อย่าเอาคำพูดไร้สมองมาคิด

កុំយកសំដីគេមកគិតច្រើនពេកព្រោះអ្នកខ្លះនិយាយដោយមិនប្រើខួរទេ។ กม โยก ซ็อม แด็ย เก โหมก กึด เจริน เปก โประ เนียะ คล้ะ นิเยียย ดอย เมิน เปริ แปลว่าอย่าเอาคำพูดของเขามาคิดมากเพราะบางคนเขาพูดโดยไม่ได้ใช้สมองเลย

เมื่อถึงที่สุดแล้ว
ทุกอย่างก็เป็นเรื่องธรรมดา

ทั้งปัญหาที่เคยมี
ความทุกข์ที่เคยเกิด
ความสุขที่เคยผ่าน
ความเศร้าที่เคยจม
ความท้อแท้ที่เคยบั่นทอน
ความเสียใจที่มองไม่เห็นทางออก
โรคภัย ไข้เจ็บที่เบียดเบียน

นี่แหละ! สัจธรรมแห่งชีวิต
มีเกิด ดับ หมุนวนเวียนสับเปลี่ยนกันไป

เมื่ออยู่กับความธรรมดาอย่างเข้าใจ
ก็จะเห็นความจริงว่า
จะทุกข์หนักแค่ไหน มันก็จะผ่านไป
จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปในวันหนึ่ง

เครดิตเพจ ยิ้มสู้

อ่านแล้วจะเข้าใจว่าทำไมไทยมันถึงไม่เจริญ

ไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ๆดีที่สุดในทุกๆ ด้าน คือ

1.ที่ตั้ง:
จะว่าอยู่ใจกลางโลกก็ว่าได้
เพราะรอบข้างมีแต่ประเทศ
ที่มีประชากรมาก เช่น
อินเดีย 1,200 ล้านคน
จีน 1,400 ล้านคน
ญี่ปุ่น 100 ล้าน
อินโดนีเซีย 400 ล้านคน
ฟิลปปินส์ เวียดนาม เกาหลี
ล้วนแต่ 100 ล้านคน >>
ซึ่งหมายถึงตลาดการค้า
ตลาดอาหารและยาสมุนไพร
ที่ใหญ่มหาศาลยิ่ง

2.มีสภาพพื้นที่เป็นแหลม
ยื่นลงไปในทะเลระหว่าง
สองมหาสมุทร
คือมหาสมุทรอินเดีย
และมหาสมุทรแปซิฟิก
เป็นทั้งแหล่งอาหาร
ออกเรือหาปลาได้
ถึงสองมหาสมุทร
ทั้งจะติดต่อค้าขาย
กับทุกประเทศ
ก็สะดวกยิ่งนัก

3.บนผืนแผ่นดิน
ก็อุดมสมบูรณ์ด้วย
พืชพันธ์ุธัญญาหาร
มีทรัพยากรธรรมชาติ
ที่หลากหลาย มีป่าไม้
แหล่งน้ำ กุ้งหอย
ปู ปลา ทั้งในน้ำจืด
และในทะเล
ทุกพื้นที่ในป่า ในบ้าน
ในสวน เต็มไปด้วย
พืชอาหาร และพืชสมุนไพร
มากมายเหลือเกิน
เป็นทั้งครัว และคลังยาสมุนไพร
ของโลกไปพร้อมกันได้เลยทีเดียว

4.ใต้ผืนดินก็มี
แร่ธาตุนานาชนิด
มีแหล่งน้ำมันดิบ
และแก๊สธรรมชาติ
มากมายมหาศาลยิ่งนัก
มากกว่าประเทศกลุ่มโอเป็ก
หลายประเทศเสียด้วยซ้ำไป

5.เรามีภูมิปัญญา
ในการใช้สมุนไพร
ที่สืบทอดจากบรรพชน
มากมายเหลือเกิน
ที่สามารถนำมา
วิจัยพัฒนาต่อยอด
ให้มีประสิทธิภาพ
เป็นยาสมุนไพร
ที่มีมาตรฐาน
ในการรักษาโรค
ได้ไม่แพ้ยาเคมีจากต่างประเทศ สามารถส่งเป็นสินค้า
ออกไปขายทั่วโลกได้
สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
เสริมความมั่นคงของชาติได้อย่างดี

6.เรามีธรรมชาติที่สวยงาม
มีหาดทรายยาวสองฝั่งทะเล
มีน้ำตก มีถ้ำ เพิงผา ป่าไม้
ภูเขา อ่าว แหลม
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่ดีมากมาย

7.ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่แดดจัด
สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า
จากแสงอาทิตย์ใช้
อย่างไม่ต้องกลัวหมด
มีลมบก ลมทะเล
ที่สามารถแปลงเป็น
พลังงานไฟฟ้าได้ไม่รู้สิ้น

8.ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่เสี่ยง
ต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรง
ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว
ไม่มีภูเขาไฟที่คุกรุ่น
ไม่มีลมพายุที่รุนแรง
เช่น ทอร์นาโด หรือใต้ฝุ่น

9.เท่านั้นยังไม่พอ
เรายังมีพุทธศาสนา
ซึ่งเป็นศาสนาที่มี
คำสอนที่สมบูรณ์
ที่เป็นวิทยาศาสตร์
มากที่สุดอีกด้วย

10.เรามีคนไทยที่จิตใจดี
ยิ้มแย้ม มีน้ำใจ มีความฉลาด
เรียนรู้เร็ว สามารถพัฒนาได้ง่าย

👉ด้วยจุดแข็งทั้ง 10 ข้อ
ดังที่กล่าวมา
ดินแดนไทยถือเป็น
ดินแดนสวรรค์บนดินก็ว่าได้
ใครก็ตามที่ได้เกิดในประเทศนี้
ถือได้ว่าโชคดี
ไม่ต่างจากได้เกิดบนสววรค์

👉คนไทยส่วนใหญ่
ควรจะมีความสุขที่สุดในโลก
มีสุขภาพดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
มีฐานะมั่งคั่ง ร่ำรวย กันถ้วนหน้า

⚠️แต่ในความเป็นจริง
กลับตรงกันข้าม

❌จุดอ่อน ของประเทศไทย

❎มีคนไทยเพียงไม่กี่ตระกูล
ที่เป็น

🎠1.ขุนทหาร

🚔2.ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

🎭3.นักการเมืองใหญ่

💰4.นายทุนระดับชาติเท่านั้น
ที่ร่ำรวย ที่เสพสุขอยู่บน
กองทุกข์ของประชาชน
อย่างล้นเหลือ ราวกับ
เทพยดาเดินดินก็ไม่ปาน

😢แต่คนส่วนใหญ่
กลับตกอยู่ในขุมนรก
ของความยากจน
ที่นับวันพวกเขายิ่งจน
ยิ่งเป็นหนี้พอกพูนรุนแรง

🌳ทรัพยากรธรรมชาติ
ถูกทำลาย ป่าไม้กลายเป็น
ป่าเสื่อมโทรม
พื้นที่ทำเกษตร
ในแม่น้ำลำธาร
เต็มไปด้วยสารพิษ
ทางการเกษตรตกค้าง
สัตว์น้ำลดลง
แทบไม่เหลือ
เนื่องจากสารพิษ
ปนเปื้อนในน้ำ
ทำให้การขยายพันธ์ุ
สัตว์น้ำลดลงมาก
ส่งผลให้แหล่งอาหาร
ตามธรรมชาติ
ของคนไทยลดลง
อย่างน่าใจหาย
คนต้องซื้ออาหาร
จากตลาดในราคาแพง
แทบทั้งหมด

🏥มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย
เป็นโรคมะเร็งมาก
เป็นอันดับ 1 ของโลก
เนื่องจากรับสารเคมี
ที่ปนเปื้อนในพืชผัก
ในอาหารและน้ำ
เข้าสู่ร่างกายทุกวัน
เป็นเวลานาน
นอกจากนี้ยังมีโรคไต
โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
โรคความดันโลหิต
โรคอ้วน ฯลฯ
เนื่องจากขาดสภาพแวดล้อม
และการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
จนคนป่วยล้นทุกโรงพยาบาล
ทำให้คนไทยจำนวนมาก
ทุกขเวทนาจากการเจ็บไข้ได้ป่วย

⚰ทั้งไม่ปลอดภัย
ในชีวิตและทรัพย์สิน
คนชั่วไม่เกรงกลัวกฏหมาย
มียาเสพติด มีอาชญากรรม
เต็มบ้านเต็มเมือง
คนธรรมดาอยู่ที่ไหน
ก็ไม่ปลอดภัย

💲การทุจริตคอรัปชั่น
ยิ่งเพิ่มทวีทุกระดับ
ยักษ์ใหญ่โกงใหญ่
ยักษ์เล็กโกงเล็กๆ
โกงตามที่มีแรงจะโกง
บ้านเมืองเข้าสู่ยุค
“มือใครยาว สาวได้ สาวเอา”
อย่างแท้จริง

คือ ชนชั้นนำของไทย
ตั้งแต่ปี 2500
ได้ใช้หลัก “รัฐศาสตร์มาร”
ในการปกครองบ้านเมือง
คือ การปกครองประเทศ
แบบ ฉ้อฉล หลอกลวง
“คดในข้อ งอในกระดูก”
“มุ่งทำให้ประชาชนอ่อนแอ”
ทำให้ประชาชน
ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์
“โง่-เลว-จน-เจ็บ”
เพื่อให้ปกครอง
อย่างเอารัด เอาเปรียบ
คดโกง ได้สะดวกง่ายดาย

**ข้อคิดที่น่าวิเคราะห์
ของสังคมไทย **

ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ในทุกๆ ด้าน ,
ปัญหาความยากจน, หนี้สิน,
แม้แต่ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ
แม้จะดูว่าเกิดตามธรรมชาติ
แต่แท้จริงปัญหาพวกนี้
ล้วนแล้วแต่เติบโต
และขยายใหญ่ ลุกลาม
ทวีความรุนแรงขึ้น
เนื่องจากโครงสร้าง
การปกครองที่ชั่วร้าย
ที่รวบอำนาจไว้ที่คนไม่กี่คน
ไม่มีระบบถ่วงดุลอำนาจที่ดีพอ
ทำให้ผู้ปกครอง
ทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้
ผู้ปกครองกลายเป็น
ตัวขัดขวาง
การแก้ไขปัญหา
ทุกปัญหา
เร่งให้มีปัญหา
และปัญหาขยาย
ใหญ่ขึ้นมากขึ้น ทั้งสิ้น

↗️วิธีการทำให้ประชาชน “โง่”
โดย จัดการที่หลักสูตรการศึกษา
ทำให้เด็กไม่รักการอ่าน
ไม่ชอบการคิดหาเหตุผล
ไม่สอนปรัชญาประชาธิปไตย
ไม่สอนประวัติศาตร์
วีรชนที่เป็นสามัญชน
ไม่สอนให้รู้จักการเอาตัวรอด
ในระบบทุนนิยม
ไม่สอนให้รู้จักการรวมตัวกัน
ต่อสู้ปัญหาเศรษฐกิจ
ในรูปกลุ่ม หรือสหกรณ์ ฯลฯ

↙️วิธีการทำให้ประชาชน “เลว”
เรื่องนี้เน้นที่ปัญญาชน
คนชั้นกลาง
โดยจัดการที่การศึกษา

⬅️จะไม่ฝึกการมีวินัย

⬅️ไม่ปลูกฝังความรู้
ทางศาสนาอย่างจริงจัง
เพื่อให้คนไม่คิด
พัฒนาจิตใจตนเอง
เพื่อความเป็นมนุษย์

⬅️ไม่ปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติ
ให้ปัญญาชน-กีดกันการแสดงออก
ทางการเมืองของนักศึกษาปัญญาชน
เพื่อทำให้ปัญญาชน
เห็นแก่ตัวให้มากที่สุด

⬅️เพื่อให้ปัญญาชนคนรุ่นใหม่
คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน
ตัวใครตัวมัน
ไม่เห็นใจคนยากคนจน
ไร้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์
ที่จะต้องเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่
ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ด้อยกว่า

🚸ทำได้ดังนี้ ทางก็สะดวก
ไม่มีใครขัดขวางการทุจริต
การทำลายชาติของชนชั้นบน

⛔แย่ถึงขนาดว่า
ถ้าใครพูดถึงการเมือง
พูดถึงปัญหาชาติบ้านเมือง
ชนชั้นกลาง
ส่วนหนึ่งก็พากันต่อต้าน
ไม่ให้พูด ซึ่งเท่ากับ
“ปกป้องการคอรัปชั่น
ปกป้องคนทำลายชาติ
กันเลยทีเดียว
แล้วจะไม่ให้ประเทศนี้
แย่ที่สุดในโลก ได้อย่างไร ?

🚷วิธีการทำให้ประชาชน “จน”
แค่ออกกฎหมายกีดกัน
สร้างความเหลื่อมล้ำ
ในการประกอบอาชีพ
เช่น กฎหมายการเงินการธนาคาร
การผลิตสุรา และอื่นๆ
ที่ไม่เท่าเทียม
ออกนโยบายส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม

🚫เลิกการสนับสนุนด้านเกษตร
งดเงินสนับสนุนวิทยาลัยเกษตร
ในต่างจังหวัด
กลับไปสนับสนุน
วิทยาลัยการกีฬาแทน
ซึ่งไม่ได้พัฒนาอาชีพอะไร
ไม่สนับสนุนการวิจัย
ข้าว ยาง อ้อย พืชสวน ฯลฯ

⬇️ปล่อยให้มีการบุกรุก
ทำลายป่าไม้ แหล่งน้ำ
ซึ่งเป็นแหล่งอาหาร และสมุนไพร

↘️สนับสนุนปุ๋ย เคมีฆ่าหญ้า
ยาฆ่าแมลง
เพื่อทำลายสัตว์น้ำในธรรมชาติ
ทำลายดิน ทำให้น้ำปนเปื้อนสารพิษ

✔แค่นี้ เกษตรกรก็ล้าหลัง
แข่งขันไม่ได้
ตกเป็นเบี้ยล่างนายทุน
ยา ปุ๋ย พันธ์ุพืช-สัตว์
เครื่องจักรกลการเกษตร ฯลฯ

✔แค่นี้เกษตรกร ก็ต้องทิ้ง
ลูก เมีย ไร่ นา ไปหางานทำ
เป็นกรรมกรในกรุงเทพฯ

✔การอ้างส่งเสริมอุตสาหกรรม
และการท่องเที่ยว
จงใจละเลยการเกษตร
ซึ่งเป็นอาชีพของคนส่วนใหญ่ นั้น
ชั่วร้ายเกินที่จะกล่าว

❌อย่าลืมว่าคนสามัญชน
66 ล้านคนของไทย
ไม่มีใครมีศักยภาพพอ
ที่จะครอบครองเทคโนโลยีสูง
หรือเป็นเจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว
เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม
ที่ใช้เทคโนโลยีสูงได้
อย่างดีก็เป็นได้แต่ลูกจ้าง
เป็นทาสนายทุน
ประชาชนจะมีรายได้สูง
ตามที่โม้ว่า
เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จะเป็นไทยแลนด์ 4.0
ได้อย่างไร?

✖วิธีการทำให้ประชาชน “เจ็บ”
แค่เว้นภาษีนำเข้า
ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า
เพียงอ้างว่า
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ให้ซื้อของเหล่านี้ได้ถูก
ทั้งที่จริงถ้านำธรรมชาติ
มาคิดเป็นต้นทุนแล้ว
มันจะแพงแสนแพงก็ตาม

นอกจากจะทำให้
นายทุนยาพิษรวย
จนสะดือปลิ้นแล้ว
ยาเหล่านี้ยังไป
ปนเปื้อนในดิน น้ำ อากาศ
นอกจากทำให้ปลา สัตว์น้ำ
ในธรรมชาติแทบสูญพันธุ์แล้ว
ยังทำให้คนไทยทุกคน
ได้รับยาเหล่านี้ผ่านอาหาร
สัมผัสโดยตรง
ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย
ด้วยโรคมะเร็ง
โรคต่างๆ สารพัด
ทำให้ธุรกิจค้าความตายเหล่านี้
เติบโตสูบเงินคนไทย
ไปไม่ต่ำกว่าปีละ
เก้าแสนล้านบาททีเดียว

🎭หลายคนอาจไม่ทราบว่า
สารพิษ เคมีเกษตรนั้น
ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม

↗️ แต่ จุลลินทรีย์ชีวภาพ
กำจัดแมลงที่ปลอดภัย
และคนไทยทำได้เอง
กลับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
(นี่คือความคดในข้อฯ
ของกฎหมายที่ออก
โดยคนชั้นสูง ครับ)

🚫เพื่อกีดกันด้านการค้า
และเพื่อชะลอเทคโลโลยีอินทรีย์
ที่ปลอดภัยและผลิตได้เอง
อย่างชะงัดนัก

🔜บทสรุป สั้นๆ <<🔚

ปัจจุบัน ประเทศนี้แย่ที่สุดเพราะ

1.ชนชั้นนำไทย
ที่พยายามทำลายไทย
เพื่อประโยชน์ของตน
และโคตรตระกูลตนฝ่ายเดียว

2.ชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง
ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
เห็นแก่ความสุขสงบของตน
มองการต่อต้านความอยุติธรรม
ของการปกครอง
เป็นความวุ่นวาย
และพากันต่อต้าน
การต่อสู้ของประชาชน

Cr: ภาพ

พนมโบกโก (เขาโหนกวัว)

เดินทางสักสองร้อยโล ออกจากกรุงพนมเปญ มุ่งไปทางใต้ใกล้อ่าวไทย ถึงจังหวัดกำโปตแล้วขึ้นไปยังเขาพนมโบกโก (Phnom Bokor) ไปที่ทุ่งกรอ-ลอม แล้วเด็ดฝักกรอลอมกระดกน้ำในกระบอกฝักเข้าปาก เขาว่าเป็นน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคแถมโป้วกำลัง

Cr: Admin Aj. Viroj

บ่อน้ำแห่งความตาย

มีแพะแก่ตัวหนึ่ง
วันหนึ่งโชคร้าย
พลัดตกลงไปในบ่อน้ำร้างท้ายหมู่บ้าน
ชาวบ้านไปพบเข้า
ก็ไม่รู้จะช่วยเหลือมันยังไง

เพราะบ่อทั้งแคบและลึกมาก
ทุกคนต่างลงความเห็นว่า
จะกลบบ่อน้ำนี้ทิ้งเสีย
เพราะยังไงก็ไม่มีน้ำอีกต่อไปแล้ว

ชาวบ้านจึงระดมกำลังกันเพื่อกลบบ่อ
ทันทีที่ดินถูกเทลงไปในบ่อ
แล้วกระทบโดนหลังของเจ้าแพะ
มันรู้ได้ถึงชะตากรรมของมันทันที
มันจึงเริ่มส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว

แต่พอมันได้สติ มันก็ค่อย ๆ สลัดดิน
ที่ตกลงมาบนหลังของมันทิ้ง
มันทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนสุดท้าย ดินที่ทับถมลงมา
ก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมันจนหมดสิ้น
ทำให้บ่อน้ำตื้นขึ้น
ในที่สุดมันก็ก้าวขึ้นจากขอบบ่อ
ได้อย่างง่ายดาย

ดินที่ถูกเทลงมา
เปรียบเหมือนความยากลำบากในชีวิต
เราจะใช้มันเพื่อทับถมตัวเองก็ได้
หรือจะใช้มันเพื่อเป็นแท่นบันได
ทะยานสู่ความสำเร็จก็ได้เช่นกัน

4 นิสัยแย่ ที่ต้องแก้ได้แล้ว (ความคิดเห็นส่วนตัว)

1. นิสัยนอนดึก จากทั้งงานวิจัยและจากประสบการณ์ส่วนตัว การนอนดึก ทำให้สุขภาพมีปัญหาเยอะมาก เคยมีนักฟุตบอลชื่อดังหลายคน ฟุบคาสนามมาแล้ว ต่อให้ดูแลเรื่องการกิน และการออกกำลังกาย มาอย่างดีก็ตาม

2. นิสัยชอบอยู่นิ่ง ๆ การขยับตัว นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว มันยังทำให้จิตใจสดชื่นอีกด้วย

3. นิสัยชอบทำหลายอย่างพร้อมกัน ในยุคนี้เราติดนิสัยชอบทำหลายอย่างพร้อมกัน เราเล่น Facebook ดู YouTube ฟังเพลง เปิดทีวีไปด้วย การทำหลายอย่างทำให้พลังงานกระจัดกระจาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยโดยไม่จำเป็น

4. นิสัยติดหน้าจอ ลองออกห่างจากอินเตอร์เน็ตดูบ้าง จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ ทำให้รู้สึกเป็นอิสระ จิตใจสงบมากขึ้น

1 ความเชื่อ ที่กดเราไว้

ในตอนที่ช้างมันยังเล็ก ๆ อยู่
ควาญช้าง จะล่ามช้างด้วยการผูกข้อเท้ามันกับ แท่งเหล็กเล็ก ๆ
ที่ตอกลงไปในดิน អានត-อ่านต่อ

มีหนังสือมาแจกครับ

តោះទាញយកសៀវភៅល្អៗសម្រាប់អានដើម្បីបង្កើនចំណេះ៖
1. Guide to Investing:

https://drive.google.com/file/d/15lkafNrekMVHZRBs7y-Sw0urWU6_Scoh/view?usp=sharing អានត-อ่านต่อ

พระพุทธเจ้าสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วน

พระพุทธเจ้าสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วนคือ
1. ใช้หนี้เก่า
2. ให้เขากู้
3. ฝังไว้ใช้
4. ทิ้งใส่เหว
– ใช้หนี้เก่า คือ ให้พ่อแม่ ท่านให้กำเนิดและเลี้ยงเรามา เราเป็นหนี้บุญคุณท่าน ต้องตอบแทน

– ให้เขากู้ คือ ให้ลูกหลาน ลูกหลานได้รับอุปการะ ต่อมาภายหลัง ก็จะกลับมาใช้หนี้เราคือเลี้ยงดูเราในยามชรา

– ฝังไว้ใช้ คือ ทำบุญ เพื่อฝังไว้เป็นอริยะทรัพย์ สำหรับใช้ในการเดินทางไปใน สังสารวัฏ

– ทิ้งใส่เหว คือ เที่ยวกินใช้ไป พระองค์ทรงเปรียบท้องคนเราเป็นเหวลึก กินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม

คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า “สามีภรรยา ” มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้ ” บุตรธิดา ” คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้ หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”

ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย
ส่วน ” บุตรธิดา ” ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น ” บุตรธิดา ” ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น

1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู” เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ

2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี” เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้ แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน

3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป

4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพเหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี ด้วย

หลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถ?ตา ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อนเมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้ เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า

แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลานผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้นให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า “เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนร้าย กลายเป็นดี”
สาธุ?

อ่านจบแล้วแชร์ไปได้บุญ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

วันนี้อ่านเฟสไปเจอบทความเขียนแบบเล่นๆแต่มีสาระ เลยเอามาฝากอ่านครับ เขาเขียนว่า

คำเตือน ยาว ขี้เกียจอ่านก็เรื่องของเธอค่ะ

มีใครรู้บ้าง นี่ยาอัลไลลล ลูกเพจที่น่ารักของเค้าคงไม่มีใครเคยใช้ใช่มั้ยคะ อิอิ เก็บซิงไว้ชิงโชคไปเที่ยวรอบโลกกับแอ้คนสวย งุงิ โอ้ยยยย

คืองี้ ตอนนี้มันมียาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ชนิด 1 เม็ดออกมาใหม่แหละ กลัวลูกเพจจะเชย เลยแวะมาเหลา แต่ถ้าอยากลองใช้เนี่ย ต้องมีผู้ก่อนนะคะ ถึงจะได้ใช้ ยากอยู่นะ 5555555555555 55555555555
.
ถามว่า มันคืออะไร มันก็คือ การเอาแบบสองเม็ด มารวมเป็นเม็ดเดียว แค่นั้นแหละ ก็คือต่อให้ซื้อแบบ 2 เม็ดมา แล้วกินพร้อมกันทีเดียวเลย ก็ได้ หรือกินเม็ดแรกหลังได้กับผู้ ไม่เกิน 72 ชม หรือ 3 วัน แล้วกินเม็ดที่สอง ห่างจากเม็ดแรก 12 ชม. ก็ได้ เค้าเพิ่มความสะดวกให้ค่ะ โอเคนะ ไม่โอเคก็เรื่องของ..ค่ะ
.
แล้วประสิทธิภาพในการป้องกันการท้อง ของยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด กับ 1 เม็ด ต่างกันมั้ย

ไม่ค่ะ ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน เพียงแค่อาจจะมีอาการข้างเคียงมากกว่าบ้าง คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เลือดออกกระปิดกระปอย

แต่!!!!!! ไม่ว่าจะตัวไหนก็ป้องกันการท้องไม่ได้ 100% นะคะนะคะ รู้ไว้นะคะ
.
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ป้องกันการท้องได้แค่ 52-85% เท่านั้น!!!!!!!!!!! โดยประมาณ ขึ้นกับเวลาที่กินหลังร่วมเพศมาจ้าาา คิดง่ายๆ กินยาคุม ฉฉ 10 คน ก็จะมีท้อง 2-5 คนเลยนะเว้ยยยยย กล้าเสี่ยงหราาาาาาาา ถามใจเธอดูววววว
.
กินภายใน 24-48 ชม. หรือ 1-2 วัน หลังได้กับผู้ จะครั้งละกี่คนก็เถอะนะ ป้องกันการท้องได้แค่ประมาณ 85% คือเดินมาซื้อพร้อมกัน 10 คน มีพลาดท้องไปละ 1-2 คนแหละ งิงิ
.
แล้วถ้ากินหลัง 2 วันหรือ 48 ชม. ไปอีกหล่ะ เหลือความปลอดภัยอยู่แค่ 58% เด้อจ้าาา คุณพระก็ไม่ช่วยละค่ะงานนนี้ หึหึ เดินมาซื้อพร้อมกัน 10 คน เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงินไว้เลยค่ะเกือบ 5 คน
.
ไหนจะค่าฝากท้อง ค่าบำรุง ค่าชุดคลุมท้อง ค่าห้องคลอด ค่าเสื้อผ้าเด็กอ่อน ค่านม ตอนท้องผัวก็ไปมีเมียน้อยอีก ว๊ายยยย ตายแล้ววววว งิงิ ไหนจะต้องไปบอกพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนอีก แม่ขา หนูท้อง เพื่อนคะ กูท้องงงงงงง โถ ดรอปเรียนอีก โอยยยย เพลีย
.
แล้วถ้าถามว่า แล้วต้องทำยังไงฮ่ะ จะคุมได้เกือบ 100%

ก็แดกยาคุมแบบรายเดือนแบบปกติไงคะ ดวก แต่ต้องกินให้ถูกด้วยนะ กินๆลืมๆ ก็ลุ้นเอาครึ่งๆกลางๆแบบสมองมึงละกัน ถ้าจะอยากเย็ดแต่ไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้น ถถถถ นกแล้วพาลค่ะ

.
ยาคุมรายเดือน ป้องกันการท้องได้ดีก็จริง แต่ ป้องกันโรคไม่ได้นะจ้ะ ถุงยางเท่านั้น ป้องกันโรคได้ เอดส์อ่ะ อยากเป็นเหรอออออออ ผู้ป่วยติดเชื่อ Hiv เป็นล้านๆ คิดว่าหลบพ้นมั้ยยย แล้วไอ้คนไม่เคยตรวจ ไม่เคยรู้อีกหล่ะ ว่าติดเชื่ออยู่อ่ะ มันจะกี่คนนนนนนนนนนนนนน ห้ะ
.
สรุป ๆ ๆ ขี้เกียจอ่านยาวๆมึงมามุงกันตรงนี้

.
– ยาคุม ฉฉ กินพร้อมกันสองเม็ด

หรือกินเม็ดแรก หลังรวมเพศไม่เกิน 72ชม แล้วตามด้วยเม็ดสองหลังเม็ดแรกไป 12 ชม

หรือ กินแบบเม็ดเดียวครั้งเดียวเหมือนเบนด้า

ก็ป้องกันการท้องได้ผลไม่ต่างกัน แต่ผลคือแค่ 52-85% เท่านั้น
.
– ยาคุมกำเนิดรายเดือน กินถูก คุมได้เกือบร้อยเปอ แต่คุมโรคทางเพศสัมพันธุ์ไม่ได้อยู่ดี

ไม่ต้องไกลถึงเอดส์ก็ได้ ตกขาวเป็นคราบ เหม็นๆ เหมือนนมบูด บางทีก็เขียวๆ เหลืองๆ จะเบิร์นที นะ…

คันขาหนีบ สังคัง คันจิ๋ม คันหำ ยิ่งเกายิ่งมัน เลือดออกซิบๆ เยี่ยวทีแสบบบบบถึงทรวง

ทั้งคัน ทั้งเหม็น ถอดทีกุนึกว่าห้องข้างๆทอดปลาเค็ม

.
– ถุงยางอนามัยเถอะนะ คุมได้ทั้งลูก ทั้งโรค

อย่าอ้างไม่ฟิน อย่าอ้างไม่มัน อย่าให้ใครเอาเรื่องความไว้ใจมาวัดใจกับเอดส์
.
มันบอกมึงว่า เตงไม่ไว้ใจเค้าเหรอ มึงถึงกับใจอ่อน แต่พอถึงวันมึงตรวจเจอเชื้อขึ้นมา มันจะยังถามมึงมั้ย เตงรักเค้ามั้ย เค้ารักเตงนะ เราจะเย็ดกันถึงวันติดเชื้อ หราาาา ไม่มีทาง มีใหม่ในเร็ววันจ้าาา

อย่าโง่ เย็ดคือเย็ด เย็ดที่ไหน ไม่ได้เย็ดกันที่ใจจ่ะ
.
ตั้งสติก่อนเย็ด

เย็ดไม่ผิด แต่เย็ดแบบไม่มีสมอง ผิด!!!!!!!!

วัยรุ่นยุคใหม่ เย็ดได้ เอาสมองไปเย็ดด้วย นะคะ

เอดส์ไม่แดก ท้องไม่โต สบายใจ เบื่อก็เปลี่ยนคู่เย็ดใหม่
สบายยยจะตายยยย

ผิดพลาดตรงไหนแจ้งด้วย ////แอแอ่แอ้แอ๊แอ๋

ต้องอ่านนะครับ ของดี ถ้ายังรักตัวเอง

โดย อาจารย์ ไกร มาศพิมล (นักโภชนาการบำบัด)

ความดัน บน ล่าง
อายุ <30 110 70
อายุ 50 130 85
อายุ 60 140 90

จิบน้ำร้อน บ่อยๆ ช่วยปรับสมดุลย์ ความดันเลือด, ลดเส้นเลือดสมองตีบ, เบาหวาน, ต้อที่ตา, ไต

จิบน้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ หรือ 250 CC ก่อนอาหาร ลดความอ้วน

การดื่มน้ำเย็นครั้งละมาก ๆ จะมีผลให้น้ำซึมเข้าสู่สมอง ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดภาวะสมองบวมน้ำ

เบาหวาน กิน น้ำตาลธรรมชาติได้ น้ำตาลฟรุตโตส, น้ำตาลปี๊ป (น้ำตาลปึก), โอวทึ้ง, น้ำผึ้ง
หยุด น้ำตาลกรวด, น้ำตาลทรายแดง, น้ำตาลทราย, ซูโครส

น้ำตาลทราย/น้ำตาลกรวด
จะสะสมที่ตับเป็นไขมัน ก่อให้เกิดไตรกลีเซอร์ไรด์
สำหรับน้ำตาลที่ฟอกขาวจะใช้สารคลอลีน ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง

ทุเรียน
มี Anti – Oxidant, กำมะถัน (งด ข้าว) ช่วยลดมะเร็ง, ลดคลอเรสเตอรอล, ลดอ้วน, ลดไขมัน, ต้านแก่

น้ำแตงโม = ไวอาก้า ธรรมชาติ บำรุงเลือด, ละลายลิ่มเลือด ช่วยมือเท้าชา

แกนสับปะรด
มีสารบอบิเรน ลดมะเร็งปากมดลูก โดยให้ดูดแต่น้ำ แล้วคายกากทิ้ง

กล้วยไข่
หยุดผมร่วง, ป้องกันอัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, บำรุงตับ ไต, ป้องกันมะเร็ง, บำรุงกระดูก, บำรุงสายตา, รักษา Office Syndrome

กล้วยน้ำว้า
วันละ 2 ลูก เหมือนๆ กล้วยหักมุก ปิ้งไฟทั้งเปลือก ลดไข้, ลดเจ็บคอ, บำรุงตับอ่อน, รักษาเบาหวาน, แก้ทอนซิลอักเสบ

กล้วยหอม
(กล้วยเล็บมือนาง) 3 ผล / สัปดาห์ เป็น ฮอร์โมนหญิง มีโปแทสเซียม ป้องกันโรคพากินสัน และ อัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, ป้องกันสมาธิสั้น

น้ำมะพร้าวอ่อน
ปรับสมดุลย์ ฮอร์โมน
ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนวันละ 1 ลูก ช่วยฟอกเลือด และบำรุงไต ส่วนเนื้อมะพร้าวช่วยบำรุงตับ

กะทิ
ลด Cholesterol, ไม่อ้วน, ไม่เบาหวาน,

น้ำมันมะพร้าว
ช่วยลดความอ้วน โดยกินก่อนอาหารเช้า 4 ช้อนกาแฟ
ใช้เป็น Hair Serum ลงหนังหัว, ลดหงอก, เพิ่มผม ใช้ล้างเครื่องสำอาง ใช้เป็นเดย์ครีม ไนท์ครีมได้
มี SPF 90 (Sun block)

Oil Pulling
ใช้น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันทานตะวัน ที่ผ่านกรรมวิธีแบบหีบเย็น ปริมาณ 2 ช้อน อมไว้ประมาณ 15 นาที แล้วบ้วนทิ้ง จะช่วยนำเชื้อโรคออกจากช่องปาก

หยุด น้ำมันพืช
เนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมี เมื่อน้ำมันพืชเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 60 องศา จะเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น ควรบริโภคมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่
ตับจะทำหน้าที่ผลิต Cholesterol โดยที่ Cholesterol LDL จะช่วยป้องกันผิวหนัง และผลิต Cholesterol HDL เพื่อดักจับ LDL ไปทิ้ง

การทำน้ำมันหมู
นำน้ำมันหมูเปลว 1 ก.ก. กับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ เจียวบนกระทะ จะทำให้ไม่ติดกระทะ ไม่กระเด็น ได้น้ำมันเกือบ 2 ลิตร กากหมูจะกรอบมาก เนื่องจากเกลือจะเป็นตัวช่วยดึงน้ำมันออกมาจนหมด

น้ำมันมะพร้าว
นำกะทิใส่ถุงแช่ตู้เย็น 3 ช.ม. เพื่อให้เนื้อกับน้ำแยกตัวกัน นำเนื้อมะพร้าวส่วนบนไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน เก็บไว้ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน

การสระผม
ควรสระผมด้วยสบู่เด็ก ควรสระผมช่วงเช้า ไม่ควรสระผมตอนเย็น เพราะผมจะไม่สามารถแห้งได้ทัน เวลานอนจะเกิดเชื้อรากลางคืน เป็นเหตุของอาการคันศีรษะ และ ลงน้ำมันมะพร้าวที่หนังหัว

เกลือ
การบริโภคเกลือ(เกลือทะเล เกลือเม็ด) ไม่ได้ทำให้ไตวาย แต่เนื่องจากในอุตสาหกรรมการผลิตเกลือที่ขาวละเอียดมีการเติมโพลิเมอร์ โดยหยดลงบนเกลือ ทำให้โครงสร้างจากเดิมโซเดียมคลอไรด์เปลี่ยนเป็นโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีผลต่อไต เพราะไม่สามารถขับออกได้ ซึ่งเกลือชนิดนี้จะโรยบนอาหารแล้วยังคงทำให้อาหารกรอบ แต่ถ้าเป็นเกลือที่เป็นโซเดียมคลอไรด์นั้น จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นทำให้อาหารไม่คงความกรอบ

ไมโครเวฟ
การใช้ไมโครเวฟ ระวังมะเร็ง เนื่องจากมีการกระจายคลื่นเข้าสู่เซลมีผลทำให้ตายได้

ตะไคร้แกง
นำมาหั่นแล้วต้มเป็นน้ำตะไคร้ ดื่มเพื่อช่วยลดเบาหวาน

กาแฟ
มีคาเฟอีน มีไว้ดม ไม่ควรกิน เพราะจะมีผลยับยั้งไม่ให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก จึงมีโอกาสเป็นโรค กระดูกผุ กระตุ้นเซลมะเร็ง

ไข่
ไข่ต้ม ไข่เค็ม ไข่พะโล้ โดยเฉพาะไข่แดง หากกินวันละ 2 ฟอง จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด (ลดเบาหวาน) เนื่องจากไข่แดงมีซิลิเนียม
งานวิจัยของฮาวาร์ด พบว่าหากบริโภคไข่วันละ 3 ฟอง (อายุต่ำกว่า 45 ปี) ; บริโภควันละ 2 ฟอง (อายุ 45 ปี – 50 ปี) และบริโภควันละ 1 ฟอง (อายุเกิน 50 ปี)
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีสรรพคุณสูงกว่านม 5 กล่อง

การออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายทุกวัน ออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น
1. การขยับนิ้วมือ เป็นการช่วยเรื่องน้ำในข้อ ผลที่ได้กระดูกจะไม่ผุ
2. งอนิ้วมือ ช่วยในเรื่องของอาการนิ้วล็อค
3. กำมือและแบมือสลับข้างกันไปมา ช่วยในเรื่องของโรคหัวใจ และลด Cholesterol
4. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ และขยับเท้ายกขึ้นทำท่าวิ่งบนอากาศ
5. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ ทุบขาด้านนอก และด้านใน ทุบแขน สลับกันไป
6. การนั่งตรง ๆ นั่งแค่ครึ่งเก้าอี้ ประมาณ 10 นาที ช่วยป้องกันในเรื่องของ
ริดสีดวงทวาร
7. กำมือขวาหมุนเป็นวงกลมออกนอกตัว และกำมือซ้ายหมุนเป็นวงกลมเข้าหาตัว
เป็นการบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
8. มือประสานกันสองข้าง ยืดตรงไปข้างหน้า เท้าห่างกันประมาณช่วงไหล มองตรง แล้วหมุนเอวไปรอบ ๆ ทั้งด้านซ้าย และขวา ครั้งละ 5 รอบ ทำตอนเช้า จะช่วยลดส่วนเกินตรงหน้าท้อง(Moon attracted)

ของฝากจาก
ดร.วิชัย เกียรติสามิภักดิ์

❤ กรุณาส่งต่อเพื่อนๆที่เรารักด้วย-ขอบคุณ❤
#เรื่องสุขภาพสำคัญ
#ชีวิตต้องมีวันพรุ่งนี้
#เรื่องดีๆเลยต้องบอกต่อ

ឆ្លៀតពេលអានបន្តិច ព្រោះនេះគឺជាសង្គមនៃយុគ្គសម័យនេះ

มีข้อความดีๆมาฝากให้อ่านครับ


នារី…បង្ហាញដើមទ្រូង
បុរស…បង្ហាញរថយន្ត
អ្នកណា??? ទៅដឹង់ថា!!!
ដើមទ្រូងណឹង ពិតរឺក្លែងក្លាយ
រថយន្តណឹង ជារបស់ខ្លួនឯង រឺ របស់អ្នកផ្សេង
សត្វ… ចាប់ផ្តើមស្លៀកពាក់ដូចមនុស្ស
មនុស្ស… ចាប់ផ្តើមបង្ហាញសាច់ដូចសត្វ
ក្មេង…ធ្វើខ្លួនដូចមនុស្សចាស់
មនុស្សចាស់…ធ្វើខ្លួនដូចក្មេង
ស្រី…ចារឹកដូចប្រុស
ប្រុស…ចារឹកដូចស្រី
អ្នកមាន…ធ្វើឫកដូចអ្នកក្រ
អ្នកក្រ…ធ្វើឫកដូចសេដ្ថី
ថៅកែ…ធ្វើខ្លួនដូចឈ្នួល
អ្នកបំរើ…ធ្វើខ្លួនដូចចៅហ្វាយ
ម្តាយឪពុក…ហៅកូនថាបង
កូន…ហៅខ្លួនឯងថាបង
អ្នកនៅលីវ…ធ្វើខ្លួនដូចមេផ្ទះ
មេផ្ទះ…ធ្វើខ្លួនដូចអ្នកនៅលីវ
ថ្ងៃមួយអ្នកនឹងយល់ថា!!!
ពាក់នាឡិកាតំលៃ $10 រឺ $1000 មួយថ្ងៃគង់មានតែ24ម៉ោង
ផឹកស្រាមួយដបតំលៃ$1 រឺ $100 គង់តែស្រវឹងហើយក្អួតចោលដូចគ្នា
ជក់បារី មួយដើម 100រៀល រឺ មួយដើម 1000រៀល ក៏អាចកើតរោគមហារីកសួតដូចគ្នា
រស់នៅផ្ទះមានដី 10ម៉ែត្រ រឺ 1000ម៉ែត្រ ភាពសោកសៅនឹងភាពឯកោមានដូចគ្នា
៚ថ្ងៃមួយ…..
អ្នកនឹងយល់ថា សេចក្តីសុខក្នុងចិត្ត ភាពស្ងប់ក្នុងចិត្ត មិនអាចរកបានពីវត្ថុខាងក្រៅ ហេតុដូច្នេះ ចូររស់នៅក្នុងភាពមិនអាត្មានិយម ស្គាល់ខុស ស្គាល់ត្រូវ ស្គាល់ពាក្យថាគ្រប់គ្រាន់ ទើបមានសេចក្តីសុខ ….ប្រើជីវិតជាមួយមនុស្សម្នាក់ណឹង… គឺសំខាន់បំផុត…អ្នកដែលរស់នៅជាមួយយើងម្នាក់ណឹងបានជារៀងរហូតពិតជាពិបាករក
មនុស្សរស់នៅលើពិភពលោកនេះមានប្រមាណ7.2ពាន់លាននាក់ បានមករស់នៅរួមលោកជាមួយគ្នា បើមិនរក្សាសម្ព័នភាពជាមួយគ្នាពិតជាគួរអោយសោកស្តាយណាស់
រក្សាសេចក្តីស្រឡាញ់នឹង មិត្តភាពអោយបានល្អ មុននឹងហួសពេលហើយកន្លងទៅដោយទទេ បានត្រឹមបន្សល់តែរឿងនិទាន

น่าคิดเนาะ แต่ว่าแฟนๆอ่านรู้เรื่องไหม

ពេលក្រចិញ្ចឹមជ្រូក ពេលមានចិញ្ចឹមឆ្កែ

ពេលក្រធ្វើស្រែ ពេលមានដាំស្មៅ

ពេលក្រចង់តែបាយក្រៅ ដល់ពេលមានទៅ ចង់ហូបបាយក្នុងផ្ទះ (តែមិនដែលបានហូបជុំគ្នា)

ពេលក្រចង់បានប្រពន្ធមួយ ពេលមានក៏ពួយចង់បានប្រពន្ធចុង

ពេលក្រចង់នៅទីក្រុង ពេលមានបែរចង់ទៅនៅជនបទ

ពេលក្រឲ្យប្រពន្ធកាន់តំណែងលេខា ពេលមានកាលណាឲ្យលេខាមកកាន់តំណែងប្រពន្ធ

ពេលក្រលើកដៃសំពះអ្នកដទៃមុន ពេលមានឡើងបុណ្យចាំគេសំពះមុនវិញ

ណ្ហើយ …..

សូមកុំឲ្យអំពើល្អកាលនៅក្រ ត្រូវដាច់ពូជព្រោះភាពមានបាន ធ្វើឲ្យខ្លួនក្លាយជាមនុស្សអាក្រក់

សូមកុំឲ្យភាពស្មោះត្រង់កាលនៅក្រ ត្រូវដាច់ពូជព្រោះភាពមានបាន ធ្វើឲ្យខ្លួនក្លាយជាមនុស្សពុតត្បុត

សូមកុំឲ្យភាពស្លូតបូតកាលនៅក្រ ត្រូវដាច់ពូជព្រោះភាពមានបាន ធ្វើឲ្យខ្លួនក្លាយជាក្អេងក្អាង

សូមកុំឲ្យមនុស្សធម្មតាកាលនៅក្រ ត្រូវដាច់ពូជព្រោះភាពមានបាន ធ្វើឲ្យខ្លួនក្លាយជាមនុស្សឆ្កួតអំណាច និងទឹកប្រាក់

មានតែអំពើល្អប៉ុណ្ណោះ ដែលធ្វើឲ្យមនុស្សមានតម្លៃស្មើគ្នា ៕

Creadit – Jean Marche

ตะเกียบฟอกขาว ผู้ป่วยโรคหืด ภูมิแพ้ เสี่ยงสุด

ตะเกียบเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ส่วนประเทศไทยนิยมใช้สำหรับอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ตะเกียบอาจทำมาจากไม้ หรือโลหะหรือพลาสติก แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเป็นตะเกียบไม้ ซึ่งไม้ที่นิยมนำมาทำตะเกียบ คือไม้ไผ่ ไม้โมกข์ และ ไม้ฉำฉา เนื่องจากมีสีขาว เนื้อละเอียด ไม่ทำให้อาหารมี สี กลิ่น รส ผิดเพี้ยนไป แต่รู้หรือไม่ ตะเกียบพวกนี้อาจมีสารอันตราย!

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตือนว่า สารดังกล่าว คือ สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เพื่อฟอกเนื้อไม้ให้ขาวและป้องกันเชื้อรา ปัจจุบันร้านอาหารนิยมใช้ตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพื่อความสะดวกและเพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันเชื้อโรคติดต่อระหว่างกันได้ ทั้งนี้เคยมีข่าวที่ประเทศไต้หวันตรวจพบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในตะเกียบ เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งประเทศไต้หวันได้กำหนดปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในตะเกียบไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulphur dioxide) เป็นสารเคมีในกลุ่มซัลไฟต์หรือที่รู้จักกันว่าสารฟอกขาวที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเปลี่ยนสีของอาหารไม่ให้เป็นสีน้ำตาลเมื่ออาหารถูกความร้อนในกระบวนการผลิตและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์ ราและบักเตรีได้ดี สามารถนำสารนี้ไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเป็นวัตถุกันเสีย และเป็นสารป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอาหาร ผักผลไม้อบแห้ง วุ้นเส้นและ ลูกกวาด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการใช้สารนี้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น นำไปใช้ผสมในน้ำยาอัดรูป ฟอกสีผ้า กระดาษและสบู่ เป็นต้น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเมื่อใช้ในปริมาณต่ำ แต่จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคที่แพ้ง่าย เช่น ทำให้เกิดโรคหืด มีอาการแน่นหน้าอก คันคอ หรือเป็นผื่นคัน และเป็นแผลพุพอง องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าการบริโภคในแต่ละวันที่ได้รับหรือค่า ADI ของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน

นพ.อภิชัย กล่าวว่า ในปี 2548 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้เก็บตัวอย่างตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ 11 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ โดยชุดทดสอบภาคสนาม ไม่พบสารฟอกขาวซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ต่อมาในปี 2550 ได้สุ่มตรวจตะเกียบ 8 ตัวอย่าง และไม้จิ้มฟัน 2 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ตรวจพบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในตะเกียบทั้ง 8 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 19.4- 256.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนไม้จิ้มฟันตรวจพบ 1 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบ 4.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เมื่อทดสอบการละลายของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ออกมาจากตะเกียบโดยการนำมาแช่ในน้ำเดือดเป็นเวลา 5 นาทีแล้วนำน้ำมาตรวจวิเคราะห์พบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ละลายออกมาอยู่ในช่วง 2-91.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ประเทศไทยไม่มีกฎหมายกำหนดเรื่องปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ตกค้างในตะเกียบ แต่เมื่อเทียบกับกฎหมายของประเทศไต้หวันพบว่าปริมาณที่พบไม่เกินมาตรฐาน

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังดำเนินการตรวจการตกค้างของสารฟอกขาวในตะเกียบซ้ำอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน 2559 นี้ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากสถานที่จำหน่ายทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง และค้าปลีก ตรวจวิเคราะห์สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในตะเกียบ เพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการเฝ้าระวังได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเมื่อใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากร่างกายสามารถขับออกทางปัสสาวะได้ แต่จะมีผลกระทบต่อคนที่เป็นโรคหอบหืดหรือคนที่แพ้ง่ายจะมีอาการทันที ดังนั้น ผู้บริโภคที่ใช้ตะเกียบในการบริโภคอาหาร จึงควรสังเกตหากพบว่าตะเกียบมีเนื้อไม้ขาวจัดและมีกลิ่นฉุนก็ไม่ควรใช้หรืออาจไปใช้ตะเกียบแบบใช้ซ้ำได้ ซึ่งสามารถล้างให้สะอาดได้ก่อนใช้

ร้ายกว่านั้น เราชาวไทยขาดไม่ได้ ต้องใช้กันทุกวันในการรับประทานอาหาร หรือคีบอะไรสักอย่างเข้าปาก ถามว่ามีใครเคยรู้ไหมว่าวิธีการผลิต ตะเกียบ นั้นเป็นอย่างไร ไปชมขั้นตอนการผลิตตะเกียบจากบริษัทแห่งหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน เรามาชมกันเลยดีกว่าครับ

จาก: มติชนออนไลน์ และภาพจากกูเกิ้ล

คนอังกฤษให้ทิปหรือไม่ / tipping in the UK

สมัยก่อนในตอนที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ใครที่ทำงานด้านบริการกับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

អានត-อ่านต่อ

បច្ចេកទេសចិញ្ចឹមកន្ធាយសាច់ ការជ្រើសរើសពូជ ការលាយចំណី និងការថែទាំ

ការរៀបចំស្រះ៖
– ជ្រើសរើសស្រះដែលមានទំហំ ១០០ម៉ែត្រការេឡើង ជម្រៅ ១-១,៥ម៉ែត្រ កម្រិតទឹកថ្លាខាងលើប្រមាណ៣តឹក
– ជ្រើរើសទីកន្លែងដែលស្ងប់ស្ងាត់ជិតផ្ទះងាយស្រួលផ្គត់ផ្គង់ទឹក ការពារ និងឲ្យចំណី រួចយកស័ង្កសី ឬសំណាញ់ដាក់ព័ទ្ធជុំវិញប្រមាណ១ម៉ែត្រពីមាត់ស្រះដើម្បីកុំឲ្យវាឡើងចេញ
– យើងអាចដាំដើមដំណាំហូបផ្លែនៅតាមមាត់ស្រះដើម្បីជាម្លប់ដល់កន្ធាយ និងដាក់ដាំត្រកួន កំប្លោក កញ្ឆែតក្នុងស្រះផងដែរ
– ត្រូវរៀបចំកន្លែងដែលមានដាក់បន្ទះឬស្សីរាងទេរបន្តិចដើម្បីឲ្យវាឡើងហាលថ្ងៃបាន
– បាតស្រះត្រូវមានភក់កំរាស់ប្រមាណ១-២តឹក រួចដាក់ទឹកបញ្ចូលជិតពេញស្រះ ហើយបាចកំបោរសប្រមាណ១គីឡូទុកចោលប្រមាណ២អាទិត្យ រួចយកថ្នាំធ្វើឲ្យទឹកស្អាតយកចាក់ចូលស្រះ ១អាទិត្យក្រោយទើបអាចលែហកូនបាន
– យើងអាចរៀបចំជាស្រះស៊ីម៉ងត៍ទៅតាមលទ្ធភាព។
* ការជ្រើសរើសពូជ៖
– យកពូជដែលមាំមួន មានមានទម្ងន់១០០ក្រាមសម្រាប់មកចិញ្ចឹម មិនមានរបួស ឬជម្ងឺ ហើយយកប៉ុនៗគ្នា ការចិញ្ចឹមក្នុងចន្លោះខែកុម្ភៈ ដល់ឧសភាទើបល្អ
– អត្រាចិញ្ចឹមគឺ ៤-៥ក្បាល ក្នុង១ម៉ែត្រការេ ត្រូវលែងកូនកន្ធាយក្នុងសំណាញ់ប្រមាណ១អាទិត្យសិនមុននឹងដាក់ក្នុងស្រះ ដើម្បីពិនិត្យមើលកូនណាដែលមិនល្អយកចេញ។
* ការឲ្យចំណី៖
– នៅពេលយើងដាក់កូនដំបូង យើងអាចស្ងោរដំឡូងជ្វា ផុយល្មមរួចកិនឲ្យបែកតូចៗចាក់នៅលើក្តានៅមាត់ស្រះឲ្យវាស៊ី ១ខែក្រោយយើងចិញ្ច្រាំដំឡូងឆៅល្អិតៗដាក់ឲ្យវា
– មិនត្រូវផ្លាស់ប្តូរកន្លែងដាក់ចំណីរបស់វាទេ ដើម្បីឲ្យវាចាំកន្លែងមកស៊ីចំណី ត្រូវបំបែកចំណីទៅតាមទំហំមាត់កន្ធាយដែលវាអាចស៊ី
– ចាប់ពី៣ខែក្រោយយើងអាចដាក់ចំណីឲ្យវាស៊ីមានដូចជា សត្វល្អិតរស់ក្នុងទឹក កំពិស ត្រី ជន្លេន លាស ក្តាម និងកង្កែប ឬផ្លែឈើនិងគ្រាប់រុក្ខជាតិផ្សេងៗ និងចិញ្ចឹមត្រីតូចៗក្នុងស្រះជាដើម
– ចំណីច្នៃមានដូចជា កន្ទក់ សណ្តែកសៀងកិន ម្សៅត្រីដែលមិនប្រឡាក់ប្រៃ បិរិមាណចំណីឲ្យវាស៊ីប្រមាណ៥-៨%នៃទម្ងន់ខ្លួនកន្ធាយ ឲ្យវាស៊ី២-៣ដងក្នុង១ថ្ងៃ និងមិនត្រូវដាក់លើស ឬខ្វះ
– សម្រាប់វដូវវស្សាយើងអាចបើកមាត់ស្រះសងខាងរួចយកសំណាញ់ដាក់ទប់កុំឲ្យកន្ធាយចេញរួច វិធីនេះអាចឲ្យត្រី និងសត្វផ្សេងៗនៅក្នុងទឹកចូលមកក្នុងស្រះដើម្បីជាចំណីរបស់វា ដែលអាចបានរយៈពេល២ឬ៣ខែដែរ។
– ការថែទាំ៖
– យើងមិនត្រូវដាក់ចំណី ត្រីផ្សេងៗដែលស្អុយឲ្យវាស៊ីនោះទេដែលបណ្តាលឲ្យវាកើតជម្ងឺពោះវៀន
– ជម្ងឺអុចស បណ្តាលមកពីទឹកមិនស្អាត យើងត្រូវបូមទឹកចេញពីស្រះ២០% រួចបូមទឹកល្អចូលវិញ ដោយមើលតាមស្ថានភាពទឹកនៅពេលឃើញថាកខ្វក់
– យើអាចចាប់វាមកខ្វេះលាងសម្អាតកន្លែងដែលមានជម្ងឺចេញ រួចដាក់ថ្នាំ ទុក២០នាទីទើបដាក់ចូលស្រះវិញ
– ត្រូវបូមទឹកចេញទាំងអស់រួចចាប់កន្ធាយ មកពិនិត្យជម្ងឺ និងលាងសម្អាតវារាល់៤ខែម្តង និងត្រូវដាក់ថ្នាំសម្អាតទឹកផង។
– កន្ធាយត្រូវការភាពស្ងប់ស្ងាត់ មិនមានការរំខានពីមនុស្ស ឬសត្វផ្សេងៗឡើយ
– ក្រោយពេលចិញ្ចឹមរយៈពេល១២ខែយើងអាចចាប់វាលក់បានដែលមានទម្ងន់ពី៨ខាំ ទៅ១,២ គីឡូក្រាម ដែលវាមានតម្លៃប្រមាណ ១០-១២ដុល្លា ក្នុងមួយគីឡូ។

ចងក្រងអត្ថបទដោយ៖ អ៊ាង សុផល្លែត

ใครกำลังทะเลาะกับแม่ ลองอ่านดู !!!

ห้องคลอดทุกห้องต้องมีนาฬิกาอย่างน้อยหนึ่งเรือน
ถ้ามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การคลอด คุณจะเห็น พยาบาลคนหนึ่งคอยเหลียวมองนาฬิกาเรือนนั้น ทันทีที่ทารกคลอดออกมา เธอจะขานเวลาบนหน้าปัดตัวเลขชั่วโมง-นาทีจะไปปรากฏบนสูติบัตร ในช่องว่างหลังคำว่าเวลาคลอด และวันที่บนปฏิทินวันนั้นก็จะไปปรากฏ อยู่บนบัตรประจำตัวอีกหลายใบในฐานะวันเกิด วันที่ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา អានត-อ่านต่อ

ยิ้มรับความทุกข์ ได้สุขเป็นรางวัล


ความสุขนั้นเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่มีใครที่ไม่วาดหวังชีวิตอันผาสุก แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่กลับรู้จักความสุขน้อยมาก กล่าวคือ มักเห็นว่าความสุขเกิดจากวัตถุสิ่งเสพเท่านั้น ต่อเมื่อได้เสพได้ครอบครองจึงมีความสุข เงินจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต แท้จริงแล้วยังมีความสุขที่ประเสริฐกว่านั้นอีก เช่น ความสุขที่เกิดจากใจอันสงบ ความสุขจากความภาคภูมิใจเมื่อได้ทำความดี รวมทั้งความสุขเมื่อได้ละวาง

ความสุขประเภทหลังนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ แม้มีน้อย ไม่ร่ำรวย ก็มีความสุขได้ เป็นสุขที่พบได้กลางใจเรา เป็นเพราะมองไม่เห็นความสุขดังกล่าว ผู้คนจึงพากันดั้นด้นแสวงหาความสุขที่อยู่นอกตัว แต่ไม่ว่าจะมีหรือได้มากเท่าไร ก็ไม่พบความสุขที่แท้ ต่อเมื่อหยุดแสวงหาสิ่งภายนอก หันกลับมามองตน วางใจให้ถูก ดูแลใจให้ดี ก็จะพบความสุขอันประเสริฐได้ไม่ยาก เป็นความสุขที่สัมผัสได้แม้ประสบกับความเจ็บป่วย พลัดพราก หรือยากไร้

พระไพศาล วิสาโล

ดีมาก. คำคมภาษาอังกฤษ…

1. Before middle age – Do not fear!
“ก่อนวัยกลางคน ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว”

2. After middle age – Do not regret!
“หลังวัยกลางคน ก็ไม่มีอะไรที่น่าเสียใจอีกแล้ว”

3. Enjoy your life while you can.
“หาความสุขให้กับชีวิต เมื่อคุณยังมีความสามารถอยู่”

4. Do not wait till you cannot even walk just to be sorry and to regret.
“อย่ารอจนกว่าคุณเดินไม่ไหวแล้วต้องมานั่งเสียดาย และเสียใจ”

5. As long as it is physically possible, visit places you wish to visit.
“ตราบใดที่ร่างกายคุณยังไหวอยู่ ก็ขอให้คุณไปเยี่ยมเยืยนในสถานที่ที่คุณอยากไปเถอะ”

6. When there is an opportunity, get together with old classmates, old colleagues & friends.
“เมื่อเรายังมีโอกาส หาเวลาร่วมสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้นเรียน สหายรัก และเพื่อนเก่า(แก่)”

7. The gathering is not just about eating; it’s just that there is not much time left.
“การสังสรรค์นั้นมิใช่เพื่อสนุกกับการกินเท่านั้น หากแต่เพราะเราต่างเหลือเวลาที่จะอยู่ด้วยกันน้อยลงแล้ว”

8. Money kept in the banks may not be really your
“เงินที่คุณนำไปฝากไว้ที่ธนาคารนั้น อาจจะไม่ได้เป็นของคุณโดยแท้”

9. When it is time to spend, just spend, treat yourself well as you’re getting old
“เมื่อถึงเวลาที่จะใช้ จงใช้มันหาความสุขให้ตัวเอง ในขณะที่วันเวลาของชีวิตเหลือน้อยลงแล้ว (ขณะที่คุณกำลังชราภาพมากขึ้น)”

10. Whatever you feel like eating, just eat! It is most important to be happy.
“เมื่อคุณอยากจะกิน ก็จงกินเถอะ เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือ การทำตนให้มีความสุข”

11. Your old friends – seize every opportunities to meet up with your friends, such opportunities will become rare as time goes by.
“สำหรับเพื่อนเก่าทั้งหลาย จงแสวงหาทุกโอกาสที่จะพบกับพวกเขาเหล่านั้น โอกาสเช่นนั้นนับวันจะหาได้ยากมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป”

12. Everyday you MUST smile and laugh.
“ทุกๆ วัน คุณต้องยิ้ม และหัวเราะให้ได้”

จงส่งให้กับเพื่อนของคุณ ไม่ว่าคุณจะรักเขา หรือเขาจะรักคุณหรือไม่ก็ตาม
การแบ่งปัน คือการแบ่งความสุขใจ.. ขอบคุณ

វិធីធ្វើជ្រក់ស្ពៃជើងទា

វិធីធ្វើជ្រក់ស្ពៃជើងទា
———–

#គ្រឿងផ្សំ
– ស្ពៃជើងទា ៣គីឡូក្រាម
– រំដេង ២ខាំ
– អំបិលគ្រោះ២ខាំ
– ស្ករសកន្លេះគីឡូក្រាម

#វិធីធ្វើ
– ចិតស្ពៃ ជាចំណិតហើយ លាង២-៣ទឹក ហើយយកទៅ ត្រាំទឹក (កុំភ្លេចច្របាច់ក្រូចឆ្មា១ចំណិតផង) ទុកចោល ១០ទៅ ១៥នាទី ចាំលាងចម្រះ នឹងទឹកស្អាត១-២ទឹកទៀត (អនាម័យស្អាត បន្សាបគីមី)។
– ដាំទឹកក្តៅ (មិនបាច់ពុះទេ៧០-៨០អង្សា) យកស្ពៃមកស្រុស ២-៣នាទី ហើយស្រង់យកលាងទឹកត្រជាក់ រួចស្រង់ដាក់កញ្រែ្ចងទុកមួយឡែក។
– បុករំដេង នឹងអំបិលគ្រោះ ចូលគ្នា (ដូចក្នុងរូប)។
– ដាំទឹកស្ករស ១លីត្រ
– យកស្ពៃច្របាច់ ជា១អំបិលរំដេងម្តង១ម្តង១រួចផ្អាប់ទុក ៣-៥ម៉ោង, ស្រង់ស្ពៃ (ទឹកអំបិលចេញពីស្ពៃមិនយកទេ)
– រៀបស្ពៃចូលក្រឡ ឬ កែវ
– ចាក់ទឹកស្ករចូល អោយ ស្មើ ឬលេចស្ពៃ រួចគ្របទុកជាការស្រេច
រក្សាទុក ៣-៥ ថ្ងៃ អាចលូកមកទទួលទានបានហើយ។

#វិធីធ្វើមួយបែបទៀត

ស្ពៃមិនបាច់ស្រុសក៏បាន គ្រាន់តែយកវាទៅហាលថ្ងៃ អោយស្រពាប់ (លាងទឹក១ឬ២សារទៀត (ខែនេះធុលីហុយ) ចាំយកវាមកក្រឡុក អំបិលផ្អាប់ទុក ២-៣ម៉ោង ពូតទឹកចេញ ហើយចាំ យកមកប្រលាក់ជា១ អំបិលរំដេងភ្លក់មើលកុំអោយប្រៃពេក ហើយ ចាក់ទឹកស្ករ គ្របទុកជាការស្រេច
សូមជួយចែករំលែក ជំនាញ ផ្សេងទៀតបើសិនបងប្អូនមានរូបមន្តពិសេសខុសប្លែកពីនេះ។

#បញ្ជាក់៖ បើបងប្អូនខ្លាចប្រៃខ្លាំងបន្ថយអំបិល, បើមិនសូវចូលចិត្តក្លិនរំដេង បន្ថយរំដេង,
អរគុណចំពោះការចែករំលែក។

#Khek_Sivannet

รูปร่างหน้าตาที่เลือกเองไม่ได้

ข้อความจาก #หมอมินบานเย็น

หมอเองมีโอกาสดูคลิปยูทูปที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของดาราเกาหลีที่มีชื่อเสียงหลายๆคน ว่าคนนี้หน้าตาไม่ดีตรงนั้นตรงนี้ หนึ่งในนั้นคือดาราเกาหลีที่คนไทยมากมายชื่นชอบ ก็คือ กงยู เรื่องนี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ทำให้รู้สึก អានត-อ่านต่อ