Category Archives: គួរយល់ដឹង-สาระน่ารู้
รู้แล้วบอกต่อคุณเชื่อหรือไม่….????
1.การแลบลิ้นให้น้ำลายยืด ลงพื้น3หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ…!??
✔เฉลย : จริง อาการเผ็ด เกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริก เข้าไปจับกับ ปลายประสาทรับรสที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยา โดยขับน้ำลายออกมา ชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะ แก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ…..!?
✔เฉลย: จริง การคาบหรืออมนมยาง ของเด็กทารกไว้ในปาก จะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อ ของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้น จึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ…!?
✔เฉลย: จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชาย ที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมนผสมอยู่ โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้ว จะช่วยลดอาการเครียด และเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิต กระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ..!?
✔เฉลย: จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ล จะทำให้เกิดการแตกตัว ของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ล เป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5. ปัสสาวะมนุษย์ ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ..!?
✔เฉลย: จริง โดยแพทย์ ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปาก ที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ….!?
❌เฉลย: ไม่จริง เพราะวัวเป็นสัตว์ ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดง เหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ..!?
✔เฉลย: จริง การทดสอบดูเพชรแท้ ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำ ไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8. การทะเลาะกัน ทำให้แผลหายช้า จริงหรือ…!?
✔เฉลย : จริง เพราะ ความเครียด ที่เกิดขึ้นทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกาย ลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ..!?
✔เฉลย : จริง เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่ใด จะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้
10. การฟังเพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ…!?
✔เฉลย : จริง เพราะการฟังเพลง จะทำให้สมอง หลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมน สร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้
11.(สำคัญมากๆๆๆๆ)
ใครที่อ่านแล้วได้ความรู้ แล้วไม่ Share ให้คนอื่นรับรู้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จริงหรือ…!?
✔เฉลย : จริงสุด ๆๆ
ขวดเปล่า
ขวดเปล่า…หากใส่ น้ำเปล่า… จะ มีค่า 5 บาท
ขวดเปล่า…หากใส่ น้ำหวาน… จะ มีค่า 10 บาท
ขวดเปล่า…หากใส่ น้ำผึ้ง… จะ มีค่า 300 บาท
ขวดเปล่า…หากใส่ น้ำหอม… จะ มีค่า 10,000 บาท
จิตใจของคนเรา ก็ เปรียบได้เหมือนกับ ขวดเปล่า…
จะ มีคุณค่า แค่ไหน ขึ้นอยู่กับ สิ่ง ที่ ใส่ลงไป !
ชายผู้ยากจน ถาม พระพุทธเจ้าว่า “เหตุ ใด ข้า จึง ยากจน ยิ่งนัก?”
พระพุทธองค์ ตรัสตอบ,
“เธอ ไม่รู้จักการให้ และ วิธีให้”
ดังนั้น ชายผู้ยากจน จึงพูดต่อว่า,
“ทั้งที่ข้าพระองค์ ไม่มีสิ่งใดให้ นี่ นะ?”
พระพุทธองค์ ตรัสว่า:
“เธอนั้น มีอยู่ไม่น้อยเลย”
@ใบหน้า : ซึ่งสามารถให้ รอยยิ้ม,ความสดใส,สดชื่น,เบิกบาน
@ปาก : เธอ สามารถชื่นชม,ให้กำลังใจ หรือ ปลอบประโลม
@ปัญญา: มัน สามารถให้ ความรู้, ให้ แสงสว่างแก่ ผู้คน
@หัวใจ : มัน สามารถเปิดอก กับ ผู้อื่น,ให้ความจริงใจ,ใสบริสุทธิ์, ให้ความเมตตา
@ดวงตา : ที่ สามารถมองดูผู้อื่น ด้วยสายตาแห่งความหวังดี ด้วยความโอบอ้อม อารี
@ ร่างกาย : ซึ่งสามารถ ใช้ เพื่อ ช่วยเหลือผู้อื่น
ฉะนั้น : แท้จริงแล้ว เธอ มิได้ยากจนเลย ” ความยากจน ในจิตใจ คือ ความยากจนอันแท้จริง.
อย่าไปอิจฉาใคร รู้จักคำว่าพอดี ชีวิตจะมีแต่ความสุข
ชายคนที่1 ขับรถBMWราคา 3.1 ล้าน เขามีเงินอยู่ในธนาคาร1.2 แสนล้านบาท เขาใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางความเป็นและความตาย ศัตรูต่างหมายปองชีวิตของเขา
ชายคนที่2 ขับรถโตโยต้าราคา7แสนกว่า เขามีเงินอยู่ในธนาคาร 4ล้าน เขาใช้ชีวิตเหมือนคนร่อนเร่ ไปโน่นไปนี่แทบไม่มีเวลาเป็นของตนเอง
ชายคนที่3 ขี่มอเตอร์ไซค์ราคา5หมื่นกว่า เขามีเงินอยู่ในธนาคาร7แสน เขาใช้ชีวิตสุขสบายและหลงระเริงแสงสี
เมื่อเขาทั้ง3คนมาพบเจอกัน
คนขี่มอเตอร์ไซค์รู้สึกอิจฉาคนขับรถโตโยต้า
คนขับรถโตโยต้าอิจฉาคนขับรถBMW
คนขับรถBMWรู้สึกอิจฉาคนขี่รถมอเตอร์ไซค์
นี่คือสภาพความเป็นจริงของชีวิตคนในปัจจุบัน
เราทุกคนต่างตกเป็นทาสของวัตถุและเงินตรา
แมวชอบกินปลา แต่แมวว่ายน้ำไม่เป็น
ปลาชอบกินแมลง แต่ปลาก็อยู่บนบกไม่ได้
พระเจ้าทรงสรรสร้างทุกสิ่งไว้บนโลกใบนี้
แต่มิใช่ว่าใครๆก็จะสามารถครอบครองมันมาได้โดยง่าย และไม่สามารถครองครองไปตราบนิจนิรันดร์
เรื่องราวที่หนักหนาสาหัสในวันนี้ พอถึงวันพรุ่งนี้ก็กลายเป็นเรื่องเล่าที่ชวนหัว
เรื่องใหญ่ในปีนี้ พอปีหน้ามาถึงมันก็กลายเป็นตำนาน เรา ก็เป็นเพียงแค่คนๆหนึ่งในตำนานก็เท่านั้น
ชีวิตคนเรา ไม่ต่างอะไรกับนกน้อยในกรงทอง ดูเหมือนมีความสุข แต่ขาดซึ่งอิสระ
เรื่องราวบางอย่าง ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ใส่ใจมากเพียงใด ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา! ทุ่มเทแล้วก็เพียงพอแล้ว
ชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ
มีแต่ยอมรับและสู้กันต่อไป!
ข้อดี..ของการใช้ชีวิตโสด !!
ข้อดี..ของการใช้ชีวิตโสด !!
1. มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากดูหนัง คุยโทรศัพท์ งอน ง้อ
2. มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น
3. กลับบ้านดึกก็ได้ไม่ต้องโทรรายงานใคร
4. ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ถึงจะไม่สุขมากแต่ก็ไม่ทุกข์แล้วกัน
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย แบบว่าไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ไม่ต้องคอยซื้อของขวัญอะไรให้ใคร
6. ร้องเพลงคนไม่มีแฟนของพี่เบิร์ดได้อย่างสะใจ มันในอารมณ์อย่างสุดๆ
7. ไม่ต้องคอยเอาใจคนอื่น
8. ไม่ต้องพบเพื่อนของแฟนที่เราไม่อยากรู้จัก
9. ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาแย่งแฟนเรา
10. มีคนคอยเป็นห่วงเยอะ (และคอยถามว่าทำไมไม่มีแฟน)
11. ไม่ต้องคอยหึงหวง ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นอีกเยอะ
12. ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะสบายดีรึเปล่า
13. มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่
14. ไม่ต้องฟังคำว่า “อนาคตของเราและรักแท้”
15. ไม่ต้องอกหัก อันนี้สำคัญมาก
16. ไม่ต้องกังวลว่าวันนี้จะใส่ชุดอะไรดีถึงจะถูกใจเขา
17. ไปหาเพื่อนน่ะแต่งตัวแบบไหนก้อได้
18. ไม่ต้องคอยเช็ค sms เผื่อว่าเขาส่งมาแล้วยังไม่ได้ส่งกลับ (เฮ้อออ….เปลืองอ่า)
19. อยากหิ้ว อยากจิก ใครก็ได้ไม่มีคนคอยตามประกบ
20. พ่อแม่จะรักเป็นพิเศษเพราะอยู่ติดบ้าน
21. ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เพื่อเอาใจเขา
22. ไม่ต้องรอคำสัญญาที่มันไม่เป็นความจริง
23. ไม่ต้องคิดมาก
24. มีทางเลือกให้กับชีวิตเพิ่มขึ้น
25 …..ไม่ต้องร้องไห้…..
26. ได้ทำตามใจตัวเองอย่างเป็นสุขไม่ต้องกังวลถึงเขา
27. คิดถึงคนหลายๆ คนพร้อมกันได้
28. คิดถึงตัวเองมากขึ้น
29. ชินกับการอยู่บ้าน เพราะไม่มีแฟนชวนเที่ยว
30. เล่นเน็ต เล่นเกมส์ได้นานสะใจ จะคุยกับใครก็ได้ม่ายมีใครหวง
ดร. นิศรา การุณอุทัยศิริ จากทูไนท์โชว์
เรื่องปลาทูไหม้..
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเอง
“แม่ของผม เป็นคนทำ อาหารที่บ้านประจำ ทุกวัน… คืนหนึ่ง หลังจากที่ แม่ทำงานหนัก มาตลอดทั้งวัน แม่ กลับบ้านมา ด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็น ให้เราตามปกติ ที่โต๊ะอาหาร แม่วางจาน ที่มี ปลาทูไหม้เกรียม บนโต๊ะ ต่อหน้าพ่อ และทุกๆคน ผมรอว่า แต่ละคน จะว่าอย่างไร
แต่… พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กิน ปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมา ถามผมว่า ที่โรงเรียน เป็นอย่างไรบ้าง
คืนนั้น หลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยิน แม่ ขอโทษพ่อ ที่ทอดปลาทูไหม้ และ ผมไม่เคยลืม ที่พ่อ
พูดกับแม่เลย “โอย… ผมชอบ ปลาทูทอด เกรียมๆ อร่อยมาก นะแม่”
คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอน และถามพ่อว่า “พ่อชอบปลาทูทอด เกรียมๆ จริงๆ เหรอ”
พ่อลูบหัวผม และตอบว่า
“แม่ของลูก
ทำงานหนัก มาทั้งวัน…
ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูด ที่ต่อว่า กันนั้นต่างหาก ที่จะทำร้ายกัน”
“ชีวิตคนเรา
เต็มไปด้วย ความไม่สมบูรณ์แบบ และ แต่ละคน ก็ ไม่ได้เกิดมา สมบูรณ์แบบ
ตัวเราเอง
ก็ไม่ได้มีอะไร ดีกว่าใครๆ”
แต่สิ่งที่ พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิต คือ…..
การเรียนรู้ ที่จะยอมรับ
ความผิด ของคนอื่น และ ของตัวเอง
การเลือก ที่จะยินดีกับ
ความคิดต่างกันของ
แต่ละบุคคล เป็นสิ่งสำคัญ ในการรักษา ชีวิตครอบครัว ที่มีความสุข และยืนยาว
“ชีวิตเรา สั้นเกินกว่า ที่จะตื่นขึ้นมา พร้อมกับ
ความเสียใจ ที่ว่า เราทำผิดกับ คนที่เรารัก
และรักเรา ให้ดูแล และ
ทะนุถนอม คนที่รักเรา และพยายามเข้าใจ และให้อภัย จะดีกว่า”
** ถ้าเรารู้ เราจะ ทำไหม? **
• เราจะบีบแตร ใส่คนที่ ยืนยึกยัก ริมถนน แยกที่ผ่านมาไม๊– ถ้าเรารู้ว่า เค้าใส่ขาเทียม
• เราจะเบียดชน คนข้างหน้า ที่เดินช้ามากไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้าเพิ่งตกงาน
• เราจะขำ คนที่ แต่งตัวเชยไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้ามีชุดเก่ง แค่ชุดเดียว
• เราจะรำคาญ สาวโรงงาน ที่มาเดิน พารากอนไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า นั่นคือ
การฉลองวันเกิดของเธอ
• เราจะหมั่นไส้ ลุงที่หัวเราะ
เสียงดังลั่น คนนั้นไม๊ – ถ้ารู้ว่า แกเป็นมะเร็ง ขั้นสุดท้าย
• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…
ว่าชีวิตเรา กำลังเจออะไร
แต่เรา ไม่มีวันรู้ว่า
“คนที่เราเจอ – กำลังเจอ กับอะไร”
**โลก กว้างกว่า เงาของเรา และโลก ก็ไม่ได้หมุน รอบตัวเรา
**มองข้าม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง ให้โอกาส และให้อภัย มีความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน จะได้รัก และอยู่ด้วยกัน อย่างยั่งยืน ยาวนาน
ถูกใจ · · ส่งต่อ นะ
10 Things You Were Doing Wrong
ประวัติความเป็นมาของบุญบั้งไฟ
ตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ ผูกพันกับนิทานพื้นบ้านสองเรื่องคือเรื่องท้าวผาแดงนางไอ่ และเรื่องสงครามระหว่างพญาคันคากกับพญาแถน ซึ่งเป็นเรื่องที่กล่าวถึงที่มาของการยิงบั้งไฟเลยทีเดียว ตำนานเรื่องนี้เริ่มจากพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาคันคาก (คางคก) อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ครั้งนั้น พญาแถน เทพผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ผู้ดลบันดาลให้ฝนตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตกเลยตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ชาวเมืองทนไม่ไหวจึงคิดทำสงครามกับพญาแถน แต่สู้พญาแถนกับกองทัพเทวดาไม่ได้ ถูกไล่ล่าหนีมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่พญาคันคากอาศัยอยู่ ในที่สุดพญาคันคากตกลงใจเป็นจอมทัพของชาวโลกต่อสู้กับพญาแถน พญาคันคากให้พญาปลวกก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ให้พญามอดไม้ไปทำลายด้ามอาวุธของทหารและอาวุธพญาแถน และให้พญาผึ้ง ต่อ แตนไปต่อยทหารและพญาแถนฝ่ายเทวดาพ่ายแพ้ พญาแถนจึงให้คำมั่นว่า หากมนุษย์ยิงบั้งไฟขึ้นไปเตือนเมื่อไรจะรีบบันดาลให้ฝนตกลงมาให้ทันทีและถ้ากบเขียดร้องก็ถือเป็นสัญญาณว่าฝนได้ตกลงถึงพื้นแล้ว และเมื่อใดที่ชาวเมืองเล่นว่าวก็เป็นสัญญาณแห่งการหมดสิ้นฤดูฝน พญาแถนก็บันดาลให้ฝนหยุดตก ส่วนตำนานพื้นบ้านเรื่องผาแดงนางไอ่ มีความโดยย่อ คือ นางไอ่เป็นธิดาพระยาขอมผู้ครองเมืองชะธีตา นางไอ่เป็นสตรีที่มีสิริโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือไปในนครต่างๆ ทั้งโลกมนุษย์และบาดาล มีชายหนุ่มหมายปองจะได้อภิเษกกับนางมากมาย
ในจำนวนผู้ที่มาหลงรักนางไอ่ มีท้าวผาแดงและท้าวพังคี โอรสสุทโธนาค เจ้าผู้ครองนครบาดาล ท้าวทั้งสองต่างเคยมีความผูกพันกับนางไอ่มาแต่อดีตชาติ จึงต่างช่วงชิงจะได้เคียงคู่กับนาง แต่ก็พลาดหวัง จึงมิได้อภิเษกทั้งคู่เพราะแข่งขันบั้งไฟแพ้
ท้าวพังคีนาคไม่ยอมลดละ แปลงกายเป็นกระรอกเผือกคอยติดตามนางไอ่ สุดท้ายถูกฆ่าตาย พญานาคผู้เป็นพ่อจึงขึ้นมาถล่มเมืองล่มไป กลายเป็นหนองน้ำใหญ่ คือ หนองหาน หนองหานในตำนานท้าวผาแดงนางไอ่ ที่เป็นที่ถกเถียงกันว่าที่ไหนกันแน่ มีอยู่ถึง 3 ที่ ได้แก่ หนองหาน ที่ อำเภอ หนองหาน จังหวัดอุดรธานี และหนองหาน อำเภอกุมภวาปี ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่แรกมากนัก และอีกที่หนึ่งก็คือหนองหาร จังหวัด สกลนคร
ในตำราอ้างอิงถึงเรื่องผาแดงนางไอ่จบลงด้วยการเกิดเป็นหนองน้ำ ขนาดใหญ่จากการต่อสู้ของพญานาคกับท้าวผาแดง ต่างก็มีข้อมูลอ้างอิงถึง หนองน้ำที่ชื่อหนองหาน แต่กล่าวต่างกันไปในตำราแต่ละเล่มถึงหนองน้ำ ทั้ง3 แห่ง
เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง
หากเราหาเหตุผลให้กับตัวเอง ว่าทำไมเราถึงรักคนๆ นี้นัก แล้วเหตุผลที่ได้ มีแค่เพียง. . .รักเพราะรัก
ฟังดูอาจเลื่อนลอยไร้จุดหมายเกินไป แต่สำหรับคนที่รักกัน เหตุผลเพียงแค่นี้ ก็เพียงพอที่จะสานต่อความรักให้อยู่ต่อไป แต่กับคนที่เรารักเขา แล้วเขาไม่รักเรา ไม่เคยจะมองเห็นแม้แต่คุณค่าในตัวเรา ต่อให้เราหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้เขาเพียงไหน หรือให้เหตุผลมากมายในคำว่ารักที่เรามีให้ เขาก็คงมองไม่เห็นมันเหมือนกัน และกับคนประเภทนี้ ยิ่งเราเรียกร้องมากแค่ไหน ก็จะยิ่งสร้างความเหนื่อยใจให้กับเราเท่านั้น ถ้าคุณมีความสุขกับมันก็ดีไป แต่สุข. . .แล้วเหนื่อยใจก็น่าคิดเหมือนกันคนเราเหนื่อยแล้วก็ต้องพัก ต้องหาทางออกที่ทำให้เราดีขึ้น กับเรื่องของความรักก็เช่นกัน เมื่อเราต้องเหนื่อยล้าเพราะมัน คงต้องพักซะบ้าง ลองหยุดวิ่งตามเขาซักครั้ง แล้วมาเดิน(แค่เดิน) ตามตัวเองดูสักหน คุณอาจรู้สึกดีกว่าการต้องวิ่งตามใครคนนั้น อย่างน้อยๆ คุณจะพบว่า . .. การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองนั้นไม่ทำให้เราเหนื่อยใจเลย
รักตัวเองไม่ยากเลยนะคะ ถ้ายังไขว่คว้าหารัก แต่ยังไม่พบเจอคนที่รักเราจริง ก็อย่าฝืนนะคะ เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง ถ้าเสียใจก็ขอให้คิดถึงตัวเองให้มากๆ แล้ว บางทีสิ่งดีๆก็อาจรอเราอยู่ในวันข้างหน้า นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ที่มา – fwdder.com
คู่มือ การดูแลพ่อ แม่
๑. ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหน มีความรู้เยอะเพียงใด อายุก็ยังห่างกับพ่อแม่เท่าเดิม อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของท่าน
ถึงแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ ไม่เป็นผลดีต่อโรคเลยก็ตาม เถียงกันไป เราจะเหนื่อยทั้งกาย และปวดทั้งใจ
ให้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ในชีวิตท่านอย่างเนียนๆ วันหนึ่งที่พ่อแม่เห็นด้วย กับตัวเราเองว่า ทำแบบนี้แล้วสบายตัวขึ้น ท่านจะยอมทำเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๒. ดูแลพ่อแม่อย่างลูกพึงดู ไม่ใช่อย่างผู้รู้ นักวิชาการ หรือผู้ปกครอง อย่าลืมว่า พ่อแม่ทุกคน. ต้องการความรัก ความอบอุ่น และความเคารพจากลูก มากกว่าอะไรทั้งหมด ถึงแม้บางท่าน อาจจะแสดงออกในทางตรงกันข้ามก็ตาม
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๓. ไม่มีใครอยากเป็นคนป่วย อยากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือ อยากเป็นคนแก่ ที่สูญเสียความเคารพตัวเอง และ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ข้อนี้ คนเป็นลูก มักจะมองข้ามมากที่สุด ไม่ว่าท่านจะป่วย หรือ แก่ขนาดไหนก็ตาม ท่านมีสิทธิเต็มที่ ที่จะ ได้รับการปฏิบัติต่อ ด้วยความเคารพ
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๔. อย่ายัดเยียด สิ่งที่เราเห็นว่า เหมาะที่สุดกับพ่อแม่ โดยท่านไม่เต็มใจ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ เลิศเหลือเกินในสายตาเรา หรือ ชาวโลกก็ตาม
อย่าบ่นว่า หาคนมาดูแลก็ไม่เอา ซื้อเตียงใหม่ให้ ก็ไม่ชอบ ทำห้องให้ใหม่ ก็ไม่ยอมอยู่ หมอที่เก่งกว่า ตั้งเยอะ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ขอให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้น ผู้ใหญ่จะรับความหวังดี จากเรา ด้วยความเต็มใจเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๕. การเปลี่ยนบทบาท จากผู้ถูกดูแล มาเป็นผู้ดูแล ทั้งทางกาย ทางใจ ทางทุนทรัพย์ เป็นการเปลี่ยนแปลง ที่อาศัยเวลา และ ความเข้มแข็งมหาศาล อย่าโทษตัวเอง ถ้าพบว่า มันไม่ง่าย และ ท้อแท้ คิดถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ แล้วจะพบว่า หัวใจของลูก ที่พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อตอบแทนท่าน ไม่ได้ยิ่งใหญ่น้อยไปกว่ากันเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๖. ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องรู้เวลา กิน นอน ขับถ่าย ความดัน ปริมาณอาหารและยา และการตอบสนองทั้งหมดต่อสิ่งเหล่านั้น รวมทั้งเบอร์โรงพยาบาล หมอ และ ambulance เพราะเหตุฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ข้อมูลยิ่งพร้อม การรักษาพยาบาลก็ยิ่งเป็นผลดี
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๗. เป็นคนพา พ่อแม่ไปหาหมอทุกครั้ง แรกๆอาจได้รับการปฏิเสธ ไม่ให้ไปด้วย ให้พยายามแทรกซึม จนท่านชิน ที่มีเรา ไปอำนวยความสะดวก ที่สุดแล้วท่านจะรู้สึกชิน กับความสบายนี้ และเปิดใจให้เรา เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๘. หากจะจ้างคนดูแล เราต้องแน่ใจที่สุดว่า เรามีเวลาในการดูแล การทำงานของเขา อย่างใกล้ชิด
คนดูแล ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าเรา และไม่ได้มีใจรักพ่อแม่เรา อย่างที่เรามีแน่นอน
. . . . . . . . . . . . . ..
๙. จัดหาทุกอย่าง ที่พ่อแม่เคยชอบเคยใช้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็ตาม เช่น เสื้อผ้าที่นานๆ จะมีโอกาสใส่สักครั้งหนึ่ง นอกจากท่านจะรู้สึกว่า เราเอาใจใส่แล้ว ท่านจะยังรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่า ไม่มีอะไรเสื่อมถอยจนด้อยค่า ใช้ของดีๆ สวยๆ ไม่ได้แล้ว คุณค่าทางใจแบบนี้ประมาณค่าไม่ได้เลย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๐. แบ่งหน้าที่กัน กับพี่น้อง หรือคนในครอบครัวให้ชัดเจน จะช่วยลดภาระทางกาย และทางใจลงได้มาก อย่างน้อยที่สุด ก็ลดความตึงเครียด ในครอบครัว รวมทั้งลดการดูแลซ้ำซ้อน เช่น การให้ยาซ้ำ อันอาจเป็นอันตรายได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๑. คุยทิศทางการรักษา และการดูแล กับคนในครอบครัวให้ชัดเจน ก่อนคุยกับหมอ เมื่อหมอเสนอวิธีการรักษาอะไร อย่ากลัวที่จะถาม หรือ ขอเวลาหมอหาข้อมูลเพิ่มเติม 2nd, 3rd Opinion สำคัญเสมอ อย่าหลับหูหลับตา เชื่ออะไรที่ไม่เข้าใจ และก่อนตัดสินใจอะไรสำคัญทุกครั้ง อย่าลืมหาข้อมูล ของแต่ละทิศทาง และผลข้างเคียง ประกอบการตัดสินใจด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๒. ถ้าคุยกับคนในครอบครัวไม่รู้เรื่อง ญาติที่ไกลออกไปหน่อยที่มีความเป็นกลาง จะช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีมาก จำไว้เสมอว่าเราอาจเป็นคนที่คิดผิดเองก็ได้ และทิฏฐิมานะไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๓. เกิดอะไรผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือปิดบังความจริง ให้รีบแจ้งหมอแจ้งครอบครัว และช่วยกันแก้ไขปัญหา ทุกข้อมูลสำคัญกับการรักษาทั้งสิ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . .
” ขออนุโมทนากับลูกทุกคน ที่มีโอกาสดูแลพ่อแม่ ”
เมื่อเราทำเต็มที่ ใจจะไม่รู้สึกขาดเลย ใจจะอิ่มจะเต็ม
របាំប្រជាប្រិយខ្មែរនាខែចូលឆ្នាំ
របាំប្រជាប្រិយជារបាំដែលប្រជាជនចូលចិត្តរាប់អាន។ មូលហេតុនៃការបង្កើតរបាំនេះព្រោះការស្តាប់ភ្លេងជាការពិរោះ ប៉ុន្តែបើគេធ្វើកាយវិការទៅតាមចង្វាក់ភ្លេង នោះគេនឹងបានល្អមើលផងដែរ។
- របាំត្រុដិ ៖ ពាក្យសំស្រ្កឹត “ត្រុដិ” ប្រែថាកាត់ផ្តាច់ ជារបាំប្រជាប្រិយមួយបែបដែលគេនិយមលេងក្នុងពេល ចូលឆ្នាំខ្មែរ ដើម្បីកាត់ផ្តាច់ឆ្នាំចាស់ ចូលទៅឆ្នាំថ្មីក្នុងបំណងប្រសិទ្ធិសព្ទសារធុការពរដល់អ្នកស្រុក ក្នុង ឱកាសចូលឆ្នាំថ្មី។ របាំនេះគេអាចលេងក្នុងពិធីបន់ស្រន់ សុំទឹកភ្លៀងខ្លះដែរ។
ប្រដាប់ប្រដារបាំត្រុដិ និងតួសំដែងដងកញ្ឆាត់នាងឆត្រ ឬក្លសបាំងព្រះពោធិសត្វ
ពួកភ្លេងតំនាងទេវតា
នាងរាំតំនាងទេពអប្សរហែរហម
ប្រើស ទន្សោងតំនាងមារ
ព្រាន មនុស្សព្រៃតំនាងងោះ “ទេវតាកាលាខ្លួន”ភ្លេងនិងគ្រឿងតែង
កញ្ឆា ចង្រ្កងដំបែរ ចង្រ្កងរ៉ូង ស្គរ ប៉ីពក ទ្រអ៊ូ ទ្រសោ សន្ទូចដងវែង មុខត្លុក មកុដិ ស្នែងប្រើស ស្នែងទន្សោង កន្ទុយក្ងោក ក្រចកអំពីផ្តៅ។
- របាំស្នែងទន្សោង ៖ ជារបាំមួយបែបក្នុងពេលរាំគេពាក់ស្នែងទន្សោងលើក្បាល បំនងធ្វើការត្រាប់តាមសត្វ ទន្សោង។ របាំនេះគេសំដែងតែនៅវាំង ក្នុងព្រះរាជពិធីចូលឆ្នាំថ្មី។ប្រដាប់ប្រដា និងតួសំដែង
- អ្នកពាក់ស្នែងទន្សោងពីរនាក់ តំនាងទន្សោងញីឈ្មោល
- សំលេងស្គរ តំនាងខ្លាធំ
- សំលេងពួយ តំនាងសូរសព្ទកន្លង់
- របាំគោះអង្រែ ៖ ជារបាំប្រពៃណី មានតាំងពីបូរាណកាលមកសំរាប់បង្កើតបរិយាកាសរីករាយក្នុងការ បង្កើតសមត្ថភាព សម្បទា និងស្មារតី។
គ្រឿងល្បែង ៖ - អង្រែពីរមានប្រវែងជាងពីរម៉ែត
- អង្រែពីរ ជាកំណល់សំរាប់កល់សងខាង
សំលៀកបំពាក់ ៖ ទាំងប្រុសទាំងស្រីស្លៀកខោ ឬសំពត់ចងក្បិន ក្រវាត់ចង្កេះដោយក្រមាពណ៌
គ្រឿងភ្លេង ៖ សាដៀវមួយ អង្តួញមួយ ចំរៀងតាមចង្វាក់អង្រែដែលគោះទន្គិចគ្នា ស្គរអារក្ខ ក្រាប់មួយ អ្នកទះដៃបន្ទរ។
- របាំយីកេ ៖ ជារបាំប្រជាប្រិយខ្មែរ មានតាំងពីយូរយាណាស់មកហើយសំរាប់លេងក្នុងពិធីបុណ្យទាន ឬនៅ ពេលលំហែពីកិច្ចការស្រែចំការ។
គ្រឿងភ្លេង៖- ស្គរធ្វើអំពីឈើ ដាសស្បែក “ច្រើន”
- ទ្រឆេ ទ្រអ៊ូ ទ្រសោ
- ខ្លុយ
តួសំដែង
- អ្នកពាក់ម្កុដិ ពាក់របៃ
- អ្នកមុខត្លុក យក្ស ស្វា ឥសី ។ល។ តាមតួអង្គដែលត្រូវសំដែងក្នុងសាច់រឿង។
- អ្នកច្រៀងបន្ទរ
- អ្នកពោល។
- របាំឆៃយ៉ាំ ៖ ជារបាំប្រជាប្រិយខ្មែរសំរាប់បង្កើតបរិយាកាសបុណ្យទានអោយមានសភាពអ៊ឹកអធិក ព្រោះ ចង្វាក់ភ្លេងនៃរបាំនេះមាន សន្ទុះហ៊ឹកហ៊ាក់ស្របតាមកាយវិការលោតចុះ លោតឡើង ញាក់មុខ ញាក់មាត់ ខ្លួនក្រមាច់ក្រមើមគួរអោយអ្នកស្តាប់ និងអ្នកទស្សនារីករាយចិត្តយ៉ាងខ្លាំង។ របាំនេះគេសំដែងក្នុងពិធី បុណ្យទាន ដូចជាបុណ្យផ្កាកឋិនទាន “បបួសនាគជាដើម”។ប្រដាប់ប្រដារបាំឆៃយ៉ាំ៖
ក) គ្រឿងភ្លេង- ក្រាប់ឈើមួយគូរ
- ឆាបធំមួយគូរ ឬពីគូរ
- រគាំង “គងម៉ង់មួយ”
- ស្គរបួន
ខ) តួសំដែង៖
- អ្នកឆៃយ៉ាំ ស្លៀកសំពត់ចងក្បិនពណ៌ ពាក់អាវដៃខ្លីវៀលកធំបន្តិច ដាក់អាវក្នុងចង្កេះសំពត់ មាន ក្រវ៉ាត់ក្រមាពណ៌នៅចង្កេះ ទំលាក់ជាយនៅចំហៀងខាងឆ្វេង។
- អ្នកពាក់មុខត្លុក សំរាប់អ្នកកាន់គងម៉ង់ កាន់ក្រាប់ និងអ្នកវាយស្គរម្នាក់ ចេញមកចាក់ក្បាច់ឡក ដាក់គ្នា។
- របាំកន្តែរ៉ែ៖ ជារបាំមួយមានប្រជាប្រិយភាពខ្លាំងចំពោះប្រជាជាតិកម្ពុជា ដែលមានកំនើតជាយូរយាណាស់ មកហើយ។ របាំនេះសំរាប់សំដែងក្នុងព្រះរាជពិធីសំខាន់ៗដូចជា ព្រះរាជពិធីបុណ្យចូលឆ្នាំថ្មីជាដើម។ របាំនេះ ជារបាំមួយមានសភាពវិលខ្លួន ត្រលប់ត្រឡិនដូចជាមនុស្សមានអាការៈវិលវល់ច្របូកច្របល់ក្នុង ចិត្ត គេថា “វិលមើលតែកាច់កន្តែរ៉ែ” ឬពាក្យសាមញ្ញ វិលមើលតែ “តែរ៉ែកាច់”។ក) គ្រឿងភ្លេង ៖ គ្រឿងភ្លេងក្នុងរបាំនេះគ្មានអ្វីច្រើនទេ មានតែ
- ប៉ីពកមួយ
- ស្គរពីរ
ខ) តួសំដែង៖
- អ្នករាំកន្តែរ៉ែតុបតែងគ្រឿងអលង្ការ សំលៀកបំពាក់ពណ៌ ពាក់របៃ ពាក់រំយោល។
- អ្នកភ្លេង អ្នកច្រៀងបន្ទរ ស្លៀកពាក់ធម្មតា
- របាំរាំវង់ ៖ ជារបាំប្រជាប្រិយខ្មែរ មានកំនើតតាំងពីយូរលង់ណាស់មកហើយ ហើយរបាំនេះត្រូវឆ្លងកាត់ព្រំ ប្រទល់ចូលទៅប្រទេសសៀម និងប្រទេសលាវ។ របាំនេះត្រូវបានលាវដាក់ឈ្មោះថា “ឡាំលាវ” ឬ “ឡាំភេទ” ឯសៀមវិញគេហៅថា “ឡាំថូន”។ តាមពិតរបាំរាំវង់ជាសិល្បះចាស់បុរាណដែលមានប្រភពដើម នៅប្រទេសខ្មែរយើង ប៉ុន្តែរបាំនេះត្រូវជនជិតខាងយកទៅបត់បែនតាមរបៀបគេ រួចហូរចូលមកប្រទេសខ្មែរ វិញ។ រាំវង់ជារបាំមួយដែលគេរាំជុំវិញតុផ្កា មានគូប្រុសស្រីដើរជាបន្តបន្ទាប់ជារង្វង់មូល។ របាំនេះតែងតែ ប្រព្រឹត្តិទៅក្នុងពិធីចូលឆ្នាំ ជួនកាលគេរាំនៅពេលទំនេរពីការងារ ឬក្នុងពិធីជប់លៀងក្នុងឱកាសអាពាហ៍ ពិពាហ៍ ក៏ដូចជាពិធីបុណ្យទានក្នុងគ្រួសារដែរ។គ្រឿងភ្លេង ៖ ការដើមឡើយរបាំរាំវង់មានតែស្គរ និងត្រឡោកមួយគូប៉ុណ្ណោះ ប៉ុន្តែឥឡូវមានវង់ភ្លេងទំនើបៗ សំរាប់លេងកំដរក្នុងរបាំនេះ អោយមានសភាពអ៊ឹកធឹកក្រៃលែង។
- របាំក្ងោក ៖ ជារបាំប្រជាប្រិយមួយបែបដែលគេប្រទះឃើញជាពិសេសនៅតំបន់ប៉ៃលិន ដែលជនជាតិ កូឡាចូលសញ្ជាតិខ្មែរនាំគ្នាសំដែង ក្នុងឱកាសចូលឆ្នាំ ដើម្បីបួងសួងប្រសិទ្ធិពរជ័យដល់អ្នកស្រុកអោយ សុខចំរើន អោយមានភ្លៀងគ្រប់គ្រាន់ ក្នុងចំនងជីកដីរកត្បូងអោយបានលទ្ធផលល្អ។
- របាំតន្តី ៖ នៅសម័យមុនរបាំនេះមានឈ្មោះថា របាំព្រះរាជទ្រព្យ ព្រោះជារបាំរបស់ព្រះរាជាដែលគេនិយម លេងតែក្នុងវាំងប៉ុណ្ណោះ។ របាំនេះគេលេងក្នុងពិធីបួងសួថ្វាយដល់អាទិទេព និងថ្វាយដល់វិញ្ញាណក្ខ័ន្ធ របស់ស្តេចដែលបានចូលទីវង្គតទៅហើយ។ របាំតន្តីមានកំនើតជាយូរយារណាស់ហើយ។ នៅសម័យអង្គរ គេបានឆ្លាក់រូបទេពអប្សរដែលជាស្ត្រីរបាំចុះពីស្ថានសួគ៌មករេរាំនៅតាមជញ្ជាំងប្រាសាទមានសភាពទន់ភ្លន់ ល្វតល្វន់សមតាមចិត្តគំនិតខ្មែរយើង។
ក្រៅពីរបាំដូចរៀបរាប់ខាងលើមាន ៖
- ផ្នែកកំសាន្ត ៖ របាំបុកអង្រែ របាំត្រឡោក របាំក្រាប់ របាំសួព្រ័ត ជាដើម។
- ផ្នែកជូនពរ ៖ របាំថ្វាយពរ របាំទេពមនោរម្យ របាំមេអំបៅ របាំស្វា របាំដាវជាដើម។
ដកស្រង់ចេញពី ៖ cambodiapiece.wordpress.com
มาปล่อยไฟฟ้าสถิต จากตัวเรา ลงดินเถอะ เพื่อสุขภาพ
นำของดีมาเล่าสู่กันฟัง……..
มาปล่อยไฟฟ้าสถิต จากตัวเรา ลงดินเถอะ เพื่อสุขภาพ
คุณทราบไหมว่า การยืนเท้าเปล่า ใต้ต้นไม้ นำผลดีต่อสุขภาพ และชะลอ ความแก่ได้
เหตุผล คือ พื้นดินใต้ต้นไม้ มีความชื้น ที่พอเหมาะ เมื่อเทียบกับ พื้นคอนกรีต หรือพื้นกลางแดด ที่แห้งแล้ง ซึ่งมีความชื้นต่ำไป ไม่อาจเหนี่ยวนำไฟฟ้า
ประจุไฟฟ้าจึง ถ่ายเทไม่ได้ นี่คือเหตุผล ที่สายดินล่อฟ้า ต้องปักลึกเข้าไปใต้ดิน ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ซึ่งเป็นเนื้อดิน ที่มีความชึ้น ค่อนข้างคงที่ สะดวกต่อ การเหนี่ยวนำไฟฟ้า เข้าสู่โลก
หมอจีนผู้หนึ่ง ซึ่งอพยพไปอยู่ อเมริกานานปี เล่าเรื่อง ตัวอย่างชีวิตจริงว่า
ลูกชายเขา บังเอิญ ได้มีโอกาสฟัง การบรรยายของ Dr. Christopher ซึ่งเน้นให้ คนเราต้อง สัมผัสกับพื้นดิน เพื่อปล่อย ประจุไฟฟ้าสถิต ออกจากร่างกาย ลูกชาย จึงพาคุณพ่อ เดินเท้าเปล่า บนสนามหญ้า ที่ชื้นนิ่ม โดยใช้เวลา 10 นาที รุ่งเช้าวันต่อมา ปรากฏว่า ท่านประธาน นอนหลับสบาย ตลอดคืน ตื่นขึ้นมา มีอารมณ์สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ญึ่ปุ่น เป็นประเทศ ที่คนอายุยืน มีกฎหมาย กำหนดให้ รองเท้าเด็ก ไม่ใช้พื้นยาง
เพราะสวมใส่รองเท้า พื้นยางพารา หรือยางเทียม เท่ากับเป็นฉนวน ตัดขาดจากพื้นดิน
ประจุไฟฟ้าสถิต จะสะสม ในร่างกายเกินควร ทำให้แก่เกินวัย ภูมิคุ้มกันถดถอย มีอาการนอนไม่หลับ ร่างกายเสียสมดุล เป็นมะเร็งได้ง่าย (ปัจจุบัน ผู้ใหญ่เป็นมะเร็ง โดยเฉลี่ยเกือบ 33%)
ร่างกายเรา เปรียบเหมือน bio-electromagnetic field ที่อยู่ภายใต้ อิทธิพลของ สนามแม่เหล็กโลก ตราบใดที่ ความสมดุลทางธรรมชาติ แปรเปลี่ยน หรือถูกกีดขวาง ก็จะทำให้ร่างกาย และจิตใจไม่สบาย
คนสมัยใหม่ ใช้ชีวิตโดย ไม่สัมผัส กับพื้นดิน ตลอดทั้งวันก็ว่าได้
ดังนั้น แต่ละวันควรเดินเท้าเปล่า บนสนามหญ้า พื้นดิน ผิวลูกรัง หรือชายหาด สักช่วงหนึ่ง เป็นดีที่สุด
ผู้ป่วย ยิ่งต้องสัมผัสกับ ธรรมชาติให้มาก อย่าลืม ถอดรองเท้าพื้นยาง มิฉะนั้น จะหายใจลึกยังไง หรือเดินทอดน่อง นานแค่ไหน ก็ช่วยได้ไม่มาก
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืม ถอดรองเท้า แล้วมาเดินเท้าเปล่า บนพื้นดิน พื้นหญ้า กันบ้างนะครับ
เข้าใจตรงกันโภชนาการบำบัดโรค
ขอให้อ่านติ๊ดนึง… ความรู้ใหม่..เข้าใจตรงกันโภชนาการบำบัดโรค
1.ดื่มน้ำร้อนปลอดทุกโรค
2.กินไข่ลวกวันละสองฟอง ใส่พริกไทยดำตำเองหนึ่งช้อนชาจะห่างไกลจากอัลไซเมอร์ไม่ต้องไปหาหมอ
3.หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ
4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า
5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง
6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด
7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก (เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์) ทำให้หน้าอกโตด้วย
8.กล้วยน้ำว้านำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน
9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับน้ำมะพร้าวอ่อน จะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน (สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัดนะ)
10.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กินและนวดหน้า นวดร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด
11.กินน้ำมันหมูดีที่สุดเพราะซ่อม
สร้างเนื้อเยื่อได้ ที่เหลือขับทิ้งได้
ไม่เหมือนน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธี
มีสารเคมีตกค้างมากมายมีอันตราย ต่อสุขภาพระยะยาวแน่นอน
12.กินหอมแดง,หอมใหญ่,กระเทียม และตามด้วยมะนาวฝานบางๆทั้งเปลือก2-3ชิ้นเพื่อดับกลิ่นเพื่อลดไขมันตัวร้ายในหลอดเลือดดีกว่ากินยาลดไขมันซึ่งมีผลข้างเคียงที่อันตรายมาก
ส่งต่อเป็นวิทยาทาน…นะพี่น้อง
ใครคือเพื่อน18คนที่คุณจะไม่สามารถลืมได้เลยในชีวิต? ส่งให้แค่18คนนั้น แล้วคอยดูว่าคุณเองได้กลับมาเท่าไหร่. เริ่มส่งได้! แค่18คนนะ! วันนี้เป็นวันเพื่อนนานาชาติ ส่งให้เพื่อนคนพิเศษของคุณ (รวมถึงส่งกลับมาให้ฉันด้วย ถ้าฉัน คุณเป็นคนที่คนรักมากๆเลยนะ ถ้าคุณได้รับกลับมาอย่างน้อย5คน ลองดูเลย
ข้อคิดดีๆ จาก “รอยตะปู”
เด็กน้อยคนหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดีพ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุงและบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน วันแรกผ่านไปเด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป ผ่านไปจำนวนตะปูก็ค่อยๆลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่เขาสามารถ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว
พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู ทุกๆครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว ๆ จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกเด็กชายดีใจมากรีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า ผมทำได้แล้วครับในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ
พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น แล้วบอกลูกทำได้ดีมากทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ เห็นมั๊ยว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้ ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า ต่อให้ใช้คำว่า..ขอโทษ..สักกี่หนก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวดที่เกิดกับเขาคนนั้นได้ ลูกจงจำคำว่า ..ขอโทษ..ไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ก็ตามนะจำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขาเขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้……ตลอดไป
สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด ทันทีที่สติรู้ทันว่า เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่นวางความยึดมั่นว่าเราถูกลงเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะมาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง
อย่าลืมแชร์ บทความดีๆ ให้เพื่อนของคุณอ่านด้วยล่ะ ^^
หมายเลขโทรศัพท์ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของแต่ละจังหวัด
หลายคนอาจเดินทางไปต่างจังหวัด ช่วงสงกรานต์หรือวันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ เบอร์แจ้งเหตุฉุกเฉินของแต่ละจังหวัด น่าจะติดตัวไว้ครับ
” หมายเลขโทรศัพท์ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของแต่ละจังหวัด
1 อุบลราชธานี 0-4535-2600-09
2 นครราชสีมา 0-4442-0250-99
3 ขอนแก่น 0-4324-0250-98
4 เชียงใหม่ 0-5392-0750-51
5 พิษณุโลก 0-5523-6400
6 นครปฐม 0-3424-0650
7 สุราษฎร์ธานี 0-7727-7600
8 อุดรธานี 0-4221-5750-99
9 ชลบุรี 0-3893-2600-08
10 สงขลา 0-7431-7301-30
11 ปทุมธานี 0-2598-8191
12 พระนครศรีอยุธยา 0-3524-9750
13 ฉะเชิงเทรา 0-3850-0099
14 ศรีสะเกษ 0-4582-9799
15 ร้อยเอ็ด 0-4361-9799
16 เชียงราย 0-5391-0788
17 นครสวรรค์ 0-5621-9099
18 นครศรีธรรมราช 0-7530-4600
19 พัทลุง 0-7460-9977
20 กาญจนบุรี 0-3452-7600-49
21 ลำปาง 0-5423-7090
22 ระยอง 0-3892-8090
23 สภ.หัวหิน 0-3261-8090
24 ภูเก็ต 0-7636-0790
25 นราธิวาส 0-7351-7990
26 ราชบุรี 0-3271-9798
27 กาฬสินธุ์ 0-4380-9799
28 เพชรบูรณ์ 0-5671-7799
29 ปัตตานี 0-7334-5999
30 สระบุรี 0-3624-0698
31 สมุทรสาคร 0-3441-9780
32 สมุทรปราการ 0-2338-0090
33 จันทบุรี 0-3931-9790
34 ยะลา 0-7322-0890
35 ตรัง 0-7520-1990
36 กระบี่ 0-7562-7900
37 กำแพงเพชร 0-5571-8490
38 ลำพูน 0-5356-9790
39 บุรีรัมย์ 0-4460-4090
40 นครพนม 0-4253-9790
41 นนทบุรี 02-528-7490
42 สุพรรณบุรี 035-514-000
43 ชัยนาท 056-459-639
44 ลพบุรี 036-418-900
45 ชัยภูมิ 044-815-000
46 พิจิตร 056-609-739
47 ตาก 055-518-000
48 สุโขทัย 055-609-739
49 แพร่ 054-539-739
50 พะเยา 054-409-739
51 น่าน 054-683-000
52 เลย 042-808-739
53 หนองบัวลำภู 042-318-739
54 หนองคาย 042-415-000
55 สกลนคร 042-700-739
56 มุกดาหาร 042-629-739
57 ยโสธร 045-709-739
58 สุรินทร์ 044-710-739
59 สระแก้ว 037-240-740
60 ปราจีนบุรี 037-239-098
61 นครนายก 037-307-000
62 สมุทรสงคราม 034-719-740
63 เพชรบุรี 032-709-740
64 ชุมพร 077-529-739
65 พังงา 076-401-439
66 สตูล 074-709-739
67 ระนอง 077-819-739
68 สิงห์บุรี 036-509798-99
69 อ่างทอง 035-617098-99
70 ตราด 039-552900-01
71 อำนาจเจริญ 045-519200-01
72 มหาสารคาม 043-719698-99
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย
ลูกชาย : พ่อครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย ?
พ่อ : แน่นอนได้สิ, ลูกจะถามอะไร
ลูกชาย : พ่อครับ ใน 1ชั่วโมง พ่อหาเงินได้เท่าไหร่หรอคับ ?
พ่อ : มันไม่ใช่ธุระอะไรของลูก ทำไมถึงถามอะไรแบบนี้ ?
ลูกชาย : ผมแค่อยากรู้ ได้โปรดบอกผมเถอะคับ ใน 1 ชั่วโมงพ่อหาเงินได้เท่าไหร่ ?
พ่อ : ถ้าลูกต้องรู้ให้ได้ พ่อก็จะบอกให้ฟัง ใน 1 ชั่วโมง พ่อหาเงินได้ 100 บาท
ลูกชาย : โห !!! (ทำหน้าเศร้าพร้อมกับก้มหน้าลงลูกชาย : พ่อครับ ผมขอยืมเงินพ่อ 50 บาทได้ไหม ?
พ่อของเขาโมโหมาก
พ่อ : ถ้าด้วยเหตุผลที่ลูกถาม เพียงเพราะอยากยืมเงินพ่อ เพื่อไปซื้อของเล่นห่วยๆ หรือ สิ่งของไร้สาระพวกนั้น
ลูกควรจะนำตัวเองตรงกลับไปที่ห้อง และ เข้านอน พร้อมกับคิดว่าทำไมถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนี้ พ่อทำงานหนักทุกวัน เพื่อเลี้ยงลูกที่มีนิสัยอย่างนี้หรอ
เด็กชายตัวน้อยเงียบลง
และค่อยๆเดินขึ้นห้องของเขาและปิดประตูลง
พ่อนั่งลงด้วยความโมโห นึกย้อนกับไปถึงคำถามของลูกชาย
เขากล้าถามกัยเราอย่างนั้นได้อย่างไร
เพียงเพื่อแลกกับเงินบางส่วน
ผ่านไป 1 ชั่วโมง… อารมณ์ของพ่อก็เริ่มสงบลง และเริ่มคิดได้ว่า
บางทีอาจจะมีบางสิ่งที่มีราคา 50 บาท ซึ่งลูกอยากได้จริงๆ
และความจริงแล้ว เขาก็ไม่เคยถาม หรือ ขอเงินเราเลย
ดังนั้น พ่อจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปหาลูกที่ห้องนอน
พ่อ : นังไม่นอนอีกหรอลูก ?
ลูก : ไม่คับพ่อ ผมยังไม่นอน
พ่อ : พ่อมาคิดดูแล้ว บางทีพ่อคงทำงานจนเหนื่อยเกินไป ถึงได้พูดกับลูกแรงขนาดนั้น
นี้เงิน 50 บาท ที่ลูกขอยืมพ่อ เอาไปซิ
หนุ่มน้อยฉีกยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง เขาก้อรีบดึงแบงค์ยับๆจำนวนหนึ่ง และ เศษเหรียญเล็กๆ น้อยๆ ออกมาจากใต้หมอนของเขา
เขานั่งบรรจงนับมันอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพ่อ
ในขณะเดียวกันกับพ่อเริ่มจะโมโหขึ้นอีกรอบ เพราะเห็นลูกชายซ่อนเงินจำนวนหนึ่งไว้ใต้หมอน
พ่อ : ลูกจะเอาเงินเยอะแยะขนาดนี้ไปทำอะไร ในเมื่อลูกก็มีมันอยู่มากพอแล้ว (พ่อถามด้วยอารมณ์เริ่มโกรธ)
ลูกชาย : เพราะผมมีไม่พอครับ แต่ตอนนี้ผมมีครบแล้ว
พ่อครับ นี้เงิน 100 บาท ผมขอซื้อเวลาทำงานพ่อ 1 ชั่วโมงครับ
พรุ้งนี้ตอนเย็น พ่อช่วยกลับมาบ้านมาหาผมเร็วๆ นะครับ ผมเพียงแค่อยากกินข้าวเย็นกับพ่อครับ
พ่อหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เพราะความเจ็บปวดที่หน้าอก
รู้สึกเหมือนดวงใจของเขา มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
พ่อรีบคุกเข่าลง โผกอดลูกชายทั้งน้ำตา พร้อมกับขอให้ลูกชายสุดที่รักเขายกโทษให้ตัวเขา….!!!!
นี่เป็นเรื่องเล่าเพียงสั้นๆ ที่อยากเตือนให้คุณคิดว่า เราไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย.
แก้โรคปวดหลังโดยน้ำมะพร้าวกับพริกไทย
บทความและรูปภาพจากกลุ่มไลน์ครับ
งั้น ลองดูตามความเหมาะสมนะค่ะ
แก้ปวดหลัง ดื่มแล้วหายโดยไม่ต้องผ่าตัด…
สมุนไพรเป็นยาขนานนี้ดื่มกันมานานจากการบอกกล่าวต่อกันมานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งได้ทราบจากคุณภิมุข รัตนอาภา ปัจจุบันอายุ 74 ปี โทรศัพท์บอกกล่าวให้ทราบตั้งแต่ปี 52 และส่งเป็นเอกสารที่ท่านเผยแพร่มาให้อีก สืบเนื่องจากท่านเผยแพร่ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยรายการทั่วทิศถิ่นไทยแล้วมีผู้ดื่มแล้วหายกันมากมายเป็นที่กล่าวขานว่าได้ผลจริง การเขียนบอกกล่าวเป็นบันทึกว่าจะเขียนหลายครั้งก็ไม่มีความมั่นใจว่ารักษาได้ผลจริงไหม แต่ก็เคยได้บอกบ้าง
6 ข้อคิดดีๆเอาไว้อ่านนะครับ
“จงบิน ! ให้สูงกว่า ที่คิด . . . . .
เพราะชีวิต มันสั้นกว่า ที่หวัง
จงพูด ให้น้อยกว่า ที่ฟัง . . . . .
และจงทำ ให้มากกว่า ที่พูด
จงหวัง! ให้น้อยกว่า ที่รัก . . . . .
เพราะอาจ อกหัก ใจสลาย
จงทำดีให้มากกว่า ที่ร้าย . . . . .
จงคิดอภัย ให้มากกว่าที่ชัง
จงกลัว! ให้น้อยกว่า ที่กล้า . . . .
และศรัทธา ให้มากกว่าที่เห็น
ปล่อยวาง ให้มากกว่า ที่เป็น . . .
แล้วจะเห็น ความสุขที่แท้จริง”
เพราะงานยุ่ง หรือเพราะว่าไม่เคยเอาใจวางไว้ที่บ้าน
หนุ่มหนึ่งกลับบ้านหลังดื่มจนตัวเบา พอเข้าบ้าน เปิดไฟ ร้องเรียกเมีย ไร้เสียงขาน ก้มหน้าพบหนังสือขอหย่าบนตู้รองเท้า
หนุ่มงง ไม่นึกว่าเจ้าหล่อนจะเอาจริง ผัวเมียทะเลาะกันบ่อย อย่างมากหล่อนเพียงงอนไม่พูดด้วย หรือกลับบ้านแม่ไปสักพัก จากนั้นก็คืนมาเป็นปกติ ทว่าครั้งนี้ เรื่องไม่เล็กเสียแล้ว เมียบอกให้เขาไปงานประชุมผู้ปกครองของลูกสาว เขาบอกว่างานยุ่ง ไม่มีเวลา เมียว่ายุ่งอะไรทั้งวัน ไม่เคยใส่ใจฉันกับลูกเลย เราเลิกกันแล้วกัน
หนุ่มไม่คิดว่าจะมีปัญหา เขาถือว่าต้องเห็นงานสำคัญกว่าครอบครัว และที่ยุ่งวุ่นนั้นก็เพื่อบ้านนี้ไม่ใช่หรือ ตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ในนาทีนี้ บ้านว่างเปล่าเงียบเชียบไร้ลูกไร้เมียนี้มันช่างไม่เป็นบ้านเอาเสียเลย ความสำเร็จของเขา ถ้าไม่มีเมียร่วมปัน ก็ไร้ความหมาย
วันรุ่งขึ้นเขาไปเยี่ยมพ่อแม่ ทั้งสองงงมาก ถามว่าทำไมมีเวลากลับบ้าน คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ? ทะเลาะกับแม่อีหนูหรือ? คำถามเป็นชุดทำให้เขาละอาย เขาคงกลับบ้านน้อยเกินไปกระมัง? แต่พ่อแม่ตื่นเต้นยินดีกันมาก พ่อรีบออกไปจ่ายตลาด แม่อยู่บ้านนั่งคุยกับเขา หาขนมถั่วต้มให้กิน แต่ไม่ทันนั่ง เสียงโทรศัพท์ดัง เขาได้ยินเสียงพ่อดังลอดมาจากโทรศัพท์ว่า “ลืมบอกไป ชาเก๊กฮวยน้ำผึ้งที่ชงไว้ให้น่ะ อยู่บนธรณีหน้าต่าง เธอรีบดื่มซะ เดี๋ยวจะเย็น”
แม่วางหู ดื่มชาไปอึกเดียว โทรศัพท์ดังอีก พ่อนั่นแหละ “เราต้องจ่ายค่าน้ำแล้วใช่ไหม? ฉันลืมเอาบิลมา ช่วยบอกเลขบิลให้หน่อย จะแวะไปจ่าย” วางหูไม่ทันไร พ่อโทรฯ มาอีก เสียงดีใจทีเดียว “เธอชอบกินปลาสีนวลใช่ไหม เดี๋ยวซื้อไปให้นึ่งกิน”
ยี่สิบนาที พ่อโทรฯ 3 ครั้ง แม่ก็รับและคุยอย่างไม่รู้หน่าย เขาอดบ่นไม่ได้ว่า ทำไมพ่อจุกจิกขึ้นทุกที? ไม่เห็นมีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องโทรฯ กลับมาบอกไม่ได้หรือ?
แม่ยิ้มแล้วพูดว่า “เด็กโง่เอ๊ย เจ้าจะไปรู้ใจพ่อได้ไง? แกไม่ได้จุกจิก แต่แกวางหัวใจไว้ที่บ้าน มีที่ฝากฝังมีความห่วงหา จึงได้โทรฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวพ่ออยู่นอกบ้าน แต่ใจอยู่ในบ้าน เรื่องในบ้านไม่มีใหญ่เล็ก ทุกอย่างล้วนห่วงใย เจ้าอย่าคิดว่าเอาเงินเข้าบ้านก็พอ บ้านไม่ใช่ที่ที่วางเงิน แต่เป็นที่ที่วางใจ มีแต่เอาใจวางไว้ที่บ้าน ความรักกับความสุขจึงจะอยู่ที่บ้าน เจ้าเข้าใจไหม?”
เขาเห็นสายตาลึกล้ำของแม่ เข้าใจในบัดดล คิดถึงตนเอง ไม่เคยโทรศัพท์กลับบ้าน แม้แต่เมียโทรฯ หาก็รีบตัดสาย คิดถึงที่ตัวเองไปงานไปกินกับหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานจนดึกดื่น ไฟที่บ้านก็สว่างคอยเขาจนดึกดื่น แต่เขาไม่เคยคิดถึงความเดียวดายของเธอ ลูกอายุหกขวบ ขอให้เขาพาเที่ยว แต่คำมั่นสัญญาของเขาไม่เคยเป็นจริง
เพราะงานยุ่ง หรือเพราะว่าไม่เคยเอาใจวางไว้ที่บ้านเล่า?
คืนนั้น เขาไปรับเมียกลับ เธอรีรอไม่ยอมกลับ เขารีบอธิบายว่า จะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ก่อนนี้ฉันละเลยเธอ ละเลยบ้านของเรา ฉันคิดว่าเพียงแค่ส่งเงินให้ไม่ขาดก็จะรับประกันความสุขของเรา แต่ฉันเกือบทำความรักหล่นหาย ต่อไปนี้ ฉันจะเอาใจวางไว้ที่บ้าน เอาบ้านวางไว้ในใจ เธอกลับบ้านกับฉันเถอะนะ?
เมียไม่ตอบ ค่อยๆ เดินเข้าหาเขา น้ำตาร่วง
ถูกต้องแล้ว บ้านคือที่วางใจ คือที่รองรัก
ใช่แล้ว งานยุ่ง ไม่อาจเป็นเหตุผล ใจอยู่ รักอยู่ มีห่วงมีใย ความสุขจึงเกิดได้ ไม่เสื่อมสลาย
ขอบคุณเจ้าของภาพและเรื่องราวที่แบ่งปันครับ
7 ข้อคิด ชีวิตมีความสุข
ค่อยๆอ่าน. อ่านแล้วคิดอะไรได้เยอะ สุดยอดจริงๆครับ
1. ต้องอยู่ให้รอด – ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก อยู่อีก 1 วัน… เหลือน้อยลง 1 วัน
สุขอีก 1 วัน… กำไร 1 วัน
2. ต้องอยู่ให้มีความสุข-
ตำแหน่งสูง มิสู้มีรายได้สูง..
รายได้สูง มิสู้อายุยืน..
อายุยืน มิสู้มีความสุข..
ขอให้มีความสุข เพราะความสุขคือเงินสด..
นอกนั้นแค่กระดาษเช็ค
3. ต้องเป็นของเราเอง-
หมายถึงไม่ใช่เป็นของคนอื่น หรือยืมของคนอื่นมาใช้..
..ตำแหน่งเป็นของชั่วคราว
..เกียรติยศเดี๋ยวก็ผ่านไป
..สุขภาพเท่านั้นที่เป็นของเรา
4. ไม่เหมือนกัน-ย่อมไม่เหมือนกัน
ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกไม่มีขีดจำกัด..
แต่ความรักของลูกต่อพ่อแม่มีขีดจำกัด..
..ลูกๆ ป่วย พ่อแม่กลุ้มใจ
..พ่อแม่ป่วย แค่ลูกๆ มาเยี่ยมมาถามไถ่ ก็พอใจแล้ว
..ลูกๆ ใช้เงินพ่อแม่ สมเหตุสมผล
..พ่อแม่จะใช้เงินลูกๆ ต้องมีเหตุมีผล
..บ้านพ่อแม่ก็คือบ้านลูกๆ
..บ้านลูกๆ ไม่ใช่บ้านของพ่อกับแม่
ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน..
พ่อแม่ที่เข้าใจ จะถือเอาความกตัญญูกตเวทีของลูกๆ เป็นจิตอาสาและความสุข ไม่หวังการตอบแทน..
หากหวังการตอบแทน นั่นคือหาทุกข์ใส่ตัว
5. อย่าคาดหวังใคร-
ยามป่วยอย่าคาดหวังใคร แม้แต่ลูกๆ..
“ไม่มีลูกกตัญญูหน้าเตียงคนป่วยเรื้อรังหรอก”..
คาดหวังคู่ชีวิตหรือ เขาเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
ที่คาดหวังได้ คือเงินอย่างเดียว ใช้เงินรักษาตัว
6. ระลึกแต่ความหลัง –
อาจจำเป็น เพราะจำเรื่องราวได้น้อยลง ลืมมากขึ้น ฉะนั้นสุขภาพคือทรัพย์..จำไว้
..แข็งแรงเข้าไว้ หาความสุขเสมอ..
7. อย่ากลัวความตาย-
เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนเท่าเทียมกัน..
ต้องมีความพร้อมด้านจิตใจ พอยมบาลมาเรียก ก็พร้อมที่จะไปได้เลย ต้องไม่มีการอาลัยอาวรณ์..
ครบ 7 ข้อ
“ยามลำบาก มากอุปสรรค.. ต้องตั้งหลักให้มั่นคง
ยามได้ดี มียศสูงส่ง.. ต้องรู้ ปลง ปลดปล่อยวาง”..
ฉะนั้น อย่าท้อ เวลาผ่านไป เงื่อนไขเปลี่ยน สถานการณ์ก็มักผันแปร อาจดีขึ้นก็ได้..
เราไม่จำเป็นต้องรวยเพราะมีเงินมาก แต่เราอาจรวยความสุขได้เพราะการให้…..สาธุ สาธุ สาธุ.!!!!