​ช่วงนี้ขอเสนอเมนู…..ปลาช่อนลุยสวน!!!

* พริกขี้หนูหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความชอบ)

* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

* น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ

* ผักชีฝรั่งหั่นฝอย 1/4 ถ้วยตวง

* ผักชีหั่นฝอย 1/4 ถ้วยตวง

* ใบสาระแหน่เด็ด 1/4 ถ้วยตวง

* ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ

* หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ

* เปลือกมะนาวหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ

* ผักต้มอื่นๆสำหรับทานพร้อมปลา (แครอท, ข้าวโพดอ่อน, อื่นๆ)

* น้ำมันสำหรับทอด

     วิธีทำทีละขั้นตอน

1. นำปลาไปทำความสะอาด ขอดเกล็ด เอาไส้ออก ล้างอีกครั้ง บั้งข้างตัวปลา (เพื่อให้สุกทั่วเวลาทอด)ผึ่งให้แห้ง

2. ตั้งน้ำมันให้ร้อน ในกระทะและนำไปตั้งไฟอ่อน ทอดปลาให้สุกทีละข้าง (หนึ่งข้างใช้เวลาประมาณ 10 นาที) ระหว่างทอดอย่ากลับหน้าปลาจนกว่าข้างหนึ่งข้างใดจะสุก เพราะจะทำให้เนื้อปลาเละไม่น่าทาน

3. เมื่อข้างหนึ่งสุกจึงกลับหน้าไปอีกข้าง โดยเวลาในการทอดอีกข้างให้สุกจะไม่นานเท่าข้างแรก (ใช้เวลาประมาณ 5 นาที) เมื่อปลาสุกดีแล้วให้นำออกมาวางบนกระดาษซับมัน แล้วจึงนำไปจัดใส่จานไว้

4. ทำน้ำปรุงโดยผสมน้ำมะนาว, น้ำปลา, น้ำตาล, หอมแดง, ตะไคร้, ผักชี, ผักชีฝรั่ง, เปลือกมะนาวหั่นและพริกขี้หนู ชิมและปรับรสตามความชอบ

5. เวลาเสริฟ สามารถเสริฟแยกปลากับน้ำปรุงรส หรือราดน้ำปรุงรสบนตัวปลาเลยก็ได้ ก่อนเสริฟโรยหน้า ใบสาระแหน่บนตัวปลา จัดผักต้มไว้ข้างจาน เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆหรือเป็นกับแกล้มก็ดี

​ฉันไม่อยากมีแม่ตาบอด

แม่ของฉันตาบอดหนึ่งข้าง ฉันรู้สึกรังเกียจเขา การมีชีวิตอยู่ของเขาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ
สมัยเรียนชั้นประถม มีวันหนึ่งโรงเรียนจัดการแข่งขันกีฬาสี แม่ก็มาดูฉันในการแข่งขันวันนั้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่รู้อึกอัดและลำบากใจอย่างมาก ฉันมองแม่ที่มีตาข้างเดียวด้วยความขยะแขยง และไม่อยากจะใส่ใจ เพราะในวันต่อมา ฉันถูกเพื่อนๆในโรงเรียนล้อเลียนว่า ฮ่าๆๆๆๆ แม่เธอเป็นอีบอด!

ในตอนนั้น ฉันอยากให้แม่หายไปจากโลกใบนี้!

เมือกลับถึงบ้าน ฉันตะคอกใส่แม่ว่า ทำไมแม่ต้องมีตาเดียว แม่ทำให้หนูเป็นตัวตลกถูกเพื่อนๆล้อเลียน แม่น่าจะตายๆไปให้พ้นๆซะ แม่ไม่ตอบอะไรฉัน ฉันคิดว่าแม่คงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่ฉันไม่สนใจ เพราะฉันได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกไปแล้ว และนั่นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมาก

ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก และไปหาน้ำดื่มที่ห้องครัว ฉันได้ยินเสียงคนร้องไห้ เมื่อเดินไปดูก็เห็นแม่ร้องไห้แต่ฉันกลับรู้สึกไม่เห็นใจแม่เลย ฉันมองแม่แค่แป๊บเดียวก็เดินถอยออกมา พร้อมกับบอกตัวเองว่าฉันต้องรีบโตเป็นผู้ใหญ่ และหนีไปอยู่ให้ไกลๆจากแม่ให้มากที่สุด

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงพยายามขยันเรียนหนังสืออย่างมาก และในที่สุดฉันก็หนีออกมาจากแม่จนได้ ฉันแต่งงานและมีลูก ตอนนี้ชีวิตของฉันประสบความสำเร็จ และมีความสุข ฉันรู้สึกชอบบ้านที่ไม่ต้องมีแม่อาศัยอยู่ด้วยแบบนี้

ในขณะที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่ต้องมีแม่มากวนใจ ทันใดนั้นก็มีคนๆหนึ่งแอบมองฉันอยู่

ฉันตะโกนออกไปว่า นั่นใครอ่ะ! มีอะไร?

ฉันรู้ทันที ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือแม่ของฉัน เพราะเธอมีตาเพียงข้างเดียว เมื่อลูกสาวๆของฉันเห็นเข้าก็รีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้านทันที

ฉันตะโกนออกไปว่า เธอเป็นใคร ฉันไม่รู้จักเธอ และบอกอีกว่า เธอทำลูกฉันตกใจกลัวมาก รีบไสหัวไปเลยนะ เมื่อแม่เห็นว่าฉันโกรธมาก เลยพูดออกด้วยเสียงนิ่งว่า ขอโทษ สงสัยฉันจะมาผิดที่ แล้วก็หันหลังจากไป

จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้รับจดหมายให้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นนักเรียน หลังจากเสร็จงานเลี้ยงแล้ว ฉันก็กลับบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่ในสมัยก่อน ฉันเห็นแม่นอนนิ่งอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ ในมือถือกระดาษไว้ 1แผ่น ซึ่งนั่นเป็นจดหมายที่แม่จะเขียนมาหาฉัน

ลูกรัก แม่คิดว่าแม่ชีวิตอยู่มานานพอแล้ว แม่ควรจะต้องไปแล้ว และแม่คงไม่ไปตามหาลูกอีกแล้ว แต่แม่ก็หวังว่าจะมีโอกาสที่ลูกกลับมาหาแม่บางสักครั้ง หวังว่านี่จะไม่เป็นการร้องขอที่มากเกินไป แม่คิดถึงลูกมากนะ ตอนที่แม่ได้ยินว่าลูกจะกลับมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นนักเรียนแม่รู้สึกดีใจมากๆ แต่เพื่อลูก แม่จึงตัดสินใจไม่ไปหาลูกที่โรงเรียน เพราะแม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกอึดอัดลำบากใจ การแม่มีตาข้างเดียว แม่รู้ว่ามันทำให้ลูกรู้สึกอึกอัดมาก แม่ก็รู้สึกอยากจะขอโทษลูก แต่ลูกรู้มั้ยว่าสมัยเด็ก ลูกประสบอุบัติเหตุต้องสูญเสียตาไปหนึ่งข้าง แม่เป็นแม่ไม่สามารถเห็นลูกอยู่สภาพนั้น กลัวว่าลูกจะถูกคนอื่นล้อเลียน กลัวว่าเมื่อโตขึ้นมาลูกจะอยู่ยังไง ดังนั้นแม่จึงยอมสละดวงตาหนึ่งข้างของแม่ให้กับลูก

ลูกเป็นลูกของแม่ แม่ทำให้ลูกเกิดมาเห็นโลกใบนี้ แม่รู้สึกภูมิใจในตัวลูกมาก แม่อยู่ตรงนี้ใช้ดวงตามองเห็นสิ่งต่างๆมาเพียงพอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าลูกจะทำอะไรกับแม่ แม่ไม่เคยรู้สึกเสียใจน้อยใจ หลายๆครั้งที่ลูกโมโหแม่ ต่อว่าแม่ แม่ก็จะบอกตัวเองเสมอว่า เพราะลูกรักแม่จึงได้ทำแบบนั้น

มาถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกเสียใจรู้สึกผิดที่มองแม่แบบนั้นมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรมันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ขอบคุณเนื้อหาจาก BLOGSPOT

​អត្ថបទចំណេះដឹងៈFacebook


          Facebookជាបណ្ដាញសង្គម(Social Network)មួយដែលមានឈ្មោះបោះសំឡេងជាងគេបំផុតលំដាប់លេខមួយក្នុងចំណោមបណ្ដាញសង្គមល្បីៗមួយចំនួនទៀតដូចជាInstagram Twitter Line Flickr Outlook និងVimeoជាដើម។ហើយសូម្បីតែនៅប្រទេសកម្ពុជាយើងក៏មានមនុស្សមិនតិចដែរ ដែលបានស្គាល់”Facebook”នេះ។ទោះជាយ៉ាងណាក៏ដោយ ក្នុងចំណោមអ្នកប្រើប្រាស់Facebookជាងមួយពាន់លាននាក់ទូទាំងពិភពលោកនេះ មានមនុស្សតិចណាស់ដែលបានដឹងច្បាស់អំពីបណ្ដាញសង្គមយក្សមួយនេះ។ហេតុនេះហើយទើបថ្ងៃនេះខ្ញុំក៏សរសេរអត្ថបទជូនអ្នកទាំងអស់គ្នាឱ្យបានយល់ច្បាស់អំពីFacebookដែលលោកអ្នកកំពុងតែប្រើនេះ។ទាំងនេះជារឿងទាំង១១ដែលអ្នកគួរដឹងអំពីFacebook៖

         ១.Facebookត្រូវបានបង្កើតឡើងនៅថ្ងៃពុធ ទី១៤ ខែកុម្ភៈ ឆ្នាំ២០០៤ ដោយស្ថាបនិកចម្បងលោកម៉ាក ហ្សាក់កឺបឺក(Mark Zuckerberg)។

         ២.Facebookមានទីស្នាក់ការកណ្ដាលនៅរដ្ឋកាលីហ្វរញ៉ា(California) សហរដ្ឋអាមេរិក មានបុគ្គលិកចំនួន៨៣៤៧នាក់(២០១៤) និងមានទ្រព្យសម្បត្តិសរុបចំនួន៤០.១៨ពាន់លានដុល្លារអាមេរិក។

          ៣.មុនដំបូង Facebookមានឈ្មោះដើមថាThefacebook។

          ៤.ក្រុមហ៊ុនFacebookត្រូវបានស្ថាបនាឡើងដោយផ្ដើមចេញពីប្រាក់ដើមទុនចំនួន៨៥០០០ដុល្លារអាមេរិក។

          ៥.បច្ចុប្បន្ននេះFacebookមានជាង៧០ភាសាទូទាំងពិភពលោក។

          ៦.Facebookត្រូវបានប្រើប្រាស់ដំបូងដោយនិស្សិតនៅមហាវិទ្យាល័យហាវើត(Harvard)។

          ៧.អ្នកប្រើប្រាស់Facebookទូទាំងពិភពលោកមានចំនួន១.៣២ពាន់លាននាក់ ដោយក្នុងនោះមាន៦០%មានអាយុចន្លោះពី១៥ទៅ២៤ឆ្នាំ។

          ៨.ក្នុងមួយថ្ងៃ មានរូបភាពជាង៣៥០លានត្រូវបានបង្ហោះ(Post) មានចំនួនLikeដល់ទៅ៤.៥ពាន់លានLike ហើយមានសារចំនួន១០ពាន់លានត្រូវបានផ្ញើឱ្យគ្នាទៅវិញទៅមក។

          ៩.ស្ថាបនិកFacebookបានក្លាយជាមហាសេដ្ឋីវ័យក្មេងជាងគេក្នុងពិភពលោក ដែលមានទឹកប្រាក់ជាង៤៤ពាន់លានដុល្លារអាមេរិកក្នុងអាយុ៣២ឆ្នាំ(គិតត្រឹមឆ្នាំ២០១៦)។

          ១០.Facebookមានទំព័រ(Page)ដែលត្រូវបានបង្កើតឡើងដោយគណនីទូទៅចំនួន៤២លានទំព័រ។

          ១១.Thefacebookបានប្តូរឈ្មោះជាFacebookនៅថ្ងៃអង្គារ ទី២០ ខែកញ្ញា ឆ្នាំ២០០៥។

          

          Facebookជាបណ្ដាញសង្គមមួយដែលផ្ដល់ឱ្យមនុស្សគ្រប់គ្នានូវឯកសារចំណេះដឹងនិងអ្វីផ្សេងទៀតដ៏ច្រើនសន្ធឹកសន្ធាប់។Facebookត្រូវបានគេប្រើប្រាស់ក្នុងន័យពីគឺ៖

          ១.ដើម្បីប្រើប្រាស់ៈមនុស្សមួយចំនួន(តូច)បានយកFacebookជាឃ្លាំងក្នុងការស្រាវជ្រាវរាវរកឯកសារដែលពាក់ព័ន្ធនឹងចំណេះដឹងទូទៅ បច្ចេកវិទ្យា ភាសាបរទេស កសិកម្ម ការងារ វិទ្យាសាស្រ្តនិងអ្វីផ្សេងទៀត។

          ២.ដើម្បីលេងៈមនុស្សមួយចំណិតធំដែលលេងFacebookបានយកវាមកជាប្រអប់សារមួយទៅវិញ គឺពួកគេចូលចិត្តផ្ញើសារអូនបងឆ្លងឆ្លើយ បង្ហោះរូបភាពផ្សេងៗជាដើម។

          រវាងរបៀបទាញយកប្រយោជន៍ពីFacebookទាំងពីររបៀបនេះ ខ្ញុំសូមណែនាំឱ្យអ្នកទាំងអស់គ្នា”ប្រើប្រាស់”ជាជាង”លេង”។Facebookត្រូវបានបង្កើតមកក្នុងគោលដៅសំខាន់គឺដើម្បីីឱ្យមនុស្ស”ប្រើប្រាស់”វា។នៅពេលសព្វថ្ងៃនេះ នៅលើFacebookរបស់ប្រជាជនខ្មែរស្ទើរតែទាំងអស់គឺនិយមប្រើប្រាស់ភាសាងាយៗ(Basic)ដែលបង្កើតឡើងដោយខ្លួនគាត់ផ្ទាល់ដូចជាខ្ញុំទៅជាnhom សំណព្វចិត្តទៅជាnop70 ស្រីទៅជាzéí ប្រុសទៅជាpozzអីជាដើមហ្នឹង។មិនតែប៉ុណ្ណោះមានមនុស្សមួយចំនួនទៀតគាត់សរសេរជាភាសាខ្មែរដែរ ប៉ុន្ដែគាត់សរសេរជាគ្រាមភាសាទៅវិញដូចជាខ្ញុំទៅជាញ៉ុមឬញុំ ឥឡូវហ្នឹងទៅជាលូវនឹង ថ្ងៃទៅជាង៉ៃនិងពាក្យជាគ្រាមភាសាដទៃទៀត។បន្ទាប់ពីបងប្អូនបានអានអត្ថបទនេះហើយ សូមមេត្តាជួយចែករំលែកដើម្បីជាចំណេះដឹង ជូនទៅដល់អ្នកដទៃទៀតឱ្យបានដឹងដូចជារូបអ្នកដែរ។អរគុណដែលខិតខំប្រឹមប្រែងអានអត្ថបទនេះពីដើមដល់ចប់។ការអានរបស់លោកអ្នកបានជំរុញកម្លាំងចិត្តរបស់ខ្ញុំបានឱ្យមានកម្លាំងចិត្តក្នុងការសរសេរអត្ថបទអប់រំផ្សេងៗទៀតបន្ថែម។

សរសេរដោយ : កេន ស៊ីដនី
កំពង់ចាម ថ្ងៃទី៨កើត ខែស្រាពណ៍ ឆ្នាំវក អដ្ឋស័ក ព.ស.២៥៦០

จันทรคติภาษาเขมร ทุกวันนี้ก็ยังใช้กันอยู่

10670245_770788462981311_229345489392999817_n[1]

ภาษาเขมร อ่านว่า ภาษาไทย អានថា
មិគសិរ มิกะเซร์ อ้าย អាយ
បុស โบ๊ะส์ ยี่ យី
មាឃ អានត-อ่านต่อ

សូមបងប្អូនប្រុងប្រយ័ត្នក្នុងការទទួលទានទឹកកក

image

ទឹកកកដែលគ្មានស្តង់ដារអាចបង្ករគ្រោះថ្នាក់ដល់សុខភាពណាស់ ព្រោះក្នុងការផលិតទឹកកកអាចប្រើជីគីមីដែលមានលក្ខណៈគីមីស្រដៀងទៅនឹងអំបិលតែគ្មានរសជាតិប្រៃ ដែលមាននាទីធ្វើឲ្យសីតុណ្ហភាពធ្លាក់ចុះលឿន។ បងប្អូនអាចធ្លាប់ឃើញគេធ្វើការ៉េមដែលគេប្រើអំបិលលាយទឹកកកដើម្បីឲ្យការ៉េមរឹង បើមិនដាក់អំបិលទេ ការ៉េមមិនរឹងឡើយ។ ចំណែកក្នុងការផលិតទឹកកកវិញក៏ក៏មិនខុសគ្នាដែរ មានអ្នកផលិតមួយចំនួយចង់ចំណេញពេលនិងថ្លៃភ្លើងដាក់ជីគីមីចូលទៅក្នុងទឹកកកតែម្ដងក្នុងគោលបំណងធ្វើអោយទឹកកកលឿន ព្រោះជីគីមី ឬជីសបើដាក់ក្នុងទឹកបរិមាណល្មម វាគ្មានរសជាតិទេ។

Ice-for-tree

បងប្អូនអាចសង្កេតទៅលើរូបភាពខាងលើ ហេតុអ្វីបានជាឡានដឹកទឹកកកពុកលឿនម្លេះ? ហើយបងប្អូនដែលឮគេនិយាយទេថាយកទឹកដែលរលាយពីទឹកកកទៅស្រោចដំណាំ ឬផើងផ្កាទេ? ដំណាំឬផ្កាក្នុងផើងនឹងល្អជាងមុន គេថាព្រោះទឹកត្រជាក់ធ្វើឲ្យដើមឈើល្អ តែតាមពិត ក្នុងទឹកប្រាកដជាមានសារធាតុជីគីមីមិនខានទេ។

10 พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็ว

วันนี้เกร็ดความรู้มี 10 พฤติกรรมที่ทำให้สมองฝ่อเร็วมาบอกกัน…

1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี่จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น

3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคสมองฝ่อและโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาของสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกาย การสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน การอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้

7. นอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมอง การขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

Cr. นานาสาระ กับ เคล็ดลับสุขภาพที่ดี

แจกสูตรก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สำหรับทำเป็นอาชีพ

​แจกสูตรก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สำหรับทำเป็นอาชีพ ฟรี!!!

วัตถุดิบและเครื่องปรุงมีดังนี้….
– เส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดใดก็ได้ตามชอบ แต่วันนี้แอดมินเลือกใช้เส้นบะหมี่ไข่ค่ะ
– น่องไก่ 8 น่อง
– โครงไก่ 2 โครง
– ถั่วงอก
– ผักกาดหอม
– ต้นหอม
– ผักชี
– เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ 15 ดอก
– หอมใหญ่ปอกเปลือก 2 หัว
– ตังฉ่าย
– เครื่องเทศสำหรับตุ๋น 2 ชุด
– อบเชยยาว 4 นิ้ว 4 ท่อน
– โป๊ยกั๊ก 4 ดอก
– ใบกระวาน 2 ใบ
– น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วยตวง
– กระเทียมดอง 3 หัว
– ข่าหั่นแว่น 4 แว่น
– ผักชี 10 รากใหญ่
– พริกไทยเม็ด 1 ช.ช.
– กระเทียมไทยแกะกลีบ 2 หัว
– กระเทียมเจียว
– น้ำตาลมะพร้าว 170 กรัม
– ซีอิ้วขาวสูตรห้า 16 ช.ต.
– ซอสปรุงรสแม็กกี้ 15 ช.ต.
– ซีอิ้วดำ 2 ช.ต.
– เกลือป่น 2 ช.ต.
– น้ำมันงา 1 ช.ต.
– เหล้าจีน 2 ช.ต. (หากไม่มีก็ใช้แม่โขงแทน)
– น้ำมัน 1 ช.ต.
– น้ำเปล่า 9 ลิตร
– มะระจีน 1 ลูก
– พริกไทยป่น

วิธีทำก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ
1. นำมะระมาผ่าครึ่งตามยาว นำเอาไส้ออกให้หมด จากนั้นนำแต่ละซีกมาผ่าครึ่งตามยาวอีกครั้ง จากนั้นหั่นขวางให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม นำไปล้างให้สะอาด

2. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด เติมเกลือป่นลงไป 1 ช.ต. พอน้ำเดือดพล่านจึงนำมะระลงต้ม

3. ต้มด้วยไฟกลางๆแค่พอสุก ช้อนมะระขึ้นจากหม้อ นำลงล้างในน้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ สะเด็ดน้ำพักไว้

4. นำรากผักชี 5 รากโขลกกับพริกไทยเม็ดและกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นนำไปผัดกับน้ำมัน 1 ช.ต. ด้วยไฟอ่อน ใส่โป๊ยกั๊ก อบเชย ใบกระวาน และข่าลงไปคั่วเข้าด้วยกันจนเกิดกลิ่นหอม

5. ใส่น่องไก่ลงไปผัดเข้าด้วยกัน ใส่เหล้าลงไปผัดคลุกเคล้าแค่พอหนังไก่ตึงๆ จากนั้นให้เติมน้ำลงไป 1 ลิตร ใส่เครื่องตุ๋น 1 ชุด ตามด้วยเห็ดหอม น้ำมันงา 1 ช.ต. ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม ซีอิ้วขาว 4 ช.ต. ซอสแม็กกี้ 3 ช.ต. และให้สีสันด้วยซีอิ้วดำ 1 ช.ต. ต้มด้วยไฟแรงพอเดือดจึงหรี่ไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ปิดฝาตุ๋นจนกระทั่งเนื้อไก่เปื่อยนุ่มได้ที่ตามต้องการ จึงยกลงแล้วตักเอาแต่เฉพาะน่องไก่แยกพักไว้ ส่วนที่เหลือเราก็จะนำไปต้มผสมกับน้ำซุปค่ะ

6. นำน้ำเปล่า 8 ลิตรเทใส่หม้อใบใหญ่ จากนั้นจึงนำส่วนผสมที่ได้จากการตุ๋นน่องไก่เทใส่ลงไป นำขึ้นตั้งไฟแรง ใส่หอมใหญ่ รากผักชี 5 ราก น้ำกระเทียมดอง กระเทียมดอง เครื่องตุ๋น 1 ชุด ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว 70 กรัม เกลือป่น 1 ช.ต. ซอสแม็กกี้และซีอิ้วขาวอย่างละ 12 ช.ต. ซีอิ้วดำ 1 ช.ต. ปิดฝาหม้อต้มให้เดือด

7. เมื่อเดือดแล้วจึงใส่โครงไก่ หากจะให้ดีโครงไก่ควรถลกหนังและตัดตูดออก ลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ปิดฝาต้มจนกระทั่งน้ำซุปรสชาติได้ที่ ใส่มะระที่ต้มน้ำทิ้งแล้วลงไป ต้มพอมะระลอยขึ้นก็ช้อนมะระแยกไว้ มะระจะได้ไม่เละจนเกินไป หากมีน้ำมันไก่หรือฟองลอยบนน้ำซุปก็ให้พยายามช้อนออกเท่าที่จะทำได้นะคะ น้ำซุปจะได้ใส และไม่มันเลี่ยนค่ะ

8. เตรียมส่วนผสมอื่นๆให้พร้อม ซึ่งประกอบไปด้วยกระเทียมเจียว ต้นหอมผักชีซอย ถั่วงอกลวก และเส้นบะหมี่ที่ลวกคลุกน้ำมันกระเทียมเจียวไว้แล้ว รองก้นชามด้วยผักกาดหอม ถั่วงอกลวก เส้นบะหมี่ลวก ตามด้วยน่องไก่ตุ๋น มะระ จากนั้นจึงตักน้ำซุปและเห็ดหอมใส่ลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอมผักชีซอย กระเทียมเจียว และพริกไทยป่นค่ะ

Cr. สูตรอาหาร http://pantip.com/topic/33163830

​วิธีการต้มมะระ ไม่ให้มีรสขม

ขึ้นชื่อว่า  “มะระ”  ใครต่อใครก็ต้องนึกถึงรสชาติที่ขม จนไม่มีใครอยากรับประทานเอาเสียเลย วันนี้เรามีเคล็ดลับการทำมะระไม่ให้มีรสขม หรือจะมีก็เหลือรสขมให้น้อยที่สุด

1. เลือกมะระที่ผลสีเขียว มีผิวตึงใส ไม่มีสีเขียวหรือสีเหลือง นำมะระมาหั่นและควักไส้ให้สะอาด แล้วแช่ลงในน้ำเกลือ ( อัตราส่วน น้ำ 1 ลิตร ต่อ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ) แช่มะระในน้ำเกลือไว้ประมาณ 20 นาที 
2. หลังจากนั้นนำมะระขึ้นจากน้ำเกลือ และแช่ไว้ในน้ำเปล่าเป็นเวลา 10 นาที แล้วเอาขึ้นจากน้ำ นำมาหั่นเป็นท่อนหรือเตรียมสำหรับยัดไส้
3.ต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่มะระลงไป ปิดฝาไว้ ห้ามเปิดจนกว่ามะระจะสุก เมื่อมะระสุกแล้วค่อยปรุงรสตามใจชอบ แค่นี้เราก็จะได้แกงจืดมะระที่ไม่มีรสขม หรืออาจมีรสขมเล็กน้อย
สรรพคุณของมะระ
“มะระ”  มีรสชาติขมจนไม่อยากจะรับประทาน ภายใต้หน้าตาที่อัปลักษณ์ของมัน ถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาปฏิวัติการกินเสียใหม่นะคะ ชาวเอเชียรู้จักกันดีถึงสรรพคุณของมะระ แต่ชาวฝั่งตะวันตกกลับกลัวที่จะกินมัน ทั้งที่ยังไม่รู้ประโยชน์ที่แสนจะอัศจรรย์ของมันแม้แต่น้อย เรามาดูประโยชน์ของมะระกันเลยดีกว่านะคะ

อย่างแรกเลย คือ ความขมของมะระนั้นสามารถช่วยให้เราเจริญอาหาร เพราะสารขมที่อยู่ในมะระนั้นจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อย ออกมามากจึงทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งเราอาจจะนำมะระไปลวก หรือเผาไฟจิ้ม แล้วนำมาจิ้มกับน้ำพริกก็ได้
และอีกคุณประโยชน์ก็คือ สามารถบำบัดและรักษาโรคเบาหวานระยะเริ่มต้น ด้วยสารอาหารในมะระ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับและโรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้ โดยรับประทานมะระดิบเป็นประจำจะช่วยได้ค่ะ

นอกจากนี้มะระยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี1 – บี3, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม, เป็นต้น

***ข้อควรระวัง

– ห้ามรับประทานมะระสุก เพราะมะระสุกมีสารซาโปนินอยู่มาก ซึ่งมีผลให้คลื่นไส้ อาเจียน

– มะระมีฤทธิ์เป็นยาระบายอย่าทานมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องเสียได้

แหล่งที่มา :
http://www.foodietaste.com
http://www.healthmee.com
ขอบคุณ ทรูปลูกปัญญา

เขียนชื่อภาษาเขมร ใครอยากมี เม้นต์มาเลยครับ 

เดี๋ยวแอดมินเขียนให้ 50 คนแรกเท่านั้น

เม้นชื่อภาษาไทยมา เดี๋ยวแปลเป็นเขมรให้ทันที

เริ่ม=>

សេវាកម្មប្រែភាសា ថៃ ខ្មែរ អង់គ្លេស รับแปลภาษา เขมร ไทย อังกฤษ

Featured


ไทย เขมร

មានសេវាកម្មប្រែភាសា รับแปลภาษา

    • ខ្មែរ ថៃ – ថៃ ខ្មែរ เขมรเป็นไทย ไทยเป็นเขมร
    • អង់គ្លេស ថៃ – ថៃ អង់គ្លេស อังกฤษเป็นไทย ไทยเป็นอังกฤษ
    • អង់គ្លេស ខ្មែរ – ខ្មែរ អង់គ្លេស อังกฤษเขมร เขมรเป็นอังกฤษ

អានត-อ่านต่อ

ប្រភពដើម-ต้นกำเนิด ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

ภาษาเขมร : ប្រភពដើម, ដើមកំណើត

อ่านว่า : ปรอ ภบ เดิม, เดิม ก็อม เนิด

แปลว่า : អានត-อ่านต่อ

​អត្ថប្រយោជន៍នៃ ក្រូចឆ្មា

ក្រូចឆ្មាត្រូវបានគេ ទទួលស្គាល់ថា ជាភ្នាក់ងារជួយអោយស តាមបែបធម្មជាតិ ។ វាក៏សំបូរទៅដោយជាតិវីតាមីន C ដ៏ច្រើនលើសលុបផងដែរ ។ ដូច្នេះហើយថ្ងៃនេះ យើងខ្ញុំសូមលើកយក អត្ថប្រយោជន៍ ទាំង ៧ យ៉ាងដើម្បីសំរស់របស់អ្នក ៖

១. ក្រូចឆ្មាប្រើសំរាប់ សំណើមបបូរមាត់

មានផលិតផល និង កត្តាជាច្រើន ធ្វើអោយប៉ះពាល់ ដល់សុខភាពបបូរមាត់របស់អ្នក, ធ្វើអោយវាមើលទៅស្ងួត អានត-อ่านต่อ

​น้ำตาเพชร

เจ้าเมืองแห่งหนึ่ง มีพระธิดาอยู่ 3 พระองค์ พระธิดาแต่ละองค์มีความงามเป็นเลิศและเป็นที่เล่าลือไปทั่วทุกถิ่นแคว้น


แต่สิ่งที่ติดมาตั้งแต่เกิดของพระธิดาทั้ง 3 ก็คือ ทุกครั้งที่ร้องไห้ หยดน้ำตาจะกลายเป็นเพชรที่งดงามล้ำค่ามาก

เมื่อเจ้าเมืองเห็นว่าพระธิดาของตนได้เวลาเลือกคู่ครองแล้ว จึงได้ประกาศให้เจ้าชายในเมืองต่างๆได้ทราบ
หลังจากประกาศได้ 1 เดือนตามกำหนด ก็มี អានត-อ่านต่อ

តុក្កតា ASEAN Cartoon การ์ตูนอาเซียนชุดใหม่

กราบขออภัยเจ้าของภาพแท้ๆด้วยน่ะครับ
ผมโหลดจากเฟสอีกที จอให้แฟนเพจเอาไปใช้งานตามความเหมาะสม
แล้วก็ขออวยพรให้เจ้าของภาพมีแต่ความสุขนะครับ
ASEAN NEW (1) ASEAN NEW (9)ASEAN NEW (7)ASEAN NEW (3)ASEAN NEW (6)ASEAN NEW (2)ASEAN NEW (8)ASEAN NEW (10)ASEAN NEW (5)ASEAN NEW (4)

វិធីផលិតចំណីធម្មជាតិដើម្បីចិញ្ចឹមមាន់យកស៊ុត

វិធីផលិតចំណីធម្មជាតិសម្រាប់សត្វមាន់ គឺងាយផលិត និងសុទ្ធតែជាវត្ថុធាតុដើមងាយប្រមូល ហើយមិនប៉ះពាល់សុខភាព។
ក្នុងការចិញ្ចឹមមាន់ ទាមទារឲ្យអ្នកចិញ្ចឹមចេះ អានត-อ่านต่อ

អស់សំាង เอาะส์ ซัง

អស់សំាង เอาะส์ ซัง – หมด น้ำมัน = น้ำมันหมด คำว่า เอาะส์ หมายถึง หมด, หมดสิ้น ส่วนคำว่า ซัง ในที่นี้หมายถึงน้ำมันเบนซิน และน้ำมันโซล่า คนเขมรเขาเรียกว่า ” มาซูด ”

image

Cr. Viroj Tuntikula

ការស្លៀកពាក់បែបប្រជាជនធម្មតារបស់ខ្មែរកាលពីជំនាន់សង្គមរាស្ត្រនិយម

ការស្លៀកពាក់បែបប្រជាជនធម្មតារបស់ខ្មែរកាលពីជំនាន់សង្គមរាស្ត្រនិយម
การแต่งกายทีีสุภาพเรียบร้อยที่สุดในยุคเกือบร้อยปีที่ผ่านมาของชาวเขมร

image

Cr. Viroj Tuntikula 

7 คำพูดดีๆ ที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่

image

เชื่อไหมว่า? สิ่งสำคัญที่ลูกๆ อยากได้จาก พ่อ-แม่ มากที่สุด อาจจะไม่ใช่เงินทองหรือของมีค่า แต่เป็นความรัก ความเอาใจใส่ของพ่อ-แม่ มากกว่า .. นี้เป็น 7 คำพูดที่ลูกๆ อยากได้ยินจาก “พ่อ-แม่” ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะการณ์ที่แย่หรือดี สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือกำลังใจจากพ่อและแม่นั่นเอง

1. พ่อแม่รักลูกนะ

การบอกรักลูก เป็นคำพูดที่ทรงพลังและมีความหมายที่สุด เพราะความรักที่ดีที่สุดคือการเริ่มต้นจากที่บ้าน หากลูกไม่เคยได้ยินคำบอก “รัก” ออกจากปากพ่อแม่ก่อน ก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าลูกจะได้ยินคำนี้จากใคร

2. พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ

การให้คำชม เมื่อลูกทำสิ่งที่ถูกต้องหรือดีงาม เป็นรางวัลที่ดีที่สุดมากกว่าการซื้อของขวัญให้เป็นการตอบแทน เพราะนั่นจะทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง และพยายามทำสิ่งที่ตั้งใจได้อย่างประสบความสำเร็จ

3. พูด “ขอโทษ” แบบไม่ต้องอายลูก

ใครๆ ก็สามารถทำผิดได้เหมือนกันหมด การกล่าวคำว่า “ขอโทษ” ในยามที่พ่อแม่ผิด ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก เพราะเขาจะได้เรียนรู้ว่า หากการกระทำใดๆ ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ (หรืออาจจะตั้งใจ) การขอโทษ คือสิ่งที่ควรทำอันดับแรก จำไว้ว่าเด็กๆ เรียนรู้เพียงเล็กน้อยจากสิ่งที่เราพูด แต่พวกเขาจะเรียนรู้มากขึ้นจากสิ่งที่เราทำ และจะเรียนรู้มากที่สุดจากสิ่งที่เราเป็น

4. แม่ให้อภัยลูกจ้ะ

เด็กยิ่งโตก็ยิ่งเริ่มมีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และที่ตามมาคือการกระทำแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ยังไงลูกก็เป็นลูกของเราเสมอ พ่อแม่ยินดีที่จะกล่าวคำว่า “ให้อภัยลูก” และให้เหตุผลต่อลูก เด็กๆ จะเรียนรู้และไม่พยายามที่จะทำผิดพลาดอีก

5. แม่คอยรับฟังลูกอยู่เสมอนะ

เมื่อลูกกำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มมีโลกส่วนตัวและเป็นตัวของตัวเอง พ่อแม่ก็เริ่มที่จะไปบังคับหรือสอนให้ลูกทำอะไร ไม่ได้เหมือนตอนเล็กๆ แล้ว แต่สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ดีที่สุดสำหรับลูกวัยนี้ก็คือ การตั้งคำถามให้คิดและการพร้อมที่จะยอมรับฟังลูกใน “ทุกเรื่อง” ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกสามารถตัดสินใจได้อย่างมีวุฒิภาวะ และเชื่อมั่นในตนเอง

6. นี่คือสิ่งที่ลูกต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง

พ่อแม่ไม่ควรช่วยลูกแก้ปัญหาไปหมดทุกอย่าง เพราะการเข้าไปแก้ปัญหาให้ลูก แทนที่จะคอยดูอยู่ห่างๆ เพราะความที่ห่วงใย จะทำให้ลูกเข้าใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรให้ลูกพยายามลองแก้ปัญหาในสิ่งที่เขาทำผิด หรือควรที่จะรับผิดชอบ และ เราควรจะเป็นแม่ไก่ที่คอยดูลูกไก่เขี่ยหาอาหารเองอยู่ห่างๆ โดยไม่เข้าไปช่วย ควรจะเป็นเหมือนโค้ชที่คอยสอนลูกอยู่ข้างสนามเมื่อเขาต้องลงแข่งขันเอง คอยเชียร์ คอยเป็นกำลังใจ และให้คำแนะนำ สิ่งที่หัดให้ลูกรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง จะทำให้เขามีความเข้มแข็งและรู้จักแก้ปัญหาเองได้

7. ลูกอยากเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น

การที่ลูกเติบโตจะเป็นอะไร เป็นสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่หลายคนมักจะคาดหวังและตั้งความหวังในตัวลูก แต่สิ่งที่สำคัญคือการรับรู้ในความสามารถ และเชื่อมั่นในตัวของลูก มากกว่าการที่พ่อแม่ต้องการให้เป็น เมื่อถึงเวลาเราสามารถบอกลูกได้ว่า “ลูกอยากจะเป็นอะไรก็ได้” พ่อแม่จะเป็นคนคอยสนับสนุนในสิ่งที่ลูกอยากเป็น เพื่อให้เขาสามารถเตรียมตัวและพร้อมที่จะเผชิญสถานการณ์ต่อการไปสู่เป้าหมายและความฝันของเขาในอนาคต

(Cr : Kaijeaw)

เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก สู่ การ์ตูนเอนิเมชั่น

เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก สู่ การ์ตูนเอนิเมชั่น ความรู้ ธรรมะสอนใจ แล้วคุณจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร
1ย้อนเวลา

2 มงคลจักรวาล

3 กัป

4 อรูปภูมิ

5 รูปภูมิ

6 จาตุมหาฯ

7 ดาวดึงส์

8 ยามาภูมิ

9 อมร

10 บุปพวิเทหฯ

11 อุตรกุรุฯ

12 ชมพูทวีป

13 ป่าหิมพานต์

14 มนุษย์ภูมิ

15 อสูรภูมิ

16 เปรตภูมิ

17 ราชสีห์

18 ช้างแก้ว

19 ปลาใหญ่

20 ครุฑ

21 นาค

22 เดรฉาน

23 มหานรก 8 ขุม

24 นรกบ่าว

25 โลกันตร์นรก

26 นรกภูมิ

27  อบายภูมิ

28 เทวดา

29 นิพพาน

อนุโมทนาบุญกับทีมงานผู้สร้างทุกท่าน แชร์ต่อ=บุญ