ឃោម
ภาษาอังกฤษ : Amaranthus lividus 

ตัวอย่าง : ផ្ទីប៉ូវឈាម។
อ่านว่า :
អានត-อ่านต่อ

14 រឿងប្លែកៗ តែមានពិតនៅប្រទេសជុប៉ុន

១. នៅប្រទេសជុប៉ុន មិនថានៅតាមផ្លូវណា ឬផ្លូវទូលាយយ៉ាងណា មិនថាពេលយប់ស្ងាត់ឈឹងគ្មានឡានម៉ូតូសោះយ៉ាងណាក៏ដោយ អ្នកដែលត្រូវឆ្លងថ្នល់ ត្រូវតែដើរទៅរកគំនូសសម្រាប់ឆ្លងថ្នល់ ហើយត្រូវចាំរហូតដល់ភ្លើងបែតងសិនទើបអាចឆ្លងបាន គួរឲ្យសរសើរណាស់។

japan_1

២. សេវ៉ាកម្មរាក់ទាក់ភ្ញៀវនៅប្រទេសជុប៉ុនពិតជាល្អពិសេសលើសប្រទេសណាណាទាំងអស់ ពេលចូលផ្សារទំនើប ឬម៉ាតណាក៏ដោយ អ្នកនឹងឃើញអ្នកទទួលភ្ញៀវចាំរាក់ទាក់អ្នក។ ហើយបើកាលណាអ្នកចេញពីហាង គេនឹងឈរញញឹមអរគុណអ្នករហូតទាល់តែអ្នកដើរឆ្ងាយដាច់កន្ទុយភ្នែកទើបឈប់ ព្រោះបើភ្ញៀវងាកក្រោយហើយមិនឃើញអ្នក ចាត់ទុកថាជារឿងមិនគួរសមយ៉ាងខ្លាំង។

japan_2

៣. ជនជាតិជុប៉ុនមានអត្រាការធ្វើអត្តឃាតខ្ពស់ណាស់ ហើយវិធីដែលគេអាចជ្វើអត្តឃាតមួយក្នុងចំណោមវិធីផ្សេងៗនោះគឺការលោតចូលផ្លូវរថភ្លើងល្បឿនលឿន។ តែលោកអ្នកមានដឹងទេថាក្នុងករណីសំលាប់ខ្លួនដោយវិធីនេះ ញាតិមិត្តបងប្អូននឹងត្រូវបងប្រាក់ឲ្យក្រុមហ៊ុនរថភ្លើងយ៉ាងច្រើនមហាសាលព្រោះវាជាការដែលគេចាត់ទុកថាបានធ្វើឲ្យក្រុមហ៊ុនមានការខាតបង់និងខាតពេលវេលាយ៉ាងធ្ងន់ធ្ងរ។ ម្លោះហើយបើចង់ស្លាប់ ត្រូវជ្រើសរើសវិធីស្លាប់ដែលមិនធ្វើឲ្យអ្នកនៅរស់ត្រូវលំបាកព្រោះខ្ញួនឯងផងណា។

japan_3 អានត-อ่านต่อ

ដល់ក! ចេះរកនឹកឃើញ

ថ្ងៃនេះមានរូបភាពប្លែកៗ ព្រមទាំងគំនិតបង្កើតថ្មីៗប្លែកៗ អាចធ្វើតាមបាន តែមានរូបខ្លះមិនគួរធ្វើតាមល្អជាង ជាពិសេសរូបចុងក្រោយគេ ហាហាហា។ កុំឲ្យខាតពេលយូរ តោះ ទៅមើលទាំងអស់គ្នា។

car[1]

បណ្ដោះអាសន្នបានដែរតើ!

enhanced-buzz-22351-1407513688-15-vert[1]

អានត-อ่านต่อ

รวมข้อคิดดีๆ อยากให้ อ่าน ช้า ช้า สบายๆ

image

เมื่อตอนที่นก ยังมีชีวิตอยู่.. มันจะกินมดเป็นอาหาร แต่เมื่อมันตาย.. มันก็จะถูกมดกินเป็นอาหารเช่นกัน

ต้นไม้หนึ่งต้น สามารถทำเป็นไม้ขีดไฟได้เป็นล้านๆ ก้าน แต่ไม้ขีดไฟเพียงหนึ่งก้าน ก็สามารถเผาต้นไม้ได้เป็นล้านๆ ต้นเช่นกัน

จงอย่ามองข้ามคนที่ด้อยกว่า เพราะหลงตัวเองว่ายิ่งใหญ่

อย่ามองข้ามลูกค้ารายเล็ก ไม่เห็นคุณค่าของพวกเขา เพราะสักวันหนึ่งเขาอาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราก็เป็นได้ អានត-อ่านต่อ

9 กำลังใจ

image

1. อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่
และอย่าแคร์ สายตาใคร
ตราบใดที่เรา ยังหายใจ
ด้วยจมูกของเราเอง

2. คนอื่น ไม่ให้โอกาสเรา
ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเรา
ไม่ให้โอกาสตัวเอง

3. กระจก ไม่เคยดูถูกใคร
มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง

4. คนฉลาด ไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง
แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่าง
จากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น

5. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ
คนที่ได้ทำ ในสิ่งที่อยากทำ
ไม่ใช่เพราะได้ทำ
ในสิ่งที่ คนอื่นอยากให้ทำ

6. อย่าเป็นคนเก่ง ที่แล้งน้ำใจ
แต่จงเป็น คนธรรมดาทั่วไป
ที่มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว

7. มองปัญหา ให้เหมือนกับ เม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทราย ก็เล็กนิดเดียว

8. ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก
เพราะขนาดดินสอ ยังต้องมียางลบ

9. ใครจะดูถูกเรา ก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป
แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง

14 อย่างที่คุณอาจไม่รู้ว่า “หูฟัง iPhone” ของคุณทำได้!!

image

แน่นอนว่า “ไอโฟน” ทุกเครื่อง จะมาพร้อมกับ “หูฟัง iPhone” ซึ่งหลายๆ คนคงไม่ได้ใช้มันทำอะไรมากนัก นอกจากฟังเพลง หรือใช้เป็นสมอลทอล์กตอนขับรถ แต่คุณรู้มั้ยว่า มันมีอะไรมากกว่านั้นที่ “หูฟัง iPhone” ของคุณทำได้ และนี่คือ 14 อย่างนั้นที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน และเราเอามาฝากกัน!

image

1.กดปุ่มกลางหนึ่งทีคือการเล่นเพลง
2.กดปุ่มกลางอีกทีคือคือ Pause เพลง
3.กดปุ่มตรงกลาง 2 ที คือการเลื่อนไปเพลงถัดไป
4.กดปุ่มตรงกลาง 3 ที คือย้อนไปจุดเริ่มต้นของเพลง
5.หรือทำแบบเดิมเพื่อย้อนไปเพลงก่อนหน้า
6.กดปุ่มตรงกลาง 2 ที ครั้งที่สองให้กดค้างไว้ จะเป็นการกรอเพลงไปข้างหน้า
7.กดปุ่มตรงกลาง 3 ที ครั้งที่สามค้างไว้ จะเป็นการกรอเพลงย้อนกลับ
8.เวลามีคนโทรเข้า กดปุ่มตรงกลางเป็นการรับสาย ที่หูฟัง มีไมโครโฟนอยู่แล้ว สามารถพูดใส่ได้เลย
9.เวลามีคนโทรแทรก ตอนที่คุยอยู่ กดปุ่มตรงกลาง 1 ที จะเป็นการเปลี่ยนไปคุยสายใหม่ และให้สายแรกรอสายก่อน
10.แต่ถ้าไม่อยากรับสายที่แทรกเข้ามาทีหลัง ให้กดปุ่มกลางค้างไว้ประมาณ 2 วินาที ก็จะตัดสายที่แทรกไป
11.ถ้าจะวางสาย กดปุ่มตรงกลาง 1 ที
12.ถ้าไม่อยากรับสายเลย กดปุ่มตรงกลางแช่ไว้ สายจะถูกโอนไประบบรับฝากข้อความทันที
13.ต้องการพูดคุยกับ Siri คุณแค่กดปุ่มตรงกลางแช่ไว้ Siri ก็จะโผล่มา
14.ถ่ายรูปได้ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงก็ได้

ง่ายและเจ๋งสุดๆ เลยใช่มั้ยล่ะ? และอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ของคุณที่ใช้ “ไอโฟน” เหมือนกันดูด้วยล่ะ
cr: ki

เห็นแล้วจะอึ้ง !!!!

รถโดยสาร ฮอลันดา
http://youtu.be/c1ASawxYstA

รถโดยสารบังคลาเทศ

เห็นแล้วจะอึ้ง !!!!

ทำให้เข้าใจคนเราเกิดมา…ไม่ได้เสมอภาค แต่ต่างกันที่…ประกอบเหตุทำบุญมาในอดีตชาติมากกว่า
ไม่คิดไม่แปลก…แต่ถ้าคิดดีๆน่าศึกษามากทีเดียว…เรื่อง…กฏแห่งกรรม และ…วิชชาชีวิต

ภัยใกล้ตัว! เตือน คุณแม่ทั้งหลาย ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ กับลูกของคุณ

image

เตือนภัย! คุณแม่ทั้งหลาย ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ กับลูกของคุณ

image

คุณแม่ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกน้อยของคุณที่ปลอยให้อยู่ตามลำพัง สถาพเป็นแบบนี้ ซึ่งปัญหาแบบนี้คุณแม่ทุกคนสามารถป้องกันได้แค่เพียง…….เก็บลิปสติกให้เป็นที่เป็นทางพ้นมือเด็ก

image

image

image

ช่วยกันแชร์เตือนภัย….แม่ๆวัยรุ่นที่รักสวยรักงามจะได้ไม่เจอปัญหาแบบนี้ !!!

รู้ยัง? เงิน 750 บาท ที่จ่ายประกันสังคม แบ่งเงิน ไปทำอะไร อย่างไหน

สำนักงานประกันสังคม เขาทำอย่างไร กับเงินที่เราจ่ายเงินทุกเดือน ลูกจ้างอย่างเราต้องรู้ -ต้องศึกษาไว้

เงิน 750 บาท แล้วนายจ้างจ่ายสมทบ ทุกเดือนให้อีก 750 บาท ต่อคน ต่อเดือน เช่นกัน

ในแต่ละเดือนของประกันสังคม แบ่งเงิน ไปทำอะไร อย่างไหนบ้าง !?

เงิน 750 บาท ในแต่ละเดือนของประกันสังคม จะถูกแบ่งเป็น…

– 225 บาท ดูแลเรื่องเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร และตาย
ถ้าไม่ใช้สิทธิ เงินส่วนนี้ก็จะหายไป .. ไม่ได้คืน

– 75 บาท ใช้ประกันการว่างงาน
ถ้าว่างงานเมื่อไหร่ ก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้ในระหว่างตกงาน รอหา งานใหม่ แต่ถ้าไม่ว่างงานเลย เงินส่วนนี้ก็จะหายไป .. ไม่ได้คืน

– 450 บาท เก็บเป็นเงินออม จะได้คืนเมื่ออายุครบ 55 ปี

โดยเงื่อนไข การได้เงินก้อนสุดท้าย (เงินออม เมื่อครบ 55 ปี คืน) คือ

1. จ่ายประกันสังคม .. ไม่ครบ 1 ปี
ได้คืนส่วนที่จ่ายเป็นเงินก้อน เรียกว่าบำเหน็จชราภาพ
เช่น จ่ายเดือนละ 750 บาทมาโดยตลอด 10 เดือน (750 บาท จะถูกหักเป็นเงินออม 450 บาท) เมื่ออายุครบ 55 ปี จะได้คืน 450 บาท x 10 เดือน = 4,500 บาท

2. จ่ายครบ 1 ปี แต่ ไม่ถึง 15 ปี จะได้เป็นเงินก้อนเรียกว่าบำเหน็จเช่นกัน แต่จะมากกว่าข้อ 1. คือ ได้ส่วนที่นายจ้างสมทบไว้ด้วย
เช่น จ่าย 750 บาท ตลอด 7 ปี (84 เดือน) ที่จะได้รับคืนเมื่ออายุครบ 55 ปี คือ 450 บาท (ส่วนที่ตนเองจ่าย) + 450 บาท (ส่วนที่นายจ้างจ่าย) x 84 เดือน = 75,600 บาท

3. จ่ายตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
จะได้รับเป็นเงินรายเดือน เรียกว่า บำนาญ-ชราภาพ โดยคำนวณ 2 กรณี คือ

– กรณีจ่ายครบ 15 ปีเป๊ะๆ
จะได้รับรายเดือน คือ 20% ของเฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย

สมมติ
60 เดือนสุดท้าย เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 15,000 บาท จะได้รับ 20% คือ เดือนละ 3,000 บาท ไปจนตาย

– กรณีสมทบมากกว่า 15 ปี
จะได้รับโบนัสเพิ่ม 1.5% ของเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย หากครบปี

เช่น จ่ายครบ 20 ปี รายเดือนที่จะได้รับ คือ

20% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน + 1.5% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน x 5 ปี (จ่าย 20 ปี เกินจากที่กำหนดขั้นต่ำมา 5 ปี)

สมมติ … เฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย เท่ากับ 15,000 บาท จะได้รายเดือน คือ

(20% x 15,000 บาท ) = 3,000 บาท
+
(1.5% x 15,000 บาท x 5 ปี) = 3,375 บาท
รวมเป็น 6,375 บาท ต่อเดือนไปจนตาย

กรณีที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว แต่ยังไม่ครบ 5 ปีเลย แล้วเสียชีวิตไปก่อน ล่ะ กรณีเช่นนี้ จะได้รับบำเหน็จ 10 เท่า ของเดือนสุดท้าย ของ เงินบำนาญ ที่ได้รับ

เช่น รับเงินรายเดือน เดือนล่าสุด 6,375 บาท ตายปุ๊บ รับ 63,750 บาท

-ส่งต่อกันได้นะครับเพื่อความรู้ที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา
ขอบคุณสาระข่าวจาก : มูลนิธิผู้บริโภค

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 45

1. ตั้งใจเรียนในสายวิชาที่ตนเลือก แต่ภาษาอังกฤษ จำเป็นมากๆ เเละจงให้ใส่ใจ ส่วนวิชาอื่นๆด้วย โลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด
ภาษาอังกฤษสร้างผลงานได้

2.การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมากพอๆกับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน

3.เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้น..
สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง

4. เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญ
ที่ต้องจำไว้ คือ “ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด”

5.หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณในชาตินี้ตลอดไป

6. ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด

7.ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่แล้วผ่อนไม่ไหว

8.การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรก
สู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือ ต้องรู้จักลงทุน. อย่าลืมคบกับที่ปรึกษาการเงินไว้เป็นเพื่อน

9.อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทาง รู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้

10.คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้

11. ควรมีงานทำมากกว่า 1 งานเพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้

12.อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียว
เพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ

13.เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามาจงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์

14. สร้างเนื้อ สร้างตัว
ให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมากไม่ใช่เรื่องสนุก

15.ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาวเพราะเมื่อมีครอบครัวการเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม

16.เลือกคู่ชีวิตจงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน

17.การมีแฟนหรือสามีภรรยายังเลิกกันได้แต่ความเป็นพ่อแม่ลูกนั้นเลิกกันไม่ได้เพราะฉะนั้นควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ

18.ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถ
ทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
19. ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบก
โลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

20.สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอม
ตัวเองให้มาก เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป