សេចក្ដីសំបុត្រ!  ជូនចំពោះកូនជាទីស្រឡាញ់ 

សេចក្ដីសំបុត្រ!  ជូនចំពោះកូនជាទីស្រឡាញ់  
ភ្ជុំបិណ្ឌឆ្នាំនេះ តើកូនសុខសប្បាយដែរទេ? ម៉ែសុខសប្បាយជាធម្មតាទេ  កុំបារម្មណ៍ពីម៉ែអី  ភ្ជុំបិណ្ឌឆ្នាំនេះ កូនមិនចាំបាច់មកលេងម៉ែទេ ព្រោះកាលពីភ្ជុំបិណ្ឌឆ្នាំទៅម៉ិញ​ ម៉ែបានលក់ស្រូវដើម្បីផ្ញើឱ្យកូន ជាសោហ៊ុយធ្វើដំណើរមកលេងម៉ែ ហើយពេលកូនត្រឡប់ទៅវិញម៉ែក៏បានទៅសងថ្លៃស្រាដែលកូនបានជឿចិនយកមកផឹកស៊ីរួចហើយដែរ  ម៉ែសុខសប្បាយទេ កូនមិនបាច់មកទេឆ្នាំនេះ៕  
ពីម្តាយ

ให้ทาย เขาทำอะไรกันที่นี่

ตอนนี้ผมอยู่ที่สวรรณะเขต(สะกดถูกไหมหรอก) สปปลาว วันนี้วันที่ ๓๐ เย็นๆแบบนี้ตามชุมชน ข้างถนนมีหนุ่มสาวตั้งโต๊ะเก้าอี้นั่งรออะไรบางอย่างโดยมีปากกา กระดาษอะไรบางอย่าง พร้อมเครื่องคิดเลขคนละเครื่อง ถามว่าเขานั่งรออะไรกัน แล้วเขาทำแบบนี้เดือนละกี่ครั้ง?

ใครไม่รู้ให้ทาย ใครรู้บอกผมด้วย ผมก็ไม่รู้ พอดีผ่านมาเห็นครับ อิอิอิ

อันนี้เนื้อหาเยอะเลยครับ

อันนี้ก๊อปจากที่อื่นมา คิดว่าน่าจะมีตรงกันบ้าง เดี๋ยวว่างๆอัดคลิปสอนเลยดีไหม เอาเป็นว่า สมาชิกเพจถึง 2500เมื่อไหร่ คลิปสอนออกเสียงจะออกทุกอาทิตย์
อ้ะ ลองดู

คำสามัญ           คำราชาศัพท์
นอน          =      จำวัด
อาหาร       =     ภัตตาหาร
โกนผม      =      ปลงผม
ยารักษาโรค =    คิลานเภสัช
กินอาหารเช้า =  ฉันเช้า
กินอาหารกลางวัน  =  ฉันเพล
ถวาย         =    ประเคน
ที่นั่ง   =   อาสนะ
เชิญ    =  นิมนต์
คนรู้จัก   =   อุบาสก, อุบาสิกา
ไหว้  =   นมัสการ
สวดมนต์  = ทำวัตร
อาหารเช้า  = ภัตตาหารเช้า
ตาย  =  มรณภาพ
เลี้ยงพระ  = อังคาส
เงิน   =   ปัจจัย
อาบน้ำ  =   สรงน้ำ
แต่งตัว  = ครองผ้า, ห่มจีวร
ถ่ายอุจจาระ   =  ไปถาน
แจ้งความผิด   =   ปลงอาบัติ
จดหมาย   =   ลิขิต
อาหารเพล   =   ภัตตาหารเพล
ป่วย   =   อาพาธ
กิน  =   ฉัน
ให้ขอแก่ภิกษุ  =  ขอถวาย
ของถวาย  =  ไทยธรรม
มอบให้   =  ถวาย
บิดามารดา =  โยม

ត្រយូងចេក-ปลีกล้วย ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

ภาษาเขมร: ត្រយូងចេក
อ่านว่า: ตรอโยงเจก
แปลว่า: ปลีกล้วย
អានថា: ព្លីគ្លួយ
ภาษาอังกฤษ: banana flower

ตัวอย่าง: ក្នុងចំការខ្ញុំមានត្រយូងចេកច្រើនណសស់។
อ่านว่า: អានត-อ่านต่อ

ដាក់ឈ្មោះ-ตั้งชื่อ ภาษาเขมรวันละคำ

ภาษาเขมร ដាក់ឈ្មោះ
อ่านว่า ดะก์ ฺชฺโมะฮ์ หรือ ชฺมัวะฮ์
แปลว่า ตั้งชื่อ

เน้นน่ะครับ ไม่ใช่ ตัง ชโมะฮ์

ក្បួនច្បាប់នៃការដាក់ឈ្មោះកូនចៅសម័យបុរាណ
នៅសម័យបូរាណ ខ្មែរដាក់ឈ្មោះកូនចៅ ទៅតាមក្បូនខ្នាត សឹងរកគ្រូអាចារ្យគន់គូរទស្សទាយ មើលតាមពាលារាសីត្រឹមត្រូវ។ ម្យ៉ាងទៀតចំនួនព្យាង្គក៏ ត្រូវស្របតាមវណ្ណៈគ្រួសារដែរ ដែលមានជាលំដាប់តាមពូជពង្សដូចតទៅៈ
ក. ចំពោះព្រះរាជបុត្រព្រះមហាក្សត្រ
ព្រះនាមនីមួយៗមានពីបួនព្យាង្គឡើងទៅដូចជា ព្រះរាជបុត្រព្រះបាទជ័យវរ្ម័ន្តទី៧ វិរកុមារ សុរិយកុមារ។
ខ. ចំពោះរាជវង្សានុវង្ស និងមន្រ្តីដែលព្រះរាជាតែងតាំងជាក្សត្រពេញអង្គ
ព្រះនាមត្រូវមានយ៉ាងច្រើនត្រឹមតែបីព្យាង្គ ដូចជា វិរយៈ ប៉ូរក្ខស៊ី ពិស្ណុលោក(មន្ត្រីរាជវង្ស)។
គ. ចំពោះបុត្រមន្ត្រី គហបតី និងមន្ត្រីកត្តិយស
នាមបុត្រត្រូវមានយ៉ាងច្រើនពីរព្យាង្គដូចជា សម្បត្តិ ចំរើន សុខា ។ល។
ឃ. ចំពោះបុត្រប្រជារាស្ត្រសាមញ្ញទូទៅ
នាមបុត្រមានតែមួយព្យាង្គឬមួយម៉ាត់ទេពោលគឺ ឈ្មោះ សុខ សៅ ម៉ែន ម៉ុក ជា គង់ ។ល។ បើរាស្ត្រណាបានធ្វើជាមន្ត្រីកាលណា គេគ្រាន់តែបន្ថែមទៅលើឈ្មោះទាំងនោះ នូវគោរម្យងារដូចជា ពញា ឧកញ៉ា ។ល។
(ស្រង់ចេញពីសៀវភៅ បរិវាស័ព្ទក្នុងភាសាខ្មែរ និពន្ធដោយស៊ីសុវត្ថិ ប៉ូរក្ខស៊ី ឆ្នាំ១៩៧២)

แม่ย่า

แม่สามีสั่งภรรยาโปรยข้าวสารริมถนนทุกคืน แต่เมื่อเพื่อนบ้านแอบบอกความจริงบางอย่าง ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา!

———————————————-
แม่สามีบางครั้งเหมือนกับศัตรูของภรรยา แต่บางครั้งก็เหมือนกับเป็นแม่อีกคนของภรรยา วันนี้มีเรื่องที่จะมาแชร์ค่ะ

ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 25 ปี ได้แต่งงานกับสามีของเธอที่อายุ 27 ปี ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนและใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก

ในที่สุดเธอก็ได้ตั้งครรภ์ทารกเพศชาย แต่เนื่องจากเธอได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ ทั้งแม่และลูกจึงอยู่ในสภาวะอันตรายที่จะคลอด โชคดีที่แพทย์สามารถช่วยชีวิตแม่ลูกทั้ง 2 ได้อย่างปลอดภัย

หลังจากนั้นเมื่อเด็กโตจนอายุได้ 10 ขวบ ภรรยาก็ตั้งครรภ์อีกครั้งหนึ่ง แต่การตั้งครรภ์ครั้งนี้ถือว่ามีอันตรายกว่าครั้งแรกมาก เนื่องจากภรรยายังมีโรคที่ยังรักษาไม่หายและยังมีความผิดปกติของร่างเหลือที่หลงเหลือจากครรภ์แรก ดังนั้นเธอจึงต้องประสบภาวะในการตั้งครรภ์อีกครั้ง

แต่สุดท้ายสามีและแม่สามีเห็นพ้องกันว่าไม่ควรเก็บเด็กไว้แต่เธอไม่ฟัง! เธอตัดสินใจคลอดลูกอีกครั้งหนึ่งและครั้งนี้แพทย์ได้ตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกและอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงอายุ 40 ปี

—————————–

ตั้งแต่ปีที่แล้วแม่สามีได้สั่งให้ภรรยาไปโปรยข้าวสารที่ข้างถนนทุกคืน ภรรยาถามถึงเหตุผลแต่แม่สามีก็ไม่เคยบอกเธอเลย บอกเพียงแค่ว่าหากทำแล้วเธอจะหายป่วย ภรรยาโปรยข้าวสารได้ประมาณเกือบครึ่งปีและมีอยู่คืนหนึ่งขณะที่เธอออกไปโปรยข้าวสารอยู่นั้นบังเอิญได้พบกับเพื่อนบ้าน

เมื่อเธอเห็นเพื่อนบ้าน เธอจึงเดินเข้าไปพูดคุยและเพื่อนบ้านถามเธอว่า “”””แม่สามีเป็นคนดีจริงๆ ข้าวสารนี้แม่สามีเป็นคนให้เธอกับมือใช่ไหม?”””” เธอจึงพยักหน้าตอบ “”””เธอไม่รู้ใช่ไหม? มีความเชื่อโบราณที่ว่าการโปรยข้าวสารไปตามท้องถนนคือการหยิบยืมขอชีวิต หากมีคนยินดีให้ข้าวสารที่แช่น้ำแล้วใส่ไว้บนมือผู้รับ เมื่อโปรยข้าวสารออกไปแล้วเท่ากับว่าคนที่ให้ข้าวสารยินดีให้หยิบยืมชีวิต””””

เมื่อภรรยาได้ยินเพื่อนบ้านพูดเช่นนี้ เธอจึงตกใจมากและกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป แม่สามีดีกับเธอมาก ตั้งแต่ที่แม่สามีรู้ว่าเธอเป็นมะเร็ง แม่ทำงานบ้านเองคนเดียวไม่ยอมให้เธอทำงานบ้านเลยแม้แต่น้อย เพราะแค่อยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ตอนนี้แม่สามียอมให้เธอหยิบยืมเพื่อต่อชีวิตของเธอตามความเชื่อ ถึงแม้จะเป็นแค่ความเชื่อเก่าๆแต่สำหรับคนแก่ที่มาจากบ้านนอก ที่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างแม่สามีแล้ว นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่ท่านจะสามารถทำได้แล้ว

ที่มา : เว็บไซต์ siamupdate

ការ៉េម-ไอติม ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ


ภาษาเขมร : ការ៉េម
อ่านว่า : กาเรม
แปลว่า : ไอติม
អានថា : អៃទីម់
English : Icecream

ตัวอย่าง : អាកាសធាតុក្ដៅអញ្ចឹងដូចជាចង់ញ៉ាំការ៉េមដល់ហើយ។
อ่านว่า : អានត-อ่านต่อ

คนจีน มี 5 คำ สอนตัวเรากับลูกหลานว่า ไม่ควรพูด

1.”ยาก” ពិបាក
พอพูดคำว่ายาก จะเป็นการบล็อคความสามารถทันที

2.”ทำไม่ได้” ធ្វើមិនកើត
จะเป็นการขับไล่ตัวจากสิ่งที่ทำ หรือปิดกั้นการเรียนรู้

3.”ท้อ” នឿយណាយ
เพราะเพียงคำนี้ผุดขึ้น พลังทั้งมวลทั้งร่างกายและจิตใจจะถดถอยสูญสิ้น

4.”ขี้เกียจ” ខ្ជិល
ไม่ควรแม้แต่พูดเล่น เพราะจะทำให้สร้างความไม่รับผิดชอบ

5.”เหนื่อย” ហត់
พอพูดคำนี้ออกมา ร่างกายก็จะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันทััน

อ่านแล้วอยากแชร์ต่อ การศึกษาไทยไม่ไปไหน เหมือนเดิม

การศึกษาไทยไม่ไปไหน…เหมือนเดิม!!!
โดย: Aj. Christopher

พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์สัปดาห์นี้พูดถึงการศึกษาไทยที่ยังดีไม่พอ (ซอฟท์ๆ ของคำว่าล้มเหลว)

ในฐานะที่ผมอยู่วงการการศึกษามานานพอสมควร ก็อยากจะฝากบอกทุกๆ ท่านว่าระบบไม่ดีเพราะคนทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องครับ แต่ทุกคนในบ้านเราก็จะชอบชี้นิ้วโทษคนนู้นคนนี้ว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะระบบการศึกษาบ้าง ครูบ้าง….blah blah…ที่จริงทุกคนมีส่วนครับ เรามาลองดูวงการสอนภาษาอังกฤษเป็นกรณีศึกษาว่าทำไมถึงล้มเหลว

1. กระทรวงกับนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา….กระทรวงได้เงินเยอะที่สุดหนึ่งกระทรวงของประเทศไทย….แต่เงินไปไหน…หายไปกับ corruption และโครงการที่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่แท้จริง …. ปัญหาของวงการสอนภาษาอังกฤษคือ ครูน้อยไปเด็กจึงเรียนกัน 50 คนต่อห้อง ครูดีๆ น้อยไปเด็กจึงไม่ได้การศึกษาที่ดี …. แต่ครูกลับเป็นข้าราชการที่หนี้สินเยอะสุด!!??

เงินเป็นพันๆ ล้านควรจะเอามาแบ่งครูไหมครับไม่ใช่เอาไปซื้ออุปกรณ์และตึกและเอาเงินไปให้ต่างชาติเพราะต่างชาติมาสอนเราแป๊บๆ มันก็ไป … แต่ครูไทยก็ยังเหมือนเดิม รัฐบาลควรเลิกทุ่มเงินไปที่วัตถุสิ่งของและตึกและชาวต่างชาติ และทุ่มเงินไปที่ครูไทยและการพัฒนาครูไทยอย่างแท้จริง

ผมเคยทำโรงเรียนรัฐ ผมก็ออกเพราะเงินไม่พอกินพอใช้ และเกียรติของการเป็นครูแบบความคิดสายเก่าไม่สามารถเอาไปแลกเป็นค่าผ่อนบ้านค่าใช้จ่ายของผมครับ

2. ครู…ในฐานะที่เป็นครูด้วยกัน ผมก็ต้องยอมรับว่าขนาดตัวผมที่ทำอะไรมาเยอะมากที่จะช่วยคนไทยให้พูดภาษาอังกฤษได้เยอะขึ้นและดีขึ้น… ก็ยังไม่สามารถที่จะมาพลิกสถานการณ์ได้ (พยายามต่อไป)…. แต่ปัญหาครูที่เจอในวงการสอนภาษาอังกฤษคือ ครูดีๆ เก่งๆ ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีในบ้านเรายังมีน้อย สอนภาษาอังกฤษจากตำราเพราะตัวเองยังใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตไม่เก่งหรือไม่ได้เลย

ครูต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาไม่ใช่ว่า มี smart phone แล้วแต่ยังสอน juice เป็นจุ๊ย สอนแต่ตำราเก่าๆ น่าเบื่อทั้งๆ ที่มีบทเรียนภาษาอักฤษสนุกๆ ในเน็ตเยอะมาก (Chris Delivery / CAT English / Mahidol Click .555)

ส่วนครูฝรั่งจำนวนมากก็ไม่ได้เป็นครูที่ดีขนาดนั้นเพราะหลายๆ คนเป็นแค่ฝรั่งที่อยากอยู่ไทย ไม่รู้จะทำอะไรกินก็สอนภาษาอังกฤษกันไป คนไทยก็ชอบตัดสินคนที่เปลือกนอกเสียด้วย เป็นฝรั่งใส่สูท เป็นครูไทยมีแค่ใบปริญญาก็จ้างแล้วโดยไม่ได้มีองค์ความรู้ที่ดีขนาดนั้น……ครูดีๆ มีน้อยเพราะคนที่องค์ความรู้ดีไม่อยากมาสอนเพราะเงินน้อย

ดังนั้นรัฐบาลและสถาบันต่างๆ ห้ามงกกับครู ต้องจ่ายเงินให้เขาเยอะๆ แต่ครูในยุคนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้มาก เพื่อทำให้นักเรียนได้ 4 ใจไปคือ เข้าใจ สนใจ ประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนอยากไปสานต่อนอกห้องเรียน ครูที่ดีต้องใส่พลังมากขึ้นในยุคนี้ ครูดีๆ ทั้งไทยและเทศมีอยู่ในเมืองไทย แต่ยังน้อยไปมาก

ผมออกจากโรงเรียนสอนภาษาเพราะเขาให้เงิน “ครูฝรั่ง” มากกว่าผมทั้งๆ ที่ฝรั่งเป็นแค่ฝรั่งมาเที่ยวไทย แต่ผมเป็นครูไทยที่มีการฝึกฝนที่ดี

ผมออกจากมหาวิทยาลัยเอกชนเพราะเขาไม่ขึ้นเงินให้ครูเพราะบอกเงินน้อย แต่ทุกปีเห็นขึ้นตึกใหม่ๆ ลงทุนกับของเยอะมาก

3. สถาบันการศึกษา….เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การศึกษาแย่ ได้เงินมาเยอะแต่แทนที่จะเอาให้ครูเยอะๆ ชอบไปลงทุนกับตึก อุปกรณ์ ให้หน้าตาโรงเรียนดู้ดี แต่ครูได้เงินน้อยเท่าเดิม บางโรงเรียนได้เงินน้อยก็ขอโทษนะครับแต่เงินต้องทุ่มไปที่คนก่อนของ ครูกับนักเรียน ไม่ใช่แค่ตึกกับอุปกรณ์ ส่วนโรงเรียนที่จน….รัฐบาล นักการเมือง และคนรวยมากๆ เขาชอบทำให้เราคิดว่าราชการไทยมีเงินน้อย…แต่ที่จริงประเทศเรามีเยอะกว่าทีเราคิดแต่เขาไม่ส่งมาเพราะจะเก็บไว้ให้ตัวเองและเพื่อลงไปแต่กับสิ่งของ

อีกอย่างสถาบันการเรียนการสอนของไทยชอบสอนวิชาที่มีสอง ย … ยากและเยอะไปกว่าคุณภาพของเด็กที่ตัวเองมี และชอบสอนเน้นไปทางติวสอบยากๆ เพราะอยากให้หลักสูตรตัวเองดูสูง….เด็กก็เรียนไม่ไหว สอบตกกันหมด …. ผมแนะนำไปให้เขาทำบทเรียนและข้อสอบให้ง่ายขึ้น…”นักวิชาการ” ที่เน้นแต่สายหนังสือไม่ใช่สายชีวิตจริงบอกว่าง่ายไป…. จะทำให้เราดูไม่ดี…..ผมก็สอนและให้เขาสอบตามนั้น แต่เราก็ต้องสอนให้สนุกเด็กจะได้เปิดใจ แต่อย่างไรมันก็ยากเกินไปและเด็กสอบตกเกินครึ่ง ผมให้นักเรียนเขามาเรียนใหม่ ไม่ให้ทำ “โปรเจคท์แลกเกรด” เพรานั่นไม่ใช่การวัดที่ดี… ปรากฎว่า โดนเรียกเข้าไปคุยว่าห้ามให้เด็กตกเกินครึ่งห้อง แล้วมาโทษว่าผมสอนไม่ดีด้วย!! สุดท้ายคือ curve คะแนนให้ผ่านเกือบทั้งห้อง!!! ผ่านไปทั้งๆ ที่ยังไม่เก่งอะไรเลย เด็กไทยห้ามตกเยอะ ห้ามซ้ำชั้นเยอะ แค่จ่ายเงินมานั่งแล้วรับใบปริญญาเลย!!! รับเด็กไม่เก่งเพราะอยากได้เงินเขา ได้เงินเยอะก็มาสร้าง แต่ทำหลักสูตรให้ยากเพื่อให้ดูดี

ผมออกจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเพราะเหตุนี้ด้วยครับ ทำให้บทเรียนยาก เน้นติวสอบ แต่ห้ามให้นักเรียนสอบตกเยอะไปและห้ามซ้ำชั้น ให้ผ่านไปเลย หรือ ช่วยให้เขาผ่านหน่อย

4. นักเรียน
นักเรียนสมัยนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย นักเรียนดีมีน้อย นักเรียนด้อยมีเยอะ
สำหรับผมนักเรียนดีไม่จำเป็นต้องเรียนดีฉลาดเกรดสูง แต่ขอให้มีความพยายามสูงและนิสัยดีก็พร้อมจะช่วย (ติวให้นะ ไม่ใช่ช่วยให้ผ่าน) แต่นักเรียนสมัยนี้ส่วนมากมีแต่
Dumbass โง่แล้วไม่แคร์
Jackass ชอบเล่นสนุกไร้สาระแล้วไม่แคร์
Smart ass อวดฉลาดแต่ไม่รู้
Badass เกเร ไม่สนใจเรียน
Cheap ass งกกับการเรียน
Lazy ass ขี้เกียจเรียน
Nice ass เน้นมาเรียนเพื่อมาโชว์ตูด โชว์สวย แต่ไม่ได้แคร์การเรียน แล้วคนพวกนี้เขารู้ว่าเขาแค่มาเช็คชื่อและมาสอบ เขาก็ผ่าน ผมเจอมาแล้วครับที่เด็กนัดสอบตกกันเพื่อให้ผ่านทั้งห้องและครูจะได้โดนด่าว่าสอนไม่มีประสิทธิภาพ

ผมลาออกจากการเป็นครูในระบบเพราะเจอนักเรียนแบบนี้เยอะเกินไปในยุคนี้

5. พ่อแม่
บ้านและพ่อแม่ถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันการเรียนและครูของเด็ก แต่สมัยนี้พ่อแม่ก็ไม่แคร์และไม่ให้เวลารวมถึงช่วยสอนลูก โยนแต่ให้ครูกับโรงเรียน พอลูกเรียนไม่ดีก็ไปด่าครูกับโรงเรียน ไม่ด่าลูกตัวเอง ลูกตัวเองไม่ฉลาด ก็จะยัดเงินให้ลูกผ่านหรือได้เรียน ใช้อำนาจข่มขู่ครูก็มี นักเรียนไม่เรียนหรือพฤติกรรมไม่ดี ครูก็ด่าหรือทำโทษไม่ได้อีก

ในการเรียนภาษาอังกฤษ พ่อแม่แทนที่จะพยายามเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่ก็ชอบก็ใช้ก็ฝึก แต่ไม่ กลับโยนปมด้อยตัวเองให้ลูก บังคับให้ลูกเรียน ให้ลูกพูดกับฝรั่ง แต่ตัวเองไม่สนใจ ไม่พูดกับฝรั่ง ที่บ้านไม่มีความเป็นภาษาอังกฤษเลย แต่อยากให้ลูกตัวเองเรียน English Program / Bilingual / Inter

ดังนั้นพ่อแม่ก็มีส่วนในระบบการศึกษาไทยที่จะต้องมอบสองหัวให้กับเขาจากที่บ้าน นั่นคือหัวสมองที่มีความรู้และหัวใจที่มีความดี แต่ถ้าพ่อแม่ไม่มีหัวสมองและหัวใจที่ดี หรือมีแต่ไม่มีเวลาที่จะส่งต่อให้ลูก ไม่ค่อยแคร์ที่จะมอบความรู้และความดีให้กับลูกหลาน ครูและระบบก็เหนื่อยต่อครับ

6. ดาราคนดัง คนรวย

ผมแทบจะไม่เคยเห็นดาราคนดังรณรงค์เรื่องการเรียนที่ดีหรือออกมาเป็นต้นแบบหรือทำโครงการเพื่อให้เยาวชนไทยเป็นคนฉลาดคนดี มีแต่โพสต์เรื่องราวการไช้ชีวิตแบบเน้นเปลือกนอก … ทำหน้า ทำนม ผิวขาว กินดีออกกำลังกายเพื่อจะได้ดูดี ใช้ของแพงแบรนด์เนม แต่งตัวโป๊ เที่ยว สนุกสนานเฮฮาอย่างเดียว….เป็น idol ที่ดีพอหรือเปล่า

ส่วนคนรวยชาวไทยมีกี่คนที่ทุ่มเทเงิน ทำโครงการดีๆ เพื่อการศึกษาไทยโดยเฉพาะเด็กยากไร้ ที่หลายๆ คนเป็นคนเก่ง เป็นคนดี และเป็นคนอยากเรียน

ที่เมืองนอกพวกเศรษฐีเขาให้เงินเป็นพันล้านเพื่อส่งเสริมการศึกษา แต่เศรษฐีไทยไม่ค่อยได้ยิน …. มีแต่ไปออกงานไฮโซ กินอาหารแพงราคา 1 มื้อเท่าเรากินหนึ่งปี ซื้อกระเป๋าใบละล้าน มีรถสปอร์ต 10 คัน ไปเมืองนอกทุกอาทิตย์ หาดาราเป็นแฟน

คนดังคนรวยต้องช่วยด้วยนะครับ ฝากคำคมผมไว้ให้ว่า

It’s not what you are or what you have but it’s what you do and what you give!

นี่เป็นโพสต์ที่ยาวที่สุดของผมเพราะผมเป็นห่วงอนาคตของประเทศเรา ประเทศชาติจะรอดจะเจริญ คนจะมีความสุขความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับ 2 หัวของคน ถ้าคนในหมู่มากมี,ความรู้ที่ดีในหัวสมองและความดีในหัวใจ เราจะรอด

โรงเรียน ภาษาเขมร วันนี้จะสอนเรื่องโรงเรียน

Related imageโรงเรียน ภาษาเขมรใช้คำว่า សាលារៀន ซาลาเรียน หรือตรงกับคำว่า ศาลาเรียน แต่คงไม่ได้เรียนที่ศาลาเนาะ

การจัดระบบการเรียนการสอนในประเทศกัมพูขาก็ไม่ต่างจากไทยเท่าไหร่ครับ ซึ่งเกือบจะเหมือนกันเลยแหละ แต่ทางไทยจะทุ่มเทให้การศึกษามากกว่าทางเขมร

มาเริ่มเลยดีกว่า

  1. សាលារៀន แบ่งออกเป็นระดับดังนี้
    • សាលាមត្តេយ្យ ซาลา มัดเต็ย อนุบาล
    • សាលាបឋមសិក្សា ซาลา ปะทอมเซิกซา ประถมศึกษา
    • សាលាអនុវិទ្យាល័យ ซาลา อนุ วิเตยีย ลัย มัธยมต้น
    • សាលាវិទ្យាល័យ ซาลา วิเตยีย ลัย ระดับมัธยมรวมต้นปลาย
  2. សកលវិទ្យាល័យ สะกอล วิเตยียลัย มหาวิทยาลัย
    • មហាវិទ្យាល័យ มะฮาวิเตยียลัย คณะ
    • ឯកទេស แอกะเต๊ะฮ์ เอก
    • បរិញ្ញាប័ត្រ ปะริญาบัตร ปริญญาตรี ឬ ป.ตรี
    • អនុបណ្ឌិត อนุบ็อนเดิ่ด หรือ បរិញ្ញាប័ត្រជាន់ខ្ពស់ ปะริญาบัต จ็อน คโป๊ะฮ์  ปริญญาโท ឬ ป.โท
    • បណ្ឌិត บ็อนเดิ่ด  ปริญญาเอก ឬ ป.เอกนึ

กำลังนึกว่าจะสอนคำว่าอะไรอีกน่า ……… นึกไม่ออก ไปละ เจอกันบทเรียนหน้าน่ะครับ

เรื่องนี้สำหรับ “คอกาแฟ”

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ชอบดื่มกาแฟ ถ้าใช่ … แล้วรู้ไหมล่ะครับว่า “กาแฟ” ดีหรือไม่ดีกับสุขภาพอย่างไร

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มกาแฟ ไม่ว่าจะตอนเช้า ๆ ที่บ้าน หรือช่วง “พักเบรก” เวลาที่ไปอบรมสัมมนารายการต่าง ๆ ของที่ทำงาน แต่เชื่อไหม ทั้งที่ชอบดื่ม ผมก็ไม่เคยรู้ว่า “กาแฟ” ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพอย่างไร

จนกระทั่งไปพบข้อมูลที่น่าสนใจหลายประเด็น ที่อดใจไม่ได้ ต้องนำมาเล่าสู่กันฟังกับ “คอกาแฟ” ไว้ ณ ที่นี้

1. การดื่มกาแฟ ทำให้เส้นเลือดใหญ่ในร่างกายของผู้ดื่ม มีความแข็งแรงมากกว่าผู้ไม่ดื่ม

2. การดื่มกาแฟ ช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งสำไส้ใหญ่

3. การดื่มกาแฟ ช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า 1299 มิลลิกรัม ในขณะที่เครื่องดื่มอย่างเช่น ชา มีสารต้านอนุมูลอิสระเพียง 294 มิลลิกรัม

4. การดื่มกาแฟจำนวน 2-3 แก้วต่อวัน จะลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

5. การดื่มกาแฟ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นเบาหวานเพราะในกาแฟมีสารประกอบที่เรียกว่า “ควินิน” ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตสารอินซูลินได้ดีขึ้น

6. การดื่มกาแฟ จะช่วยลดอัตราการเกิดภาวะความจำเสื่อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่พึงปรารถนา

7. การดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยลดการจับตัวของคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ในกาแฟมี “นิโคติน” ซึ่งเป็นวิตามินบีรวมชนิดหนึ่ง (คนละชนิดกับนิโคตินในบุหรี่) กาแฟจึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว

8. การดื่มกาแฟจะช่วยลดความอ้วนได้ เพราะกาแฟช่วยละลายไขมัน การดื่มกาแฟหลังจากอิ่มจากอาหาร จะช่วยให้ไขมันแตกตัว และให้พลังงาน

9. การดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็น “ตับแข็ง” ได้ถึง 20% และหากดื่ม 4 แก้วต่อวัน จะช่วยลดอัตราเสี่ยงได้ถึง 80% 

10. การดื่มกาแฟจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี โดยเฉพาะผู้ดื่มกาแฟอย่างน้อย 2 แก้วต่อวัน

11. การดื่มกาแฟจะช่วยปรับสีผิวของเรา ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังของผู้ดื่มเรียบเนียนขึ้นด้วย

 แหม….ประโยชน์ข้อนี้ คุณผู้หญิงถึงกับตาลุกเลยใช่ไหมล่ะ

12. การดื่มกาแฟช่วยลดอาการของการเกิดโรคหืด และสามารถกำจัดโรคหืดในผู้ป่วยบางคน

13. การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อลูกหมาก

14. การดื่มกาแฟช่วยลดอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะโรคไมเกรนโดยคาเฟอีนในกาแฟ จะสามารถช่วยลดอาการปวดหัวได้ถึง 40%

15. การดื่มกาแฟจะช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อภายหลังออกกำลังกายได้ถึง 58% แต่ต้องดื่มอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว

16. การดื่มกาแฟจะช่วยคลายความเครียด และทำให้อารมณ์แจ่มใส ซี่งเท่ากับช่วยแก้โรคซึมเศร้าให้ผู้ดื่ม

17. การดื่มกาแฟช่วยป้องกันฟันผุ ทั้งนี้เพราะในกาแฟมีสารประกอบที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม และรสขม ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพช่วยในการป้องกันแบคทีเรีย และการก่อตัวของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ

18. การดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง และสมรรถภาพสมอง ผู้รู้บอกว่า ความหอมของกาแฟจะช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

19. การดื่มกาแฟจะช่วยให้ไม่ง่วง และเกิดความรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง และช่วยลดความรู้สึกหนาว เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีน

20. การดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยไล่ความชรา กาแฟที่เข้มข้นจะทำให้ออกไซด์แตกตัวกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายของผู้ดื่ม คุณสมบัติข้อนี้ของกาแฟ จึงเหมาะกับคนที่กลัวความแก่

 อ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงสังเกตเห็นแล้วว่า จำนวนการดื่มหรือปริมาณการดื่ม มีผลต่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของแต่ละคน ตั้งแต่ 1 แก้ว 2 แก้ว หรือ 4  แก้ว ซึ่งผู้รู้บอกว่า สารประกอบที่อยู่ในกาแฟ จะส่งผลกับแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายของแต่ละคน

 แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงอย่างยิ่งที่ผู้รู้เตือนไว้ก็คือ พฤติกรรมในการดื่มกาแฟของคุณ เช่น คุณได้มีการปรุงรสกาแฟโดยการเติมน้ำตาล ครีม นมข้นหวาน ลงใปในปริมาณที่มากเกินไปหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ ต้องมี “ความพอดี” การดื่มกาแฟของคุณจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง

 ระวังอย่าให้ “เครื่องปรุงรส” กาแฟของคุณมาทำให้การดื่มกาแฟได้รับประโยชน์น้อยลงหรือเสียไป โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

 อ่านข้อเขียนเช่นนี้ หลายคนคงเลิกตะขิดตะขวงใจกันแล้วใช่ไหมว่า ทำไม “คอกาแฟ” จึงดื่มกาแฟกันแบบดื่มได้ดื่มดี 

 ประเภทว่างไม่ได้ เรียกหา “กาแฟ” ทันที จบนะ…ไปหา “กาแฟ” มาดื่มสักถ้วยดีกว่า

โดย มานพ    แก้วสนิท   (บทความในหนังสือ ต่วย ตูน)

អបអរព្រះរាជពិធីគ្រងរាជសម្បត្តិព្រះមហាក្សត្រ ព្រះករុណព្រះបាទសម្តេច​ ព្រះបរមនាថ នរោត្តម សីហមុនី

​អបអរព្រះរាជពិធីគ្រងរាជសម្បត្តិព្រះមហាក្សត្រ ព្រះករុណព្រះបាទសម្តេច​ ព្រះបរមនាថ នរោត្តម សីហមុនី

60 คำสอนของพ่อ

1. ลูกจงจำไว้ว่า… การไม่ต่อสู้ในบางกรณี กลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ กว่าการต่อสู้ อย่างเอาเป็นเอาตาย
2. ลูกจงอย่าเลือกของที่ชอบ ด้วยความอยากของลูก แต่จงเลือกด้วยสติปัญญา และพิจารณาถึงประโยชน์ และโทษของมันเสียก่อน

3. ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่า อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี

4. ลูกจะตำหนิ ติเตียนใคร ก็จงดูตนเองเสียก่อน อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้

5. ลูกจะเห็นว่า ผู้มีสัมมาคาระวะ จะพบแต่ความเจริญ การอ่อนน้อม เป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ การยกมือไหว้ผู้อื่นได้ คือการทำลาย ตัวกู-ของกู

6. ลูกพ่อต้องเป็นคนแข็งแรง…ไม่แข็งกระด้าง ลูกพ่อต้องเป็นคนเรียบง่าย…ไม่มักง่าย ลูกพ่อต้องเป็นคนอ่อนโยน..ไม่อ่อนแอ

7. ลูกของพ่อ..คล่องแคล่วว่องไว เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว

8. เงินทองที่ลูกมี ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป ปัญญาที่ลูกหาได้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน

9. ถ้าลูกทำเด่น จะถูกคนเขาเขม่นและสมน้ำหน้า ลูกจะพลาดท่าลงมา..เพราะความอยากเด่นอยากดัง

10. ลูกจงจำไว้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย พ่อ แม่ สุขใจ เมื่อพี่น้องรักกัน

11. ลูกจงโอนอ่อนผ่อนตามอย่างฉลาดและสุขุม การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะ ดีกว่าการชนะด้วยอารมณ์

12. ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญา เขาเรียกว่าคนบ้าบิ่น

13. ลูกต้องทำทุกอย่างด้วยความสุจริต เมื่อสุจริต จิตผ่องใส เมื่อทุจริต จิตหมองไหม้

14. ทรัพย์สมบัติ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่พ่อแม่จะให้แก่ลูก ความรู้และความประพฤติดีเท่านั้นที่พ่อแม่ควรมอบให้แก่ลูก…อันเป็นที่รัก

15. ลูกหลีกทางให้เขา ก็คือหลีกทางให้เราหลุดพ้นจากอันตราย ในที่สุดก็จะได้รับผลดีด้วยกัน ทั้งเขาและเรา

16. ปลายทางสุดท้ายของความไม่พอ คือ…ความทุกข์

17. ลูกจงจำไว้ว่า…ผู้ที่ไม่มีใครให้อภัยผู้อื่น คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ การให้อภัยศัตรู คือการ สร้างมิตร

18. ถ้าผู้อื่นหลอกเรา เรารู้ง่ายและแก้ไขได้ง่าย แต่ถ้าเราหลอกตัวลูกเอง รู้ยาก แก้ไขได้ยาก

19. ลูกควรจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม ทำสิ่งที่ควรทำ และต้องรู้ว่า สิ่งใดควรทำก่อน สิ่งใดควรทำทีหลัง

20. เมื่อลูกสังเกตดู จะพบว่าภายหลังเสียงหัวเราะ จะมีน้ำตา ภายหลังเสียน้ำตา จะเห็นแสงธรรม คือความจริงของชีวิต

learn2

21. หกล้มเพราะก้าวเดินไปข้างหน้า ยังดีกว่าลูกยืนเต๊ะท่าอยู่กับที่ เพราะถ้าลูกยืนไม่ดี…ก็จักมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี

22. ลูกจงหาความสุขกับปัจจุบัน อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต อย่าหมกอยู่กับอดีต จะทุกข์

23. โชค…เข้าข้างผู้ที่มีความอ่อนน้อมเสมอ ถ้าลูกเป็นผู้น้อยที่นอบน้อมผู้ใหญ่ ใคร ๆ ก็รัก ถ้าลูกเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย ผู้น้อยก็มีความภักดี

24. ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง ขอให้ลูกคิดอยู่เสมอว่า ถ้ามีสิ่งใดในโลก ที่ผู้อื่นทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่เราจะทำไม่ได้

25. ความโศกเศร้าเสียใจ มิได้ทำให้ใครได้รับประโยชน์อะไร นอกจากทำให้ศัตรูของเราดีใจและสมน้ำหน้า

26. เมื่อพบภัยที่อยู่ข้างหน้า จงหนีเข้าหาพระดีกว่าหนีเข้าหาโจร ซึ่งโจรจักฉกฉวยโอกาสเอาจากเราเสมอ…อย่างคาดไม่ถึง

27. คนเรามีความโลภทุกคน ถ้าโลภมาก…ก็จะทุกข์มาก ถ้าโลภน้อย…ก็จะทุกข์น้อย ถ้าไม่โลภ…ก็จะไม่ทุกข์

28. ถ้าลูกประพฤติดี ลูกก็จะพบกับคนประพฤติดี ถ้าลูกประพฤติชั่ว ลูกก็จะพบกับคนประพฤติชั่ว ขอให้ลูกเลือกคบให้ถูกต้องเถิด ลูกจักเป็นคนที่โชคดี

29. ลูกอย่ากลัวไปเลยว่า จะได้แต่งงานกับคนไม่ดี ถ้าลูกไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยว ลูกก็จะพบคู่ครองที่ไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยวเช่นกัน

30. ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ต้องการคำอ่อนหวาน ลูกก็เช่นกัน ควรพูดคำอ่อนหวานแก่ผู้อื่น เมื่อลูกอ่อนหวานแก่ผู้อื่น ผู้อื่นก็จะอ่อนหวานกับลูก

31. ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่าผิดศีลธรรม

32. ลูกจงจำไว้ว่า… ศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย

33. ลูกจงสนุกกับการใช้เงิน และพร้อมกันนั้น ลูกต้องสนุกกับการเก็บรักษาเงินด้วย และยิ่งกว่านั้น ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์ คือหาด้วยความถูกต้อง

34. การกระทำของลูก บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป ได้อย่างไร คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น

35. ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นผู้ฉลาด ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็นคนโง่ ขอให้ลูกจงกล้าหาญ อย่างชาญฉลาด

36. บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้ สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้ เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น

37. ลูกจงจำไว้ว่า… ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ แต่คนเรา…โดยส่วนมาก ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น

38. เมื่อมีปัญหา แก้ให้ถูกจุด จักพ้นทุกข์เร็ว

อย่าเป็นเช่นคุณยายแก่ ๆ มองหาเข็มที่เสาไฟ เพราะมีแสงสว่าง

แต่หาเท่าใดก็ไม่พบ เพราะเหตุว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด

เข็มหายในบ้าน แล้วมาหานอกบ้าน เพียงเพราะในบ้านไม่มีแสงไฟฟ้า…

น่าขันไหมล่ะ

39. ลูกจงจำไว้ว่า คนเห็นแก่เงิน คบยาก

คนเห็นแก่งาน คบง่าย

คนเห็นแก่ผู้อื่น คบสบาย

40. ถ้าลูกปรารถนาให้ผู้อื่นรัก ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น

41. ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม สำคัญที่สุด…ลูกอย่าข้ามตัวเอง

42. ผู้กล้าหาญ คือผู้ที่สามารถบังคับตัวเองได้ ถ้าลูกจักปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงรากแต่ถ้าจะปลูกจิตใจ ต้องบำรุงด้วยศีล ด้วยธรรม

43. ลูกเกิดเป็นคนแล้ว ต้องพยายามทำดีที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้ว นอกนั้นแล้วแต่ฟ้าลิขิต โบราณว่า ลิขิตเป็นของฟ้า ( ผลของการกระทำ ) ชะตาเป็นของคน ( การกระทำของตัวเอง )

44. ลูกควรจะยอมผิดใจกับคนสุภาพชน แต่อย่าผิดใจกับคนพาล จะเดือดร้อนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

45. การไม่ระวังการใช้จ่าย เล็ก ๆ น้อย ๆ อาจทำให้ล่มจมได้ ดังเช่นเรือมีรูรั่วเล็กๆ อาจทำให้เรือใหญ่จมได้

46. โรคภัยทางร่างกาย จะเข้ามาทางปาก ภัยพิบัติ ก็จะออกจากปากของเราเช่นกัน เมื่อลูกจะพูดสิ่งใด จงพิจารณาให้ดีๆ

47. การโกรธ เป็นวิสัยของปุถุชน การให้อภัย เป็นวิสัยของบัณฑิต ลูกพ่อจะเป็นบัณฑิต จึงต้องฝึกการให้อภัย ด้วยความมีเมตตา เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้

48. การเดินทางหมื่นลี้ต้องมีก้าวแรก ยามลูกมีอำนาจ จงอย่าเหลิงอำนาจ ยามลูกมีความสุขก็อย่างหลงระเริง ระวังความทุกข์จักตามมา

49. ถ้าลูกให้เงินเพื่อนยืม…ระวังจะเสียเงิน…จะเสียเพื่อน…จะเสียใจ เพราะฉะนั้นลูกอย่าให้เงินใครยืม ถ้ามีก็ให้เขาไปเลย

50. ถ้าลูกระแวงสงสัยใครแล้ว ลูกอย่าทำธุรกิจร่วมกัน เพราะจะมีแต่ระแวงกัน การงานไม่ราบรื่น ความทุกข์จะเข้ามาในจิตใจลูก

51. เรือที่ออกทะเล ปฏิเสธคลื่นลมไม่ได้ ฉันใด ชีวิตของลูก ปฏิเสธอุปสรรคไม่ได้ ฉันนั้น

52. ลูกสังเกตดูจักรู้ว่า ผู้เป็นคนดี มักอ่อนน้อมถ่อมตน

ผู้โง่เขลามักหยิ่งยโส ทะนงตน

คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด หรือยากให้คนอื่นรู้ว่าฉลาด จึงโอ้อวด คุยเบ่ง ทับถมคนอื่น

ส่วนคนฉลาดมักไม่อวดตัว จักเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่หยิ่งยโส ไม่โอหัง และชอบประกาศความดีของผู้อื่น

53. แมลงผึ้ง ชอบของหอมของหวาน แมลงวัน ชอบของเหม็นของเน่าเสีย

ถ้าลูกชอบสิ่งที่ไม่ดี คบคนไม่ดี คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ไปสู่สถานที่ไม่ดีแล้ว

ลูกก็จะเปรียบเช่นแมลงวัน ซึ่งไม่มีใครชอบหรืออยากจะให้ความรัก

แต่ถ้าลูกคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี และไปแต่เฉพาะที่ดี

ลูกก็เป็นเช่นแมลงผึ้ง คนดีใคร ๆ ก็อยากคบด้วย

ถ้าลูกเป็นแมลงผึ้ง ลูกก็จะได้พบกับดอกไม้

ถ้าลูกเป็นแมลงวัน ลูกก็จะได้พบกับของเน่าเหม็น

คำโบราณว่าไว้

ขี้เกียจ เป็นแมลงวัน

ขยัน เป็นแมงผึ้ง

54. ผู้ที่รู้จักประมาณตน เป็นคนฉลาด ลูกควรใช้จ่ายตามฐานะ ลูกจักไม่ขัดสนตลอดไป

55. ถ้าลูกมีความพากเพียรและถ่อมตนแล้ว ภายใต้ท้องฟ้า…ลูกของพ่อจักทำได้ทุกสิ่ง ธรรมะสอนไว้ว่า คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร

56. ถ้าลูกทำงานด้วยความรีบร้อน ร้อนรน มักทำความผิดพลาด มาให้ลูกเสมอ ลูกต้องทำด้วยความรวดเร็ว แบบมีสติ จึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างถูกต้องและราบรื่น

57. การนินทาและว่าร้ายต่อผู้อื่น… มันเจ็บปวดมากว่ามีดที่กรีดเนื้อเขา มากมายหลายเท่านัก เมื่อลูกเข้าใจอย่างนี้แล้ว อย่านินทา อย่าว่าร้ายผู้อื่นเลย เพราะเมื่อเขาเจ็บปวดเพราะคำพูดของเราแล้ว เขาก็สามารถทำความผิดกับเราได้ เราก็เดือดร้อน

58. คนขี้เกียจ มักอ้างว่า ยังไม่ต้องทำ

เพราะเช้าไป เพราะเย็นไป

เพราะร้อนไป เพราะหนาวไป

เพราะฝนตก เพราะแดดออก

ถ้าลูกอ้างอย่างนี้ จะทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ

59. ในสมัยนี้ ใครก็ชอบแต่ของดี ๆ แต่ไม่รู้ว่า อย่างไรถึงจะดี จึงขอเตือนว่า

ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคิด ลูกต้องคิดแต่ดีดี

ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่พูด ลูกต้องพูดดีดี

ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่ทำ ลูกต้องทำดีดี

ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคบคน ลูกต้องคบคบดีดี

ลูกของพ่อ…ดีแต่จะไป ลูกต้องไปดีดี

ลูกจง คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปสู่สถานที่ดีดี

60. ถ้าลูกละเลยเรื่องเล็กน้อย กระทำผิดเพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน ลูกอาจต้องเสียใจอย่างใหญ่หลวง ในภายหน้า

“เปลือกมะนาว” ที่เหลือใช้มีประโยชน์ขนาดนี้…ได้โปรดอย่าทิ้ง!

       มะนาวเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ หลายคนคงไม่เคยรู้ว่าไม่ใช่แค่น้ำมะนาวเท่านั้นที่มีประโยชน์ แต่เปลือกของมะนาวก็มีประโยชน์ด้วยเหมือนกัน คนส่วนใหญ่มักจะทิ้งเปลือกมะนาวหลังจากบีบน้ำของมันหมดแล้ว แต่ถ้าหากคุณรู้ว่าเปลือกมะนาวมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน คุณอาจจะเปลี่ยนใจไม่ทิ้งก็ได้นะครับ
       ประโยชน์ของเปลือกมะนาว
       1.ทำความสะอาดไมโครเวฟ 
       เตรียมน้ำใส่ถ้วยที่ใช้กับไมโครเวฟได้ จากนั้นหั่นมะนาวครึ่งลูกบีบน้ำลงไปพร้อมกับเปลือกมะนาวด้วย แล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟสัก 2 นาที ปล่อยให้อุณหภูมิลดลงสักหน่อย
       2.ไล่มด
       บ้านไหนที่มีมดขึ้นบ้าน ก็ให้นำเปลือกมะนาวไปว่างตันทางเดินของมด ทำให้หมดไม่ขึ้นบ้าน
       3.ทำเครื่องหอมประดับบ้าน
       นำเปลือกมะนาวผสมกับเครื่องหอมอื่นๆ ใส่ในขวดปิดฝาทิ้งไว้สักพักก็จะได้เครื่องหอมแล้ว นำไปว่างตามจุดต่างๆของบ้านได้
       4.กำจัดคราบชา กาแฟ
       นำเปลือกมะนาว ใส่ลงไปในแก้ว เทน้ำร้อน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็ล้างแก้วตามปกติ
       5.ป้องกันความซนของน้องแมว
       นำเปลือกมะนาวไปว่างไว้บริเวณที่ไม่อยากให้น้องแมวเหมียวเข้าไปวุ่นวาย
       6.เพิ่มกลิ่นอโรมาในบ้าน 
       ถ้าหากอยากจะมีกลิ่นหอมอบอวลเหมือนสปาหรูๆ ให้นำเปลือกมะนาว ผสมกับเครื่องหอมชนิดอื่นๆ นำหม้อตั้งเตาไฟ แล้วนำแก้วอีกใบใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป จากนั้นนำเครื่องหอมที่ผสมไว้ลงไปต้ม แค่นี้บ้านก็จะมีกลิ่นหอมเหมือนอยู่ในสปาแล้ว
       7.ขัดเงาสเตนเลส
       หากมีเครื่องใช้ เครื่องครัวที่เป็นสเตนเลสเริ่มหมองคล้ำ ให้ใช้เกลือป่นโรยบนเครื่องใช้ แล้วนำเปลือกมะนาวขัดถูให้ทั่ว
       8.ลดกลิ่นเหม็นในขยะ 
       ถ้าถังขยะที่บ้านเริ่มส่งกลิ่นเหม็นให้นำเปลือกมะนาว ทิ้งลงไปในถังขยะ ช่วยดับกลิ่นเหม็นได้
       9.ดับกลิ่นน้ำส้มสายชู
       หากกลิ่นเหม็นฉุนของน้ำส้มสายชูทำให้แสบจมูก ก็นำเปลือกมะนาวใส่ลงไปช่วยลดกลิ่นฉุนได้
       10.กำจัดกลิ่นท่อระบายของเสีย
       ถ้าหากท่อระบายน้ำ หรือท่อระบายของเสียส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว กำจัดกลิ่นด้วยเปลือกมะนาวได้
       สุดยอดเลยใช่ไหมคะ จากนี้ไปก็อย่าทิ้งเปลือกมะนาวเด็ดขาดเลย เพราะมันมีประโยชน์อย่างมาก แต่ถ้าหากเปลือกมะนาวไม่ค่อยมีก็สามารถใช้เปลือกส้ม เปลือกเลมอน แทนก็ได้ค่ะ ใช้ได้ผลเหมือนกันนะครับ
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com
แชร์ต่ออีกทีจากไลน์ #healthycare

​ความดันโลหิตสูง ภัยเงียบที่ต้องระวัง

เป็นที่ทราบกันดีว่าหากวัดระดับความดันโลหิตแล้วปรากฎว่าสูงกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท นั่นแสดงว่าคุณตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง ซึ่งจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้มากมาย แม้ว่าคนที่เป็นความดันโลหิตสูงอาจจะไม่มีการแสดงอาการใดๆ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะทำให้ អានត-อ่านต่อ

បេះ-เก็บ ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

คำว่าเก็บในภาษาไทยนี้้จะเป็นปัญหาในการ ใช้ภาษาเขมรของพี่น้อง ชาวไทยหลายคน เพิ่งจะรู้ว่าคำว่าผิดในภาษาไทยมีความหมายหลายอย่างในภาษาเขมร เดี๋ยวสอนคำนี้ไปก่อน ค่อยอธิบายในส่วนท้าย

ภาษาเขมร : បេះ

อ่านว่า : แบ๊ะฮ์

แปลว่า : เก็บ

អានថា : គេប់

English : to collect fruits, to harvest

ตัวอย่าง : ម្សិលម្ង៉ៃខ្ញុំទៅបេះស្វាយចុងរដូវ អត់សូវមានផ្លែទេ។

อ่านว่า :  มเซิล เม็งญ์ คญม เติว แบ๊ะฮ์ ซวาย จง โรโดว อ็อด โซว เมียน แพลย์ เต

แปลว่า : เมื่อวานก่อนผมไปเก็บมะม่วงท้ายฤดู ไม่ค่อยมีผลเลย

អានថា : មឿវ៉ានកន ភ៎ម់ ប៉ៃគេប់ម៉ៈមួង់ថាយរឹឌូ ម៉ៃខយ់មីភ៎ន់លើយ
By: Admin Ken Rithy Ny

วันนี้ขอเสนอคำว่า អប្សរា ในภาษาเขมรและ अप्सरा  ในภาษาเนปาลี

เขมรเขียนว่า អប្សរា ภาษาเนปาลีเขียนว่า अप्सरा  ทั้งสองคำนี้อ่านว่า อับ-สะ-รา  คำว่า “อัปสรา” นั้น มาจากคำว่า “อัป” (หมายถึง น้ำ) และ “สร” (หมายถึง การเคลื่อนไป) อัปสร จึงหมายถึง ผู้ที่เคลื่อนไปในน้ำ อันเป็นกำเนิดของนาง ทว่าโดยทั่วไป ถือว่านางเป็นชาวสวรรค์