จะทานไข่ไก่หรือไข่เป็ดดี ?

image

วันนี้คุณรับประทานไข่หรือยัง หรือ วันนี้คุณรับประทานไข่ไก่หรือไข่เป็ด ชักจะสงสัยขึ้นมาแล้วว่า ไข่ไก่หรือไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน ด้วยเหตุนี้เองจึงอยากจะมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ทราบกัน

ไข่นับว่าเป็นอาหารที่มีความสำคัญมากและรับประทานกันแพร่หลายทั่วๆไป ประชาชนทั่วๆไปมักจะพูดกันและรู้จักไข่ในลักษณะอาหารเสริม บำรุงกำลัง ผู้ที่ไม่มีแรง อ่อนเพลีย หรือผู้ที่เจ็บป่วย มักถูกญาติมิตร เพื่อนฝูง แนะนำให้รับประทานไข่บ้าง อาหารไข่นับว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์และสะดวกในการประกอบอาหารรับประทาน

อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วเรื่องราวของไข่เกี่ยวกับคุณประโยชน์จริงๆนั้นยังรู้จักกันน้อย บางครั้งมักจะมีผู้ตั้งคำถามอยู่เสมอว่าไข่ไก่หรือไข่เป็ด ชนิดไหนมีประโยชน์มากกว่ากัน

ความจริงแล้ว โปรตีนจากไข่ขาวเป็นโปรตีนชั้นดี ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้แทนเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพของร่างกายได้ทั้งหมด นับว่าดีกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก ทางการแพทย์บอกว่า ไข่ขาวสามารถเปลี่ยนเป็นโปรตีนของร่างกายได้เต็ม 100 % ประชาชนของประเทศส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจมากนัก เราควรจะหันมาให้ความสนใจกับการรับประทานไข่ให้มากขึ้น จะเป็นไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้ เพราะล้วนแต่ให้ประโชน์ทั้งนั้น

ในต่างประเทศมักจะไม่ค่อยรับประทานไข่เป็ดกัน เพราะหาได้ลำบากกว่าไข่ไก่ จะสร้างโรงเรือนเลี้ยงเป็ดแบบเลี้ยงไก่ก็ทำไม่สะดวกไข่ไก่หรือไข่เป็ดชนิดใดมีคุณค่ามากกว่ากัน ดีกว่ากัน ข้อมูลเป็นตัวเลขเปรียบเทียบให้เห็นดังนี้สำหรับไข่ไก่ 1 ฟอง และ ไข่เป็ด 1 ฟอง

สารอาหาร ไข่ไก่ ไข่เป็ด
พลังงาน ( แคลอรี ) 169 180
ไขมัน ( กรัม ) 11.9 12.6
คาร์โบไฮเดรต ( กรัม ) 1.7 4.1
โปรตีน ( กรัม ) 12.7 11.7
แคลเซี่ยม ( มิลลิกรัม ) 76.0 71.0
เหล็ก ( มิลลิกรัม ) 3.5 2.8
วิตามิน บี 1 ( มิลลิกรัม ) 0.08 0.27
วิตามิน บี 2 (มิลลิกรัม ) 0.48 0.56
วิตามิน บี 5 (มิลลิกรัม ) 0.1 0.1

คุณค่าของไข่ไก่และไข่เป็ด มีส่วนแตกต่างกันบ้าง เช่น ไข่ไก่หนือกว่าไข่เป็ด ในด้านโปรตีน แคลเซี่ยม เหล็ก แต่ไข่เป็ดกลับเหนือว่าในด้านพลังงาน ไขมัน วิตามิน บี 1 วิตามิน บี 2

หากเรารับประทานไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง คิดปริมาณน้ำหนัก 50 กรัม เมื่อเทียบความต้อการสารอาหารที่ควรได้รับสำหรับประชาชนใน 1 วัน ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ในวันหนึ่งควรรับประทานไข่เพียงวันละ 1 ฟอง ก็จะได้สารอาหารที่จำเป็นมากพอสมควรแล้วค่ะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก scimath)

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประจำเดือน ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

image

ประจำเดือน กับ 7 เรื่องที่เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน บางข้อรู้แล้วถึงกับอึ้งเลยนะเนี่ย

เรียกได้ว่าประจำเดือนนี่แหละเป็นมิตรแท้ของสาว ๆ เลย เพราะไม่รู้จะคิดถึงอะไรกันบ่อยจัง เล่นมาหาทุกเดือนเลย kiki emoticon วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยอยากให้สาว ๆ รู้จักมิตรแท้ที่เจอกันทุกเดือนให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการนำ 7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประจำเดือนจาก allwomenstalk มาฝากค่ะ เชื่อสิว่าบางข้อคุณไม่เคยรู้มาก่อนแน่ ๆ

เลือดที่เสียไปน้อยกว่า 1 ถ้วย

เวลาเป็นประจำเดือน สาว ๆ คงคิดล่ะสิว่าเลือดที่เสียไปน่ะเยอะมาก เพราะบางทีก็ล้นทะลักมาเปื้อนกางเกงในทะลุไปยันกางเกงที่ใส่อยู่อีกด้วย แต่ความจริงแล้วทุก ๆ เดือนเราเสียเลือดไปแค่ 2-4 ช้อนโต๊ะเองนะ ซึ่งมันน้อยกว่า 1 ถ้วยซะอีก

ประจำเดือนมาก็ท้องได้

ใครว่าประจำเดือนมาจะท้องไม่ได้ล่ะ เพราะจริง ๆ แล้วคุณก็ตั้งท้องระหว่างมีประจำเดือนได้เหมือนกัน แต่ทว่าโอกาสมีเพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง ฉะนั้นอย่าชะล่าใจไม่ป้องกันระหว่างมีเพศสัมพันธ์เชียวนะคะ

สัตว์ชนิดอื่นก็มีประจำเดือน

ไม่เพียงแต่มนุษย์ผู้หญิงบนโลกนี้เท่านั้นที่มีประจำเดือน เพราะสัตว์อื่น ๆ อย่างสัตว์ประเภทค้างคาว ช้าง และอาร์ดวาร์ก ก็เป็นสัตว์ที่มีประจำเดือนเหมือนกันนะ

ประจำเดือนมาไม่ตรงไม่ต้องเครียด

ถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ตรง อย่างบางเดือนมา 3 วันบ้าง 7 วันบ้างก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะความจริงแล้วต้องใช้เวลาถึง 6 ปีเชียวนะกว่าประจำเดือนจะมาตรงแบบไม่คลาดเคลื่อน
ช่วงตกไข่นี่แหละมีเสน่ห์

เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผู้ชายจะรู้ว่าคุณอยู่ในช่วงตกไข่ แต่ในช่วงนี้ร่างกายของสาว ๆ จะปล่อยฮอร์โมนบางอย่างออกมา ซึ่งทำให้่ผู้ชายอยากอยู่ใกล้ชิดมากขึ้น แถมช่วงนี้คุณผู้หญิงจะดูมีเสน่ห์มากขึ้นด้วยนะ

ผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันจะมีประจำเดือนไล่เลี่ยกัน

หากเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงที่เป็นเพื่อนหรือครอบครัวเดียวกันที่ใกล้ชิดกันบ่อย ๆ จะมีประจำเดือนในเวลาเดียวกันหรือไล่เลี่ยกัน ซึ่งถึงแม้ว่าเคสนี้วิทยาศาสตร์จะยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ผู้หญิงหลายคนก็ยืนยันว่านี่แหละคือเรื่องจริงที่เกิดกับตัวเอง

เลือดประจำเดือนต่างจากเลือดอื่น

เคยสังเกตไหมว่าเลือดประจำเดือนบนผ้าอนามัยที่เห็น ทำไมช่างดูแตกต่างจากเลือดเวลามีดบาดจัง ก็เพราะเลือดประจำเดือนที่ไหลออกมามีเศษเนื้อเยื่อปนอยู่ในนั้นด้วยน่ะสิ ฟังดูน่ากลัวใช่ไหมล่ะคะ

โอ้โห … รู้แบบนี้แล้วต้องร้องว้าวออกมาดัง ๆ เลย เพราะประจำเดือนที่คิดว่าเป็นแค่เลือดธรรมดาที่ออกมาจากร่างกาย กลับไม่ใช่อย่างที่คิดซะแล้วสิเนี่ย kiki emoticon

Cr. Jelly walker

จากปากแพทย์ผู้ใกล้ชิด”ในหลวง”

image

แพทย์ผู้ที่รับใช้ใกล้ ชิด ได้เล่าให้ฟังว่าภาพที่พ่อนั่งเหม่อลอยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเวลานาน เหมือนจะร้องไห้นั้น ณ.ที่ตรงนั้นกับเวลาที่ยาวนานพ่อพูดออกมาประโยคเดียวว่า “เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำ หรือ คนไทยเหล่านั้นถึงได้โกรธ/เกลียดเราขนาดนี้” ผู้อยู่ใกล้ชิดพ่อน้ำตาไหลพรากเพราะสงสารพ่อที่ทำทุกอย่างทั้งชีวิตพ่อเพื่อ คนไทยมาตลอด…
แพทย์ที่ถวายการรักษา บอกว่า ในหลวงท่านทรงทราบข่าวระเบิด เมื่อคืนแล้ว
พระองค์น้ำตาคลอไม่มี รับสั่งอะไรท่านดูเป็น กังวล***
ช่วยส่งต่อ ด้วยนะถ้าคุณเป็นคนไทยที่รัก ในหลวง เหมือนกัน
ในหลวงทรงร้องไห้ พระองค์ท่านทรงท้อ… และตรัสเสมอว่า ระบบราชาธิปไตย
คงจบลงที่ รัชกาลที่9 ของพระองค์เอง ปกครองไทยมา 600 ปี แต่น่าใจหายที่จะสิ้นลง
ที่รัชกาลของพระองค์ เพราะคนไทยลืมหน้าที่ของตัวเอง ลืม หน้าที่ ที่ต้องทำในฐานะประชาชนคนไทย
ปล่อยให้อำนาจเงิน และข่าวที่ผิด ๆ มาชักจูง โดยอาศัยความเชื่อส่วนตน เป็นตัวตัดสิน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักพระเจ้าอยู่หัว และอยากให้ประเทศไทยกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม
แชร์ต่อๆกันนะครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
facebook อมตะธรรม

สัจธรรมแห่งชีวิต

image

👪 วันเวลา จะพาวัย เข้าใกล้ฝั่ง
👬 สุขภาพ แล กำลัง จะถดถอย
👭ใจเคยร้อน ก็ถอยร่น เป็นผลพลอย
👫 เริ่มเย็นลง และรอคอย รู้ปล่อยปลง
👬 สุขสุดท้าย ใช่อยู่ที่ มีทรัพย์สิน
👭 แค่พออยู่ พอกิน ตามประสงค์
👫 มีหน้าที่ การงาน ที่มั่นคง
👬 มีรายได้ พอดำรง ไม่วุ่นวาย
👭 มีบ้านช่อง ครองสุข ไร้ทุกข์ถม
👫 มีครอบครัว ที่เกลียวกลม สมดังหมาย
👬 มีร่มไม้ ไพรพฤกษ์ ไว้ผ่อนคลาย
👭 สุขภาพ ร่างกาย ไร้โรคา
👫 ถือธรรมะ ละนิมิต ให้จิตนิ่ง
👬 และเข้าใจ ในทุกสิ่ง รู้คุณค่า
👭 อนิจจ°…ทุกข°….อนัตตา…
👫 เมื่อมีมา..ก็มีไป…อย่าได้กลัว
👬 ทรัพย์สมบัติ มากมาย ใช่ไปด้วย
👭 รถและบ้าน จะสุดสวย ทองท่วมหัว
👫 ถึงยามจาก ก็จากไกล ไปแต่ตัว
👬 เหลือสองสิ่ง ดีกับชั่ว ติดตัวไป..

ใครจะมีค่ามากกว่าตัวเราเอง

image

ไม่มีเงินมากเท่าเขา
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจน

ไม่สวยหล่อเท่าเขา
ไม่ได้หมายความว่าเราขี้เหร่

ไม่ได้เก่งฉลาดเท่าเขา
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราโง่

ไม่ได้มีในสิ่งที่เขามี
ก็ไม่ได้หมายความว่าเราขาด

ถ้าไม่ทุกข์ร้อน ไม่กังวล ไม่อิจฉา
นั่นแสดงว่าเราได้สิ่งที่ล้ำค่ามาครอบครองแล้ว

“6 สุดยอดข้ออ้าง” ที่ผู้นำเห็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นล่วงหน้า…ผู้ตามแม้แต่เห็นกับตายังไม่เชื่อตาตัวเอง

image

1.ไม่มีเงิน

ไม่มีเงิน ไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะฉนั้น คุณไม่มีวันวิ่งหาคำตอบได้หรอก…สิ่งที่คุณควรจะถามตัวเองคือ “เราจะหาเงินจากช่องทางไหนได้บ้าง?”

2.ไม่มีเวลา

ไม่มีใครสนใจหรอก ว่าคุณจะใช้เวลาไปกับเรื่องอะไร คนอื่นมองแค่ผลลัพธ์ของคุณเท่านั้น…ถ้าคุณบริหารเวลาได้ไม่ดีพอ ผลลัพธ์ชีวิตของคุณมันก็ตอบด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

3.ทำไม่เป็น

ทุกคนมีครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น ทำไม่เป็น ไม่ได้แปลว่า ทำไม่ได้…ถ้าอยากเห็นความสามารถของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ลองตั้งคำถามดูครับว่า “ต้องทำยังไง?”

4.ไม่ได้เรียนมาทางนี้

ความรู้ ไม่ได้สิ้นสุดแค่ในรั้วมหาลัย ใบปริญญาไม่ได้การันตีอนาคต ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดเรียน ก็ห้ามบ่นถึงเรื่องความก้าวหน้า เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น

5.ยังไม่พร้อม

คำนี้มองได้สองมุม ทั้งนี้ต้องดูวิสัยทัศน์ของคนพูดด้วย ว่าเขา “ขี้เกียจทำ” หรือกำลัง “รอจังหวะ” วิธีสังเกตุง่ายๆคือ ให้ดูการเตรียมพร้อมของคนๆนั้นค่ะ

6.ไม่มีอะไรใหม่ๆให้ทำแล้ว

ไม่มีอะไรจำกัดของคำพูดประโยคนี้ได้ นอกจากคำว่า “ขี้เกียจ” คำว่าใหม่ๆ ไม่ได้หมายถึงการสร้างสิ่งใหม่ แต่ด้วยของสิ่งเดิมก็ถือเป็น innovation นะคะ!!

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ประหยัดรายจ่าย”
แต่เค้ารวยจากการ” สร้างรายได้”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ทำงานง่าย”
แต่เค้ารวยจากการ” ทำงานยาก”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ทำงานหนัก”
แต่เค้ารวยจากการ” ทำงานฉลาด”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”คิดเยอะ”
แต่เค้ารวยจากการ” คิดเป็น”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ขายแรงงาน”
แต่เค้ารวยจากการ” ขายไอเดีย”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ปฏิเสธโอกาส”
แต่เค้ารวยจากการ” มองหาโอกาสทุกเวลาจะทำให้คุณล้าหลังจากความสำเร็จ”

image

…..การที่เราได้รักใครสักคน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อยู่ที่บุญวาสนาที่เคยได้ทำร่วมกัน จึงทำให้ได้มาพบเจอกัน แต่ถ้าหมดบุญที่ได้อยู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้องจากกันไป ถึงเราจะรั้งอย่างไรก็ไม่อยู่ และก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่ภพกี่ชาติ…เราถึงจะได้มาเจอกันอีก

……ดังนั้นจงรักให้เหมือนกับ”วันแรก”ที่ได้คบ และทำสิ่งดีๆให้กันเหมือนกับเป็น”วันสุดท้าย”ของชีวิต ให้รักและใส่ใจกันทุกวัน ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันให้คุ้มค่า สร้างความทรงจำดีๆต่อกันไว้ โดยไม่ต้องคิดว่า….พรุ่งนี้ยังจะรักกันอยู่ไหม อนาคตความรักจะเป็นอย่างไร แค่ทำปัจจุบัน….ให้ดีที่สุดก็พอ

…….ณ.วันนี้เมื่อเราได้รักใครสักคน ขอให้รักอย่างเต็มที่ มีความสุขกับวันนี้ให้เต็มที่ ทำทุกๆวันให้เหมือนกับเป็นวันแห่งความรักของเรา และเมื่อเราได้ทำดีที่สุดแล้วกับความรักครั้งนี้ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นแบบไหน เราจะไม่ย้อนกลับมาเสียใจแน่นอน !!

เลี้ยงจิ้งหรีดส่งออก รายได้เดือนละ 7 หมื่น

เลี้ยงจิ้งหรีดผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ ”ลุงตู่” ออกมาแนะแนวการประกอบอาชีพเสริมในช่วงปัญหาภัยแล้งที่ผ่านมา คือ ปลูกข้าวไม่ได้ก็ไปทำอย่างอื่น โดยเฉพาะประเด็นการเลี้ยงจิ้งหรีด ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมตลอด จนเขียนการ์ตูนล้อเลียนตามสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโซเชียลอย่างเมามันส์ ออกแนวขบขัน พร้อมตั้งคำถามตามมาว่า ”เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริมตามแนว “ลุงตู่” นั้น จะเลี้ยงครอบได้รอดหรือไม่
นางมน –นายดำ บุตรวงศ์ อายุ 38 ปี แม่ค้าทอดจิ้งหรีดดำขายที่ตลาดนัดคลองถมเทศบาลเมืองนครพนม เธอเปิดเผยว่า ตนและสามีและลูกๆอาศัยอยู่บ้านต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม อาชีพเดิมทีก็ปลูกหอมแบ่งขาย บางปีก็ราคาดี บางปีก็ราคาตกขาดทุนและลงทุนมาก และเมื่อ 3 ปีที่แล้วตนและสามีหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดพันธ์สีดำหรือ ”จิ้งหรีดดำ” โดยทำโรงเรือนกั้นตาข่ายล้อมชิด เพื่อป้องกันจิ้งจก ตุ๊กแก เข้ามากินจิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ในโรงเรือน ก่อนจะทำตู้เลี้ยงอย่างจริงจังประมาณ 30 ตู้ ซึ่งการเลี้ยงง่ายมากลงทุนไม่มาก คือ ซื้อไข่และแม่พันธุ์จิ้งหรีดดำมาวางไว้ในตู้ที่ทำไว้ ให้น้ำให้อาหารคือรำอ่อนใส่จานวางไว้เป็นอาหารจิ้งหรีดประมาณ 1 เดือน ก็จับขายได้กิโลกรัมล่ะ 160 บาท
“คือจิ้งหรีดมันจะวางไข่แพร่พันธุ์ไปมันเรื่อยๆเร็วมากให้เราจับขาย ได้ตลอด สำหรับตลาดนั้นดีมากจะมีลูกค้าขาประจำมารับซื้อไปทอดขายตามตลาด ตลาดนัดหรืองานบุญต่างๆ โดยแม่ค้าแต่ละรายจะสั่งซื้อคนละ 50-100 กิโล นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว สั่งซื้ออีกด้วยเพราะตลาดผู้บริโภคต้องการมาก บ้างก็ซื้อตัวสดๆไปเลี้ยงไก่ชน นก ฯลฯ และทุกวันอังคาร-เสาร์ ตลาดนัด ตนก็ทอดจิ้งหรีดมาขายด้วยและขายตัวสดพร้อมๆ เฉลี่ยเดือนหนึ่งตนจะมียอดขายจึ้งหรีดประมาณ 7 หมื่นบาท เมื่อหักซื้อรำข้าวเลี้ยงจิ้งหรีดราวเดือน 2 หมื่นบาทตนก็จะเหลือ 5 หมื่นบาทเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ”
ด้านนายดวง ละกังถา ชาวบ้านพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ทุกวันเสาร์จะมีตลาดนัดใหญ่ที่บ้านนาพะชัย อ.บ้านแพง รอยติดต่อกันมีประชาชนเป็นจำนวนมาก มาที่ตลาดนี้ ซึ่งตนและภรรยาจะนำจิ้งหรีดดำและแมลงสดิ้ง มาทอดขายจานละ 20 บาท 3 จาน 50 บาท ขายช่วงบ่าย3-6 โมงมีรายได้ 4-5 พัน ซึ่งแมลงสะดิ้งตนจะเลี้ยงเองนำมาทอดขายสดๆ ส่วนจิ้งหรีดดำตนจะไปซื้อที่แหล่งเลี้ยงที่บ้านต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง ครั้งล่ะ 50 กิโลกรัม มาแช่แข็ง แล้วตระเวนทอดขายตามตลาดนัด ตลาดคลองถม งานบุญหรือตามตลาดจุดผ่อนปรนตนและภรรยาไปทอดขายหมดสำหรับรายได้เฉลี่ยเดือน หนึ่งก็ 2-3 หมื่น สบายมากเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี

รวมวิธีระงับความโกรธ เยอะหน่อย แต่สาระล้วนๆ

 
          เวลาโกรธ ทำไงดี ปัญหาที่คิดไม่ตก ลองมาดูวิธีกำจัดความโกรธ ดับอารมณ์ร้อน ควบคุมความโกรธให้อยู่หมัดด้วยวิธีเหล่านี้ ก่อนจะกลายเป็นนิสัยร้าย ๆ ที่ใครก็เบือนหน้าหนี
          ความโกรธ อารมณ์ในแง่ลบที่ส่งผลเสียทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ที่หลายคนต้องเคยประสบพบเจอ ซึ่งถ้าหากเราไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ก็รังแต่จะมีผลร้ายตาม­­­มา และถ้ายิ่งปล่อยให้ความโกรธนั้นอยู่กับเรานาน ๆ ก็อาจจะกลายเป็นนิสัยที่ใครเจอก็แทบไม่อย่างเข้าใกล้ ถ้าไม่อยากให้ชีวิตพังต้องมาดูวิธีระงับความโกรธที่เริ่มต้นได้­­­ด้วยตัวคุณเอง แค่เพียงใจเย็นลงเท่านั้น รับรองว่าทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน
วิธีระงับความโกรธ
 1. ควบคุมลมหายใจ
          เมื่อไรที่คุณกำลังเริ่มรู้สึกโกรธละก็ ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองขาดสติจนแสดงอารมณ์ด้านร้าย ๆ ออกมา ลองหยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ควบคุมลมหายใจให้เข้า-ออกช้า ๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับนับ 1-10 ช้า ๆ จะช่วยทำให้คุณใจเย็นลงได้ หรือถ้าจะให้ดี ลองทำสมาธิ
 2. หยุดเพื่อให้เวลากับตัวเอง
          เวลาที่คุณโกรธ สิ่งที่ควรจะทำคือการหยุดพักสักครู่ เพื่อคุณมีเวลาอยู่กับตัวเอง และทำให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์ลง หรือถ้าหากคุณกำลังอยู่ท่ามกลางต้นเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธละ­­­ก็ แค่เพียงเดินออกมาอยู่คนเดียวสักครู่จนเริ่มใจเย็นแล้วถึงค่อยก­­­ลับเข้าไปเผชิญหน้าใหม่อีกครั้ง แบบนี้จะช่วยทำให้ใจเย็นลงได้เยอะเลย
วิธีระงับความโกรธ
 3. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
          ร่างกายของเราเวลาที่โกรธนั้น กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ในร่างกายก็จะตึงเครียดตามไปด้วยดังนั้นวิธีระงับความโกรธอีกวิธีที่ง่าย ๆ คือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อค่ะ โดยการยืดเส้นยืดสาย ขยับตัวบิดซ้ายบิดขวาสักหน่อย จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากอารมณ์โกรธค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นและทำให้เย็นใจลงค่ะ
 4. คิดทบทวนให้ดี
          หากคุณยังพอมีสติอยู่บ้างในระหว่างที่โกรธ ลองหันกลับไปคิดถึงสาเหตุที่ทำให้คุณโกรธ ลองคิดถึงเหตุและผลอย่างใจเย็น วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณใจเย็นและคลายความโกรธลงได้อย่างช้า ๆ แถมยังช่วยทำให้คุณมีเหตุผลมากขึ้นอีกด้วย
วิธีระงับความโกรธ
 5. นึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ
          ถ้าหากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถปลีกตัวไปเพื่อสงบสติอา­­­รมณ์ละก็ ลองนึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย อย่างเช่นสถานที่ที่คุณไปพักร้อน บ้านที่คุณเคยอยู่สมัยเด็ก ๆ ลองคิดถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสถานที่เหล่านั้น บอกได้เลยว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณอารมณ์เย็นลงได้ในเวลาเพียงไม่­­­นาน
 6. มองโลกในแง่ดี
          ความโกรธเกิดขึ้นจากการมองโลกในแง่ลบ ฉะนั้นจะขจัดความโกรธได้ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองความคิด แค่เพียงหันมามองเรื่องที่คุณโกรธในแง่บวกบ้าง ลองคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะมีเหตุผลที่จำเป็น ถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มองหาแง่ดีของสิ่งทีเกิดขึ้นนี้ แม้บางเรื่องอาจจะไม่ดีเท่าที่ควรแต่ก็ควรบอกตนเองว่าดีแล้วที่­­­เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น เพราะถ้าหากไม่เกิดขึ้นก็อาจจะมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นก­­­็ได้
วิธีระงับความโกรธ
 7. ปรึกษาใครสักคนที่คุณไว้ใจ
          หากคุณรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้คุณรู้สึกโกรธละก็ การหันหน้าไปปรึกษาใครสักคนที่คุณไว้ใจก็สามารถช่วยให้ปัญหาเหล­­­่านั้นคลี่คลายลงไปได้ เพราะหลาย ๆ ครั้งการที่จะทำให้คุณใจเย็นลงนั้น คำปลอบประโลมก็ไม่ได้ช่วยให้­คุณหายโกรธได้เสมอไป แต่คำพูดที่จริงใจและคำแนะนำที่ดีต่างหากที่สำคัญ
 8. ออกกำลังกาย
          การปลดปล่อยความโกรธอีกวิธีหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพจิตและดีต่อร่า­งกายก็คือการออกกำลังกาย หากคุณรู้สึกโมโหใครสักคน ลองปลดปล่อยออกมาผ่านการออกกำลังกาย วิธีนี้ นอกจากจะช่วยทำให้คุณสบายใจขึ้นแล้วก็ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอ­­­ีกด้วย
วิธีระงับความโกรธ
 9. ปลดปล่อยออกมาเป็นตัวหนังสือ
          แม้ว่าการปลดปล่อยความโกรธจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร แต่ถ้าคุณไม่สามารถเก็บความโกรธเอาไว้ได้จริง ๆ ก็ลองเขียนระบายลงในกระดาษดูค่ะ เขียนในสิ่งที่ทำให้คุณโกรธ และสิ่งที่คุณไม่สามารถพูดออกมาได้ การได้ระบายก็สามารถทำให้คุณอารมณ์เย็นลงได้ แต่ขอแนะนำว่าควรจะเขียนลงในสมุดที่เก็บมิดชิดจะดีที่สุดนะคะ อย่าระบายลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กเด็ดขาดไม่งั้นอาจจะนำมาสู่เรื่­­­องเดือดร้อนในอนาคตได้เหมือนกันนะ
 10. รู้จักการให้อภัย
          การให้อภัยมีพลังอันยิ่งใหญ่มากเกินกว่าที่คุณจะคาดถึง เพราะไม่เพียงแต่มีผลต่อคนที่คุณโกรธเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องของจิตใจของผู้ที่ให้อภัยได้อีกด้วย เพราะเมื่อคุณให้อภัยใครสักคน ความโกรธที่คอยทำให้คุณมีแต่ความทุกข์ก็จะหมดไป ทำให้คุณสบายใจและมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง
          ความโกรธ เป็นสิ่งที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ แค่เพียงเรามองโลกในแง่ดีและเข้าอกเข้าใจคนอื่นให้มากขึ้น แค่เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ก็รับรองได้เลยว่าจะไม่มีทางโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอย่างแน่น
 
 
 

ส่วนนี้เป็นวิธีละความโกรธอีกชุดหนึ่ง 

            ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแก่ผู้ใด  ทำให้จิตใจของผู้นั้นเร่าร้อน เป็นทุกข์ ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ ฝันร้าย ถ้าโกรธมาก ๆ อาจทำให้ต้องไปฆ่าผู้อื่น ติดคุกติดตารางเป็นทุกข์ทั้งแก่ตัวเอง ทั้งแก่ผู้อื่น จะเจริญเมตตาจิตก็ลำบากเพราะเมื่อเจริญไปแก่ผู้ที่เราโกรธอยู่ ก็เจริญไม่ขึ้น  แต่ถ้าเราละความโกรธได้ เราก็จะเป็นสุข  ดังพระบาลีว่า โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ แปลว่าฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมเป็นสุข ฉะนั้น อาตมาจะได้นำวิธีละความโกรธที่ท่านแสดงไว้ใน คัมภีร์วิสุทธิมรรค  มาแนะนำท่านผู้อ่าน มีถึง ๙ วิธี ด้วยกัน คือ

๑.     ระลึกถึงโทษของความโกรธ

บุคคลผู้มักโกรธนี้ ถูกความโกรธครอบงำแล้ว โกรธเต็มประดา ย่อมประพฤติชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจครั้นประพฤติชั่วด้วยกายวาจาใจแล้ว ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ตายไปแล้วย่อมเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ภูมิ หรือเราจะระลึกถึงโอวาทที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เช่นว่า ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธ (ก่อน) เพราะเหตุที่โกรธตอบนั้น ผู้นั้นกลับเลวกว่าผู้ที่โกรธ (ก่อน) นั้นเสียอีก ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธ (ก่อน) ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธขึ้นมาแล้วมีสติระงับใจเสียได้ (ไม่โกรธตอบ) ผู้นั้นเชื่อว่าประพฤติเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย คือทั้งฝ่ายตนและฝ่ายผู้อื่นและผู้ที่มัวโกรธอยู่อย่างนี้ ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย

๒.   ระลึกถึงความดีของเขา

ถ้าวิธีที่ ๑ ไม่สำเร็จ ลองวิธีที่ ๒ คือ ระลึกถึงความดีของเขา เพราะบางคนความประพฤติทางกาย เขาปฏิบัติดีเป็นอันมาก ชนทั้งปวงก็รู้ได้ แต่วาจาและใจไม่เรียบร้อยเราก็ระลึกถึงแต่ความดีทางกายของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางวาจาอย่างเดียว พูดจาอ่อนหวาน พูดให้คนอื่นสบายใจมีหน้าชื่นบาน ทักก่อน แต่ความประพฤติทางกายและใจไม่เรียบร้อย เราก็อย่าคิดถึงทางกายและใจ ระลึกถึงแต่ความดีทางวาจาของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางใจเท่านั้นความเรียบร้อยทางใจของเขานั้น ปรากฏแก่ชนทั้งปวงในการทำกิจต่าง ๆ เช่น การไหว้พระเจดีย์ เขาย่อมไหว้โดยเคารพไม่นั่งใจลอย โงกง่วงอยู่ในที่ฟังธรรม เราก็ระลึกถึงแต่ความเรียบร้อยทางใจของเขาอย่างเดียวเถิด สำหรับบางคน ประพฤติไม่ทั้งทางกาย วาจา ใจ เราควรตั้งความกรุณาในบุคคลนั้นด้วยคิด (สงสาร) ว่า เวลานี้เขาอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ว่าอีกไม่นาน เขาก็จะต้องไปเพิ่มให้มหานรกทั้ง ๘ ขุม เต็มขึ้น  เมื่อทำใจเช่นนี้ ความอาฆาต โกรธแค้น ย่อมระงับลงได้ เพราะอาศัยความกรุณา

๓.    พึงสอนตนว่า ความโกรธคือการทำความทุกข์ให้ตนเอง

เช่นว่า เจ้าไปพะนอความโกรธ อันเป็นตัวตัดมูลรากของศีลทั้งหลายที่เจ้ารักษาเสีย ขอถามหน่อย ใครโง่เหมือนเจ้าบ้างเล่า เจ้าโกรธว่า คนอื่นทำกรรมป่าเถื่อน (กรรมชั่ว) ให้อย่างไรหนอ เจ้าจึงปรารถนาจะทำกรรมเช่นเดียวกันนั้นเสียเองเล่า ถ้าคนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงทำความไม่พอใจให้ไฉนเจ้าจึงจะช่วยทำความตั้งใจของเขาให้สำเร็จ โดยปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า น่าตำหนิ เจ้าโกรธแล้วจักได้ทำทุกข์ให้แก่เขาหรือไม่ก็ตาม แต่เดี๋ยวนี้ เจ้าก็ได้เบียดเบียนตนเองด้วยโกรธทุกข์ (ความทุกข์ใจเพราะความโกรธ) อยู่แท้ ๆ

๔.    พิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน

ถ้ายังไม่หายโกรธ พึงพิจารณาให้เห็นว่าตนและคนอื่นต่างมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เช่นว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว เจ้าจักทำอะไร กรรมที่มีโทสะเป็นเหตุ จักเป็นไปเพื่อความเสื่อมเสียแก่ตัวเจ้าเองมิใช่หรือ เจ้าจักทำกรรมใดไว้ เจ้าจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมอันนี้จะสามารถให้สมบัติทั้งหลายมีความเป็นพระราชา พระอินทร์ เป็นต้น ก็หามิได้เลย กรรมนี้มีแต่จะทำให้เจ้าเสวยทุกข์ในเรือนจำ ทุกข์ในนรกเป็นต้น อย่างนี้แล้วจึงพิจารณาถึงฝ่ายคนอื่นบ้าง ดังที่พิจารณาในฝ่ายตน

๕.   พิจารณาถึงความประพฤติในกาลก่อนของพระศาสดา

เช่นว่า พระศาสดาของเจ้าในกาลก่อนแต่การตรัสรู้แม้เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีอยู่ตลอด ๔ อสงไขยกับแสนกัป มิได้ทรงยังจิตให้คิดประทุษร้ายในบุคคลทั้งหลายผู้เป็นศัตรู แม้เป็นผู้ปลงพระชนม์เอาในชาตินั้น ๆ เช่น เรื่องในขันติวาทีชาดก พระโพธิสัตว์  เมื่อพระราชาพระนามว่ากลาพุ ผู้โง่เขลาถามว่า สมณะ แกกล่าววาทะอะไร ตอบว่าอาตมากล่าววาทะคือขันติ (ความอดทน) ถูกโบยด้วยหวายทั้งหนามแล้ว ตัดมือและเท้าเสีย ก็ทรงมิได้ทำแม้แต่อาการขุ่นเคือง หรือเรื่องในมหากปิชาดก พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระบี่ใหญ่ (ลิง) เมื่อถูกชายผู้หนึ่งผู้ที่ตนเองช่วยฉุดขึ้นจากเหวรอดชีวิตแล้ว ยังคิดร้ายว่า ลิงนี่ก็เป็นอาหารของพวกมนุษย์เหมือนสัตว์ป่าอื่น ๆ ในป่านั่นเอง อย่ากระนั้นเลย เราก็หิวแล้ว ฆ่าลิงตัวนี้กินเสียเถิดน่ะ เรากินอิ่มแล้ว จะถือเอาเนื้อมันเป็นเสบียงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จักข้ามทางกันดารไปได้เสบียงก็จักมีแก่เราด้วย  ดังนี้แล้ว ยกก้อนหินทุ่มหัวเอากระบี่ใหญ่ก็ยังมองชายผู้นั้น ด้วยดวงตาอันนองด้วยน้ำตากล่าวกะเขาด้วยดีว่า นายจ๋า นายอย่าทำกะข้าซิ น่าติ! นายทำกรรมเช่นนี้ได้ (ลงคอ) นายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอายุยืนควรแต่จะห้ามคนอื่น (มิให้ทำร้ายกัน แต่นี่นายกลับทำร้ายเสียเอง) ไม่ยังจิตให้คิดร้ายในชายผู้นั้น ไม่คิดถึงความทุกข์ของตนเลย  ยังพาชายผู้นั้นให้ถึงที่ ๆ ปลอดภัยเสียด้วย

๖.     พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย ไม่เคยเป็นพี่น้องหญิง ไม่เคยเป็นบุตร ไม่เคยเป็นธิดา มิใช่หาได้ง่ายเพราะฉะนั้น เราพึงยังจิตอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในผู้นั้นว่า ผู้นี้เป็นมารดาในอดีตของเรา รักษาเราอยู่ในท้อง ไม่แสดงอาการเกลียดสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย มีอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย และน้ำมูล เป็นต้น ของเรา เช็คได้ราวกะจันทร์แดง (ต้นไม้หอมชนิดหนึ่ง) ให้เรานอนแนบอก อุ้มเราไป เลี้ยงเรามา…เป็นบิดาในอดีตของเรา ประกอบอาชีพต่าง ๆ ทำงานที่ยากอื่น ๆ บ้างเพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา คิดว่า จักเลี้ยงลูกน้อยรวบรวมทรัพย์ด้วยการงานนั้น ๆ เลี้ยงเรามา…  การทำใจร้าย โกรธเคืองในบุคคลนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย

๗.   พิจารณาอานิสงส์เมตตา

ถ้ายังไม่อาจดับความโกรธได้ ลองพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ถ้าเราละความโกรธได้ มีจิตเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็จะได้รับอานิสงส์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีถึง ๑๑ อย่าง คือ

๑.     หลับเป็นสุข

๒.    ตื่นเป็นสุข

๓.    ไม่ฝันร้าย

๔.    เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย

๕.    เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย

๖.     เทวดาย่อมรักษาผู้นั้น

๗.    ไฟ พิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ทำร้ายผู้นั้น

๘.    จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว

๙.     สีหน้าผ่องใส

๑๐. ไม่หลงตาย คือมีสติก่อนตาย

๑๑. เมื่อไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก

๘.   ใช้วิธีแยกธาตุ

พึงสอนตนอย่างนี้ว่า ตัวเจ้าเมื่อโกรธบุคคลนั้นโกรธอะไร  โกรธผมหรือ หรือว่า โกรธขน  โกรธเล็บ ฯลฯ หรือมิฉะนั้น ก็โกรธธาตุดิน โกรธธาตุน้ำ โกรธธาตุไฟ หรือโกรธธาตุลม เมื่อเห็นว่ามีแต่ธาตุ แล้วเราจะโกรธไปทำไม

๙.     วิธีสุดท้าย-ทำการให้และการแบ่ง

ถ้ายังไม่หายโกรธอีก พึงให้ของ ๆ ตนแก่เขา รับของ ๆ เขามาเพื่อตนเอง แต่ถ้าเขามีอาชีพไม่บริสุทธิ์ ก็พึงให้แต่ของ ๆ ตนไปฝ่ายเดียว อย่ารับของ ๆ เขาเลย เมื่อเราทำไปอย่างนั้นความอาฆาตในบุคคลนั้น จะระงับไปได้ ส่วนความโกรธของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะติดตามมาตั้งแต่อดีตชาติ ก็จะระงับไปในทันทีเหมือนกัน ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ททมาโน ปิโย โหติ   แปลว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก (ของผู้รับ)

                           เขาว่าเรา   เราอย่าโกรธ              ลงโทษเขา

                        ในเมื่อเรา       นี้ไม่เป็น                     เช่นเขาว่า

                        หากเราเป็น   จริงจัง                                    ดังวาจา

                        เมื่อเขาว่า      อย่าโกรธเขา              เราเป็นจริง  ”

คัดจากหนังสือ             ตายแล้วไปไหน ?

เรียบเรียงโดย               พระมหาสุสวัสดิ์  จนฺทปญฺโญ ป.ธ.๙

พิมพ์โดย                     สุวิภา  กลิ่นสุวรรณ์

 

Cr: http://health.kapook.com/ และ http://www.kanlayanatam.com/

เหลือเชื่อ! การที่เรากินกล้วยหนึ่งลูกก่อนกินข้าว มันเป็นอะไรที่คุณคาดไม่ถึง

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุชัดเจนว่า…….
การรับประทานกล้วยแค่ 2 ลูกจะช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายได้เทียบเท่ากับการออกกำลังกายถึง 90 นาทีเลยทีเดียว กล้วยนอกเหนือจากช่วยเพิ่มพลังงานให้ អានត-อ่านต่อ

ข้อคิดดีดี : ทำดีไม่ขึ้น ก็ทำให้มากขึ้น

image

การทำดีไม่ขึ้น ยิ่งทำกลับเป็นโทษ
มีคนไม่น้อยที่บ่นว่า ทำงานหนัก
ทุ่มเททุกอย่าง ทำจนดึกดื่น แต่กลับไม่ก้าวหน้า เงินก็ขึ้นน้อย

ส่วนคนที่ไม่ค่อยทำ มีแต่ អានត-อ่านต่อ

យ៉ាងណា-อย่างไร ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

กินอย่างไรให้สุขภาพดีภาษาเขมร : យ៉ាងណា
อ่านว่า : ยางนา
แปลว่า : อย่างไร
អានថា : យ៉ាងរ៉ៃ
ภาษาอังกฤษ : How

ตัวอย่าง : ញ៉ាំយ៉ាងណាទើបមានសុខភាពល្អ
อ่านว่า : អានត-อ่านต่อ

คุณจะเป็นคน “สุดท้าย” หรือเปล่า

image

ในช่วงหนึ่งของ “ชีวิต” ..อาจมีผู้คน “มากมาย”
.. ผ่านเข้ามาในชีวิต ..หลายๆ คน
.. ผ่านเข้ามา .. เพียงเพื่อจะ “ผ่านไป”

..ในขณะที่บางคน
.. ผ่านเข้ามาแล้วกลับหลบ “ซ่อน”
อยู่ .. ใน “ส่วนลึก” .. ของความทรงจำ
..และจะมีเพียง “ไม่กี่คน” เท่านั้น
..ที่ทำให้เรา .. มีความ “รู้สึกดีดี”

เป็นความรู้สึกดีดี .. ที่เรียกว่า .. ความ”รัก”
..ไม่รู้ว่ามันเป็นความ “ตั้งใจ” ของท้องฟ้า
..หรือว่าเป็นเพียงเหตุ “บังเอิญ”
..ที่เราข้ามฟ้ามา “พบเจอ” กัน..

แต่นับจากวินาทีนั้น ..ชีวิตที่ “โดดเดี่ยว” ของฉัน
.. กลับ “เปลี่ยนแปลง” ไป
คุณเข้ามาแต่งเติม “สีสัน”
ให้กับโลกที่ “หม่นหมอง”
..และทำให้ทุกทุกวันของฉัน
.. มี “คุณค่า” ขึ้นมาได้ถึงแม้ว่า
.. คุณ .. จะไม่ใช่คนแรกที่ทำให้ฉัน
.. เกิดความรู้สึกดีดีและฉันก็ไม่แน่ใจว่า

.. คุณจะเป็นคน “สุดท้าย” หรือเปล่า
..แต่ที่ฉัน “มั่นใจ”
.. คือช่วงเวลาที่มีคุณ
.เป็นช่วงเวลาที่ “สวยงาม” และพิเศษที่สุด ..

► คนละ |✔| 1 Like
► คนละ |✔| 1 Share
► คนละ |✔| 1 Comment
Cr: คำคมผู้บริหาร

ภาพยนตร์แอนิเมชันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ฟ้าทอฝัน The Inspiring King”

ภาพยนตร์แอนิเมชันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ฟ้าทอฝัน The Inspiring King” ชุดที่ 1 โดย กรมทรัพย์สินทางปัญญา  กระทรวงพาณิชย์ 

เรื่องเล่าเกี่ยวกับเยาวชนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงานซึ่งได้น้อมนำแนวคิดและแรงบันดาลใจจากผลงานนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในการดำรงชีวิตและการทำงานจนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วยดี 

ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

ตอนที่ 3

ตอนที่ 4

ตอนที่ 5

ตอนที่ 6

ตอนละ 5 นาที
ดูให้จบ แล้วแชร์ต่อ แบ่งปันเพื่อนๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มีโอกาสรับทราบและชื่นชมพระอัจริยภาพด้านนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของในหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา
รักในหลวง ช่วยกันแชร์นะครับ

อ่านให้จบนะ หมอที่ดีคือตัวคุณ ดูแลชีวิตดีกว่าให้ใครมาช่วยชีวิต

image

คำไว้อาลัยงานพระราชทานเพลิงศพนายแพทย์ สุรพล รักปทุม

ท่านเป็นหมอ ทำงานรักษาคนไข้มาตลอดชีวิต เปิดคลีนิคของตัวเอง ร่วมธุรกิจกับพอล-ภัทรพล

เปิดบริษัทผลิตยา และลงทุนกับยุรนันท์ ภมรมนตรี(คงรู้จักดี)
เปิดคลีนิคสุขภาพ เป็นที่ปรึกษาให้เหล่าดารา ไปฉีดสเตมเซลล์เพื่อรักษาสุขภาพชลอความแก่ มีลูกค้าเป็นดารามากมาย และเงินทองก็มีมากเช่นกัน แต่กลับพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ และใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตพยายามรักษาตัวเองด้วยการไปผ่าตัดเปลี่ยนตับที่เมืองนอก กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ตรวจพบมะเร็งรุกลามมาที่ปอด ก็ยังพยายามหาวีธีต่อสู้กับมะเร็งร้ายเรื่อยมา สุดท้ายก็ไม่อาจเอาชนะมันได้

ท่านเสียชีวิตในที่สุด ท่านฝากให้พวกเราทั้งหลายระลึกไว้ว่า

อย่าคิดว่าหมอจะช่วยชีวิตคุณได้ หมอที่ดีคือตัวคุณ ดูแลชีวิตดีกว่าให้ใครมาช่วยชีวิต

อย่าเห็นการทักทายของใครเป็นสิ่งน่ารำคาญ คนที่ส่งข้อความให้คุณเสมอเพราะคุณยังอยู่ในใจเขา

คำถามที่น่าคิด คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม? เรามักแสวงหาสิ่งที่เราคิดว่า มีค่ามากที่สุดในชีวิต แต่สุดท้าย ทุกคนหนีไม่พ้นอนิจจัง หมั่นคิดดี พูดดี ทำดี คุณค่าของชีวิต สร้างได้โดยไม่ต้องใช้งานเลี้ยง

สุขภาพดีมาจากไหน ? 

พื้นฐาน 4 ประการ​ในชีวิตประจำวัน คือ

󾌵 -สภาวะจิตที่สงบสุข
󾌸 -มีโภชนาการที่สมดุล
󾌱 -ออกกำลังกายพอเหมาะ
󾌾 -นอนหลับให้เพียงพอ 

คนเราจะอยู่ได้​อย่างมีคุณภาพ​ต้องอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต

บรรดาโรคหัวใจ  โรคความดันโลหิตสูง  โรคเบาหวาน  เกิดจากการกินทั้งนั้น  ในเมื่อกินแล้ว​ทำให้เกิดโรคได้  ก็ต้องกินแล้ว​รักษาโรคได้เช่นกัน  

เรากินอาหารเพื่ออวัยวะ​ชิ้นไหนกันแน่ ?

เราอยู่ได้  เพราะอาศัยพลังงาน​จากอวัยวะทั้ง 5 

•  ตับดีชอบให้กินสีเขียว
•  หัวใจดีชอบให้กินสีแดง
•  ม้ามดีชอบให้กินสีเหลือง
•  ปอดดีชอบให้กินสีขาว
•  ไตดีชอบให้กินสีดำ

คำว่าดุลยภาพ หมายถึง​กินหลากหลายชนิด

• ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
• หัวใจมีปัญหา     สีหน้าจะออกแดง
• ม้ามมีปัญหา      สีหน้าจะออกเหลือง
• คนไข้หอบหืด    สีหน้าจะออกขาว
• คนไข้ไตเสื่อม    สีหน้าจะออกดำ

ว่าด้วยเรื่องอาหาร

• ถั่วเขียวบำรุงตับ

คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียว​จนเละซึ่งไม่ถูกต้อง
วิธีที่ต้มถั่วเขียว​ที่ได้ประโยชน์  ที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมาณ 5-6 นาที​ ก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด  รินเอาน้ำออก​จะได้น้ำถั่วเขียว  ที่มีสีเข้มข้นที่สุด  ดื่มแล้ว  มีสรรพคุณขับพิษสูงสุด  จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำ  ต้มต่อจนเละ  กินเป็นอาหาร

•  หัวใจชอบสีแดง    ให้กินถั่วแดง
•  ม้ามชอบสีเหลือง  ให้กินถั่วเหลือง
•  ปอดชอบสีขาว     ให้กินถั่วขาว
•  ไตชอบสีดำ         ให้กินถั่วดำ
 
ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว ? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า “คนเรากินถั่วทั้ง 5 จะสมบูรณ์พูนสุข ”

โภชนาการแผนจีน ก็เน้นว่า “กินไม่พ้นถั่ว”

ดังนั้น เราควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต​

ในตำรายาจีน  ได้พูดถึง รสชาติ ไว้ดังนี้

•  เปรี้ยวบำรุงตับ       (หากกินมาก ตับพัง)
•  ขมบำรุงหัวใจ     (หากกินมาก หัวใจพัง)
•  หวานบำรุงม้าม      (หากกินมาก ม้ามพัง)
•  เผ็ดบำรุงปอด      (หากกินมาก ปอดพัง)
•  เค็มบำรุงไต         (หากกินมาก ไตพัง)

หมายความว่า  ต้องกินให้ครบทุกรสชาติ

กินอาหารอย่างไร​จึงจะเหมาะ ?
ง่ายนิดเดียว ขอแนะนำว่า   แต่นี้ไป​ ให้กินผักดิบผลไม้สด แต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้  ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี 
เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า  กินของดิบลดอาการร้อนใน   แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบ​ให้วิตามินดีกว่า

ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้
“ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา  โรงพยาบาลที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว ยาที่ดีที่สุด คือ อาหาร ที่มีคุณค่า  การรักษาที่ดีที่สุด คือเวลา ”
 
ซินแสจีนแนะนำดังนี้
1. หลังจากฟัง​คำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และเป็นการทบทวนในตัว
2. เขียนข้อความ “ก่อนถึงอายุ​ 99 ห้ามเข้า (โลง) เด็ดขาด” ติดไว้หน้าเตียง เพื่อสั่งจิตใต้สำนึกของเรา​ให้ดูแลร่างกายของเรา

สรุปว่าต่อไปนี้​

–  กินอาหารให้เป็นยา  ไม่ใช่กินยา เป็นอาหาร
–  อารมณ์ดี หัวเราะ สามเวลา เพื่อห่างไกลจาก โรคและยา
– บริโภคถั่ว ตลอดชีวิต เพื่อบำรุง​อวัยวะทั้ง 5  คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต  ควรกินทั้ง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วขาว และ ถั่วดำ นั่นเอง !!!
– ให้กินผักดิบ ผลไม้สด​ที่สะอาดปลอดสารพิษ ถ้าเปลือกกินได้  ก็กินทั้งเปลือก
– กินอาหารให้ถูกต้อง  เปรียบเสมือน กินยาจากธรรมชาติ​ที่ดีที่สุดนั่นเอง !!!

   อ่านจบแล้ว
     ส่งต่อได้บุญนะครับ (ชัยยงค์)

10 อิริยาบถอันตราย สำหรับพวก สว.ทั้งหลาย (grandpa) (grandma)

image

1.เอียงคอหนีบโทรศัพท์ อาจทำให้หมดสติ ถ้ามีลิ่มเลือดไปอุดก็ถึงขั้นเป็นอัมพาตได้

2.นั่งยองนานๆ ทำให้ข้อเข่าพัง

3.เอี้ยวตัวไปหยิบของเบาะหลัง ทำให้กล้ามเนื้อและหลังที่ไม่ได้ตั้งตัวบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ทำให้บาดเจ็บที่ข้อไหล่ ปวดต้นคอ ปวดหลังร้าวรุนแรงจากหมอนรองกระดูกปลิ้นไปทับประสาท ขอให้หยุดรถแล้วหันไปทั้งตัวจะดีต่อสุขภาพมากกว่า

4.ยืนโดยไม่มีที่เกาะ

5.ก้มศีรษะออกกำลังกายทำให้ความดันเปลี่ยนปุบปับได้ โดยเฉพาะ”ความดันลูกตา”และความดันในสมอง

6. เดินนานใส่ส้นสูง กล้ามเท้าและน่องจะต้องทำงานหนัก กล้ามเนื้อหลังจะไม่ได้พักเลย

7.นั่งแช่น้ำร้อนในอ่าง อาจทำให้ความดันตกได้เพราะเส้นเลือดขยายตัวเพื่อคายความร้อน

8.นั่งคุกเข่านาน ข้อเข่าเสีย

9.ลุกจากที่นอนเร็ว ความดันโลหิตจะเปลี่ยนปุบปับเร็ว

10.ก้มและเงยเร็ว จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะถึงขั้นคลื่นไส้อาเจียนได้ ยิ่งถ้ามีอาการน้ำในหู บ้านหมุนบ่อยๆ ควรพยายามหลีกเลี่ยง

“มี๑สิ่ง” แต่ขาด “อีกสิ่ง” ก็ “ศูนย์”

“ศูนย์ = เสีย”

image

1. มีแผนการแต่ไม่ได้ทำ = ศูนย์
2. มีโอกาสแต่ไม่รักษา = ศูนย์
3. มีลงมือทำแต่ไม่สำเร็จ = ศูนย์
4. มีคุณค่าแต่ไม่แสดง = ศูนย์
5. มีก้าวหน้าแต่ไม่มีความอดทน = ศูนย์
6. มีหน้าที่แต่ไม่สื่อสาร = ศูนย์
7. มีศักยภาพแต่ไม่สำแดง = ศูนย์
8. มีสร้างสรรค์แต่ไม่ผลักดัน = ศูนย์
9. มีความรู้แต่ไม่รู้จักใช้ = ศูนย์
10. มีเป้าหมายแต่ไม่กล้า = ศูนย์
11. มีเวทีแต่ไม่ทำอย่างเต็มที่ = ศูนย์
12. มีอุทิศให้แต่ไร้ประโยชน์ = ศูนย์
13. มีหลักการแต่ไม่ยืนหยัด = ศูนย์
14. มีอุดมการณ์แต่ไม่ยาวนาน = ศูนย์
15. มีความกระตือรือร้นแต่ไร้จุดหมาย = ศูนย์
16. มีความเด็ดขาดแต่ไม่มีความแน่วแน่ = ศูนย์
17. มีไอเดียแต่ไม่การกระทำ = ศูนย์
18. มีน้ำใจแต่ไร้ความอ่อนน้อม = ศูนย์
19. มีแต่ออกคำสั่งแต่ไม่ร่วมทำ = ศูนย์
20. มีวิธีแต่ไม่กระทำ = ศูนย์
21. มีกระทำแต่ไม่มีประสิทธิภาพ = ศูนย์
22. มีตลาดแต่ไม่ปรับกลยุทธ์ = ศูนย์
23. มีงานทำแต่ขาดคุณภาพ = ศูนย์
24. มีมาตรฐานแต่ขาดการตรวจสอบ = ศูนย์
25. มีผลงานแต่ขาดกำลังใจ = ศูนย์
26. มีระบบแต่ไม่ใช้ = ศูนย์
27. มีแผนงานแต่ขาดการประเมิน = ศูนย์
28. มีทีมแต่ไม่ให้ความร่วมมือ = ศูนย์
29. มีสายตาแหลมคมแต่มองไม่เห็น = ศูนย์
30. มีปัญหาแต่ไม่แก้ไข = ศูนย์

ได้กันคนละกี่ศูนย์ครับ?

ចូលនិវត្តន៍-เกษียณ ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

image

ภาษาเขมร : ចូលនិវត្តន៍
อ่านว่า : โจว์ล นิ ว็วด
แปลว่า : เกษียณ
អានថា : កៈស៎ៀន
ภาษาอังกฤษ : retired

ตัวอย่าง : ជីវិតក្រោយពេលចូលនិវត្តន៍
อ่านว่า : จี เวิด กรอย เปวล์ โจว์ล นิว็วด
แปลว่า : ชีวิตหลังจากเกษียณ
អានថា : ឈីវីត់ ឡ៎ាំង ចាក កៈស៎ៀន

สาระน่ารู้
เกษียณแล้วได้อะไรบ้าง
อันนี้ละเอียดดีครับ

1)- ไม่เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ(รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป   ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ เกิน 6 เดือนนับเป็น 1 ปี)  หาร 50
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต และยังมีสิทธิได้รับ
1. ค่ารักษาพยาบาลของตนเอง   คู่สมรสและบิดามารดา บุตรที่ไร้ความสามารถ ยกเว้นบุตรปกติที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
2. ค่าเล่าเรียนบุตร เบิกได้ถึงอายุ 25 ปีบริบูรณ์
3. บำเหน็จดำรงชีพ = เงินบำนาญ x 15 เท่า
เมื่อเกษียณได้รับเลย 200,000.-฿
เมื่ออายุครบ 65 ปีขอรับได้อีก 400,000.-฿ รวม 2 ครั้งไม่เกิน 600,000.-฿ แต่ทั้งหมดนี้ไม่เกิน 15 เท่าของเงินบำนาญ
4. เงินช่วยพิเศษ (ถึงแก่กรรม) = เงินบำนาญ x 3 เท่า  
มอบให้กับผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย
5. เงินบำเหน็จตกทอด (ถึงแก่กรรม) = เงินบำนาญ x 30 เท่า – เงินบำเหน็จดำรงชีพที่เบิกไปแล้ว
มอบให้กับทายาทตามกฎหมายหรือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนา (กรณีที่ไม่มีทายาท)
และถ้าไม่มีผู้รับให้สิทธิบำเหน็จตกทอดเป็นอันยุติลง

2)- เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย (เศษเดือนเศษวันเป็นจุดทศนิยม x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป   ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ = เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ เป็นจุดทศนิยม) หารด้วย 50
แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต และยังมีสิทธิได้รับสิทธิต่าง ๆ เหมือนกับบำนาญปกติ

สมาชิก กบข.แบบ ก.,ข. ยังได้รับเงิน
1. เงินสะสม + ผลประโยชน์
2. เงินประเดิม + ผลประโยชน์
3. เงินชดเชย + ผลประโยชน์
4. เงินสมทบ + ผลประโยชน์
ส่วนผู้ที่ลาออกจาก กบข.จะได้เงินสะสมของตนเองคืน

3)- เงินต่าง ๆ ที่สมัครเป็นสมาชิก
ก): เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
ข): เงินผลประโยชน์จากหุ้นสหกรณ์
ค): เงินประกันชีวิตและเงินช่วยเหลือจากสหกรณ์
กรณีผู้รับบำนาญตายผู้ที่ได้รับคือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย

หมายเหตุ
ทายาทตามกฎหมายได้แก่
1. บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับคนละ 1 ส่วน
2. สามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับ 1 ส่วน
3. บิดามารดาหรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ ได้รับ 1 ส่วน

): ประกาศราชการทวีคูณ
– ช่วงที่ 1 วันที่ 19 ก.ย.49 – 26 ม.ค.50 = 4 เดือน 11 วัน
– ช่วงที่ 2 วันที่ 20 พ.ค.57 – 1 เม.ย.58 = 11 เดือน 7 วัน
รวม 2 ช่วง = 15 เดือน 18 วัน

เป็นสุขได้ ต้องมี ๓ ‘ช่าง’

๑. ‘ช่างกู’ คือ ไม่แคร์สื่อไม่สนขี้ปากชาวบ้าน ใครจะว่านินทาอะไรก็ช่าง เราทำของเราให้ดีเป็นใช้ได้

๒. ‘ช่างมึง’ คือ ไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ใครจะเอาเรื่องใครมาโพนทนาให้เราฟังก็อย่าไปเก็บมาใส่ใจให้รกสมอง

๓. ‘ช่างมัน’ คือ อะไรเกิดขึ้นมาแก้ได้ก็แก้ไป แต่ถ้าทำจนสุดวิสัยแล้วแก้ไม่ได้ก็ปล่อยมันไป อะไรอยากจะเกิดก็ปล่อยมัน รักษาใจของเราไว้อย่าให้เศร้าหมองก็พอ

ถ้ามี ๓ ช่างนี้ไว้ อยู่ไหนก็ไม่ทุกข์!

ตัวอย่าง :

เมีย:คนใช้ข้างบ้านคลอดลูกชาย
ผัว:  ช่างมัน
เมีย : แต่เขาบอกลูกคุณ
ผัว:  ช่างกู
เมีย: แล้วฉันจะทำอย่างไร
ผัว: ช่างมึง!

“””””””””””””””””””
อ่านตัวอย่างแล้วเข้าใจตรงกันนะ!

ค่าของเงิน (ยี่สิบบาท) อ่านแล้วน้ำตาจะร่วง

image

ค่าของเงิน (ยี่สิบบาท) อ่านแล้วน้ำตาจะร่วง/// และด้วยเหตุนี้ ทำไมชั้นถึงอยากรวย เพราะกลัวพ่อกะแม่ลำบาก

เงิน 20 บาท มีค่ามากสำหรับคนบางคน
ในขณะที่ใครหลายๆ คนกินอิ่ม นอนหลับอยู่ในบ้านที่แสนสบาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้

แต่ในอีกมุมหนึ่ง…กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาท

เรื่องที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้
เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอม
ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง
ซึ่งเขาก็เล่าว่า … ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ยพร้อมห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่า

ผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่า
ตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยา
ผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอ
ตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัว
ผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอ
ตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย) ตาไม่รู้จักเขาหรอก ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้าง
ผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัว
ตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะ
ผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะ
ตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้ว
ผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตา
ตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลย
ผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะ
ตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน เขาก็ไม่จ้างตา
ผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไง
ตา : ตาเดินมาเรื่อยๆ
ผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะ
ตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)
ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหน
ตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)
ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมา
ตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตา
ผม : แล้วตากินอะไรอยู่
ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆ
ไม่เอาตังค์ตาด้วย
ผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น) กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้ม
ตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว เวลาเดินมันร้อนส้นเท้า
ผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)
ตา : น้ำกินตาเอง

หลังจากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้ว
แต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือ
เนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมาก
เพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลา
และดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตา
และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ ” รอยยิ้ม ” ที่เห็นฟัน 1 ซี่
ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากัน

ทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดี
จากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้
พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น)
ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลา
ในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะ
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวช
หรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่า
ตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง
ไม่อยากจะขออาศัยวัดกิน
มีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง …

…และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า
ยังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเอง
ว่าวันนี้คุณ ” พอเพียง ” แค่ไหนกัน ?

ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่า เขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้
แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่า ต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น เผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก

คำขวัญประจำ 77 จังหวัด

•• แต่ละจังหวัดนั้นมีเอกลักษณ์สำคัญอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ก.★
♥1. กรุงเทพมหานคร

          กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย

♥2. กระบี่

          ถิ่นหอยเก่า เขาตระหง่าน ธารสวย รวยเกาะ เพาะปลูกปาล์ม งามหาดทราย ใต้ทะเลสวยสด มรกตอันดามัน

♥3. กาญจนบุรี

          แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่ น้ำตก

♥4. กาฬสินธุ
          เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี

♥5. กำแพงเพชร

          กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ เลื่องลือมรดกโลก

★จังหวัดที่ขึ้นต้น ข.★

♥6. ขอนแก่น

       พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองแรกมวยโอลิมปิก

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย จ.★

♥7. จันทบุรี

          น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ฉ.★

♥8. ฉะเชิงเทรา
         แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย อ่างฤาไนป่าสมบูรณ์

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ช.★

♥ 9. ชลบุรี

          ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย

♥10. ชัยนาท

          หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา

♥11. ชัยภูมิ

          ชัยภูมิ เมืองผู้กล้า พญาแล

♥12. ชุมพร

          ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก

♥13. เชียงราย

        เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง

♥14. เชียงใหม่

       ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ต.★

♥15. ตรัง
          เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา

♥16.ตราด
          เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีที่เกาะช้าง สุดทางบูรพา

♥17. ตาก

          ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย น.★

♥18. นครนายก
          เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ

♥19. นครปฐม

          ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า

♥ 20. นครพนม
         พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง

♥ 21. นครราชสีมา

          เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน

♥22. นครศรีธรรมราช

          เราชาวนคร อยู่เมืองพระมั่นอยู่ในสัจจะศีลธรรม กอรปกรรมดี มีมานะพากเพียร ไม่เบียดเบียนทำอันตรายผู้ใด

♥23. นครสวรรค์

          เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ

♥ 24. นนทบุรี
          พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามละบือ เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ

♥25. นราธิวาส
          ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน

♥26. น่าน

        แข่งเรือลือเลื่อง  เมืองงาช้างดำ  จิตรกรรมวัดภูมินทร์  แดนดินส้มสีทอง  เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย บ.★

♥27. บึงกาฬ
          ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการองค์พระใหญ่

♥28. บุรีรัมย์

       เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ป.★

♥29. ปทุมธานี

          ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ พระตำหนักรวมใจ สดใสเจ้าพระยา ก้าวหน้าอุตสาหกรรม

♥30. ประจวบคีรีขันธ์

     เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าวสัปปะรด สวยสดหาดเขาถ้ำ งามล้ำน้ำใจ

♥31. ปราจีนบุรี

     ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี

♥32. ปัตตานี
        เมืองงามสามวัฒนธรรม  ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ  ชนน้อมนำศรัทธา  ถิ่นธรรมชาติงามตา  ปัตตานีสันติสุขแดนใต้

★ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย พ.★

♥33. พระนครศรีอยุธา

          ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา

♥34. พังงา

          แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ทรัพยากร

♥35. พัทลุง

       เมืองหนังโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน

♥36. พิจิตร
          ถิ่นประสูติพระเจ้าสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวจ้าวอร่อยลือเรื่อง ตำนานเมืองชาละวัน

♥37. พิษณุโลก
          พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา

♥38. เพชรบุรี

     เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม

♥39. เพชรบูรณ์
          เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง

♥40. แพร่

     หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม

♥41. พะเยา
        กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม

★ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ภ.★

♥42. ภูเก็ต

     ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ม.★

♥43. มหาสารคาม
          พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร

♥44. มุกดาหาร
          หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบ แก่งกะเบา แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน กลองโบราณล้ำเลิศ ถิ่นกำเนิดลำผญา ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน

♥45. แม่ฮ่องสอน

     หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ย.★

♥46. ยะลา

    ยะลา ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

♥47. ยโสธร

     เมืองบั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ

★ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ร.★

♥48. ร้อยเอ็ด
          สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกตุ บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามหน้ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ

♥49. ระยอง

     ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก

♥50. ระนอง

     คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง

♥ 51. ราชบุรี

     คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี

★ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ล.★

♥52. ลพบุรี

     วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์

♥53. ลำปาง

     ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก

♥ 54. ลำพูน

     พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญชัย

♥ 55. เลย
          เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ศ.★

♥ 56. ศรีสะเกษ
          หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าว หอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี

★จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ส.★

♥ 57. สกลนคร
          พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวกูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม

♥58. สงขลา

     นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้

♥59. สตูล

     สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์

♥60. สมุทรปราการ

     ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม

♥61. สมุทรสงคราม

     เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม

♥ 62. สมุทรสาคร

     เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาตร์

♥ 63. สระแก้ว
        ชายแดนเบื้องบูรพา ป่างาม น้ำตกสวย มากด้วยรอยอารยธรรมโบราณ ย่านการค้าไทย – เขมร

♥ 64. สระบุรี
          พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำล้ำแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งเดียวกะหรี่ปั๊บนมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง

♥65. สิงห์บุรี

     ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนช่อนแม่ลา เทศกาลกินปลาประจำปี

♥ 66. สุโขทัย

     มรดกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง มั่นคงพระพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข

♥ 67. สุพรรณบุรี

     เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง

♥68. สุราษฎร์ธานี

     เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ

♥ 69. สุรินทร์
          สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม

♥ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย ห.♥

♥ 70. หนองคาย

   วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว

♥ 71. หนองบัวลำภู
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน

★ จังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย อ.★

♥72. อุบลราชธานี
          อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชถ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดินแดนอนุสาวรีย์คนดีศรีอุบล

♥73. อุดรธานี

   น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรม 5,000 ปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรชันไฌน์

♥ 74.อ่างทอง
         พระสมเด็จเกษไชไย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรไทยใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน

♥ 75. อุทัยธานี

อุทัยธานี เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ

♥ 76. อุตรดิตถ์

เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก

♥ 77. อำนาจเจริญ
          พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตพระเหลา เกาะแก่งเขาแสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เลื่อมใสใฝ่ธรรม
   ______________________
            เก็บใว้เรียนรู้กัน