บ่อน้ำแห่งความตาย

มีแพะแก่ตัวหนึ่ง
วันหนึ่งโชคร้าย
พลัดตกลงไปในบ่อน้ำร้างท้ายหมู่บ้าน
ชาวบ้านไปพบเข้า
ก็ไม่รู้จะช่วยเหลือมันยังไง

เพราะบ่อทั้งแคบและลึกมาก
ทุกคนต่างลงความเห็นว่า
จะกลบบ่อน้ำนี้ทิ้งเสีย
เพราะยังไงก็ไม่มีน้ำอีกต่อไปแล้ว

ชาวบ้านจึงระดมกำลังกันเพื่อกลบบ่อ
ทันทีที่ดินถูกเทลงไปในบ่อ
แล้วกระทบโดนหลังของเจ้าแพะ
มันรู้ได้ถึงชะตากรรมของมันทันที
มันจึงเริ่มส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว

แต่พอมันได้สติ มันก็ค่อย ๆ สลัดดิน
ที่ตกลงมาบนหลังของมันทิ้ง
มันทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนสุดท้าย ดินที่ทับถมลงมา
ก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมันจนหมดสิ้น
ทำให้บ่อน้ำตื้นขึ้น
ในที่สุดมันก็ก้าวขึ้นจากขอบบ่อ
ได้อย่างง่ายดาย

ดินที่ถูกเทลงมา
เปรียบเหมือนความยากลำบากในชีวิต
เราจะใช้มันเพื่อทับถมตัวเองก็ได้
หรือจะใช้มันเพื่อเป็นแท่นบันได
ทะยานสู่ความสำเร็จก็ได้เช่นกัน

บ้านนาเราเริ่มเปลี่ยนไป

“อยากใส่เบ็ด อยากเดินส่องปลา อยากจับปลาช่วงน้ำหลากบนคันนา มีข้าวปลาที่อุดมสมบูรณ์ ไม่มีสารเคมี
ไม่มีสารฆ่าหญ้า มีแต่ขี้วัวขี้ควาย ทุกอย่างปุ๋ยอินทรีย์
แล้วใครนำสารพวกนี้เข้ามา ทำไมเราไม่เลือกคนบ้านเรา คนบ้านบ้านเป็นตัวแทนบ้านเรา เลือกคนผิดทุกอย่างเข้ามาบ้านเราหมด ทุกอย่างล้วนมีผลประโยชน์ คนจนๆรับกรรมกันต่อไป

อบคุณ : เจ้าของภาพ

เครดิต ซเร็นเหลา

1 ความเชื่อ ที่กดเราไว้

ในตอนที่ช้างมันยังเล็ก ๆ อยู่
ควาญช้าง จะล่ามช้างด้วยการผูกข้อเท้ามันกับ แท่งเหล็กเล็ก ๆ
ที่ตอกลงไปในดิน អានត-อ่านต่อ

ឡុកឡាក់សាច់គោ-ลกละเนื้อ อาหารกัมพูชา ภาษาเขมรวันละคํา

เมนูนี้เป็นเมนูยอดฮิตเมนูหนึ่งของกัมพูชาเลยก็ว่าได้ครับ ลกละสัจโก

របៀបធ្វើ ឆា-ឡុកឡាក់សាច់គោ
#គ្រឿងផ្សំ៖ អានត-อ่านต่อ

มีหนังสือมาแจกครับ

តោះទាញយកសៀវភៅល្អៗសម្រាប់អានដើម្បីបង្កើនចំណេះ៖
1. Guide to Investing:

https://drive.google.com/file/d/15lkafNrekMVHZRBs7y-Sw0urWU6_Scoh/view?usp=sharing អានត-อ่านต่อ

PM 2.5 ที่แชร์กันทั่วสังคมไทย

เป็นข้อคิดเห็นของดร.ประวิทย์ จงวิศาล อดีตอจ.ภาควิชาอาชีวอนามัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล

ผมในฐานะเรียนปริญญาเอก Industrial Hygine and Toxicologyมา
ขอชี้แจงว่า អានត-อ่านต่อ

พระพุทธเจ้าสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วน

พระพุทธเจ้าสอนให้แบ่งเงินเป็น 4 ส่วนคือ
1. ใช้หนี้เก่า
2. ให้เขากู้
3. ฝังไว้ใช้
4. ทิ้งใส่เหว
– ใช้หนี้เก่า คือ ให้พ่อแม่ ท่านให้กำเนิดและเลี้ยงเรามา เราเป็นหนี้บุญคุณท่าน ต้องตอบแทน

– ให้เขากู้ คือ ให้ลูกหลาน ลูกหลานได้รับอุปการะ ต่อมาภายหลัง ก็จะกลับมาใช้หนี้เราคือเลี้ยงดูเราในยามชรา

– ฝังไว้ใช้ คือ ทำบุญ เพื่อฝังไว้เป็นอริยะทรัพย์ สำหรับใช้ในการเดินทางไปใน สังสารวัฏ

– ทิ้งใส่เหว คือ เที่ยวกินใช้ไป พระองค์ทรงเปรียบท้องคนเราเป็นเหวลึก กินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม

คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า “สามีภรรยา ” มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้ ” บุตรธิดา ” คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้ หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”

ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย
ส่วน ” บุตรธิดา ” ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น ” บุตรธิดา ” ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น

1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู” เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ

2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี” เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้ แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน

3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป

4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพเหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี ด้วย

หลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถ?ตา ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อนเมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้ เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า

แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลานผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้นให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า “เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนร้าย กลายเป็นดี”
สาธุ?

อ่านจบแล้วแชร์ไปได้บุญ

ข้อคิดดีดีกับคุณยายขายผัก

?

คนซื้อ : ผักมัดเท่าไหร่จ๊ะยาย ???
คุณยาย : 10 บาทจ้า
คนซื้อ : 3กำ 25 บาท ได้ไหมจ๊ะยาย
คุณยาย : ไม่ได้หรอกจ๊ะหลาน เพราะยายต้องปลูกเอง
และมาเดินขายยืนตากแดด ตั้งแต่เช้า
ต้นทุนมาก็มากโขอยู่

…แล้วกาแฟแก้วที่คุณถืออยู่น่ะ ราคาเท่าไหร่

คนซื้อ : 150 บาท
คุณยาย : แล้วคุณต่อราคาเขาไหม
คนซื้อ : จะบ้าหรือ !!! นี่มันกาแฟมียี่ห้อ เขาไม่ต่อ
กันหรอก

คุณยาย : กับคนรวยๆ คุณไม่ต่อเขาสักบาทเดียว
แต่พอกับคนจน คุณกับต่อราคากันจัง
คนซื้อ : ………………….

#ข้อคิด อยากถามว่า เพราะอะไรเราจึงต่อราคากับแม่ค้าจนๆ ที่ต้องยืนขายของกลางแดดร้อนๆ …
แต่.. กลับไม่เคยต่อราคากับพ่อค้าที่ร่ำรวย ตามห้างฯ หรือภัตตาคารเลย?

ความเป็นไปของไทยกับญี่ปุ่น ( ๑๐ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก )

๑. ญี่ปุ่นสอนตั้งแต่ชั้น ประถม ๑ ถึง ประถม ๖ วิชาหนึ่ง ชื่อว่า “ทางสู่จริยธรรม” เพื่อเผชิญชีวิตในอนาคต
๒.ไม่มีการสอบตก ตั้งแต่ ประถม ๑ ถึง มัธยมต้น เนื่องจาก จุดประสงค์ คือ การอบรม ปลูกฝังแนวคิด และ เสริมสร้างบุคลิกภาพ ไม่เพียงแต่ให้ความรู้และคำสั่ง
๓. ถึงแม้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่พวกเขาไม่มีคนใช้ พ่อและแม่รับผิดชอบภายในบ้านและลูก ๆ.
๔. เด็ก ๆ ทำความสะอาด ที่โรงเรียนทุกวัน ๑๕ นาที พร้อม ๆกับคุณครู , ซึ่งทำให้เกิดความเรียบง่ายและมีนิสัยรักความสะอาด
๕. เด็กญี่ปุ่น จะนำแปรงสีฟันที่ถูกฆ่าเชื้อแล้ว จะแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร จึงทำให้ติดนิสัยรักสุขภาพตั้งแต่เยาว์วัย
๖. ผู้อำนวยการโรงเรียนจะกินอาหารของนักเรียนก่อน เป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง เพื่อความแน่ใจและความปลอดภัยของนักเรียน พวกเขาตระหนักอยู่เสมอว่า เด็กๆ เป็นอนาคตของญี่ปุ่นที่พวกเขาต้องปกป้อง
๗. พนักงานทำความสะอาด พวกเขาเรียกกันว่า “นายช่างสุขภาพ” เงินเดือน ๕๐๐๐ ถึง ๘๐๐๐ ดอลล่าร์อเมริกา ตามระดับของการทดสอบและสัมภาษณ์
๘. ห้ามใช้โทรศัพท์บนรถไฟ ภัตตาคาร สถานที่ปกปิด ที่ต้องการความเงียบ เป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติใช้กันเคร่งครัดในบริการสาธารณะว่าห้ามใช้เสียง …ที่ทุกคนต้องรู้จัก ‘มารยาท’
๙. ถ้าคุณไปร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ จะสังเกตว่าทุกคนเอาอาหารที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่พบอาหารเหลือในจานเลย
๑๐. โดยเฉลี่ยแล้ว ภายในเวลา ๑ ปี รถไฟจะช้ากว่ากำหนด ๗ วินาทีเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นรู้ถึงคุณค่าของเวลา เคร่งครัด ตรงต่อเวลาวินาที และนาที

อีก ๒๐ ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าคนไทยจะโง่ขึ้น และเขมร พม่า แขก จีน ฝรั่ง จะเข้ามายึดอาชีพคนไทยเกือบหมด คนไทยจะเป็นลูกจ้างคนพวกนี้ (ปาเลสไตน์ โดนยึดโดยอิสราเอล ไม่มีประเทศจะอยู่…เพราะลักษณะนี้แหละ ลองศึกษาดู)……ดูได้จากอะไร…

๑. เด็กไทยสมัยนี้ สนใจแต่โทรศัพท์ ดูไลน์อ่านไลน์กันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นอนดึกตื่นสาย หนังสือไม่สนใจเรียน ตื่นไม่ทันโรงเรียน เลยกินข้าวเช้าไม่ทัน พอสายก็หนีไปกินข้าว ไม่ได้เรียนชั่วโมงแรกๆนั้น หมดไปวิชาหนึ่ง รุ่งขึ้นแบบเดิม หมดอีกหนึ่ง เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็หมดทุกวิชา เมื่อเรียนไม่ทัน ไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ก็ชวนกันหนีเรียนไปตั้งแก้งค์ตั้งก้วน ไปติดยา มั่วเซ็กซ์ ใครเรียน…ก็แกล้งก็กวน ก็เลยทำให้ทั้งห้องเหมือนกันหมด ความรู้(ไม่)เก่งเหมือนกันหมด ว่าใครไม่ได้ ไอ้เรื่องที่จะไห้ทบทวนให้ทันเขา บอกได้คำเดียวว่า “ยากมาก”
๒. ผู้สอนก็สอนไปตามหน้าที่ ลองไปเข้มงวดลูกท่านซี้… เดี๋ยวพ่อเสือแม่เสือก็มาถึงโรงเรืยนอีก ….ประการสำคัญ ผู้บริหารยังต้องเกรงใจเลย ครูก็เลยปล่อย ไม่ยุ่งด้วย…เด็กก็ได้ใจ เพราะได้แบ็ค (พ่อแม่รังแกฉัน เข้าใจมั้ย…พ่อแม่รังแกฉัน…พ่อแม่บางคน…ไม่รู้เรื่องว่าอะไร?)
๓. การวัดผล เด็กสอบตก ก็ต้องยัดเยียดให้เด็กผ่านให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อครูอาจารย์เก่งหมด ครูถูกปกครองด่าอีก กฎหมายใหม่ก้อเอื้อ ทำโทษเด็กไม่ได้ สอนอย่างไงโดยเรียกเด็กมาสอบใหม่ ท่านไม่มาสอบ เอ้า เอาคำตอบไปลอก อ้อนวอนสารพัดจนเด็กผ่านไปได้ โล่งอก ขนาดได้เกรด ๑.๘
ก็ผ่านได้ ๑.๘ มันเกรดแค่ ๔๐% ผ่านได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว นี่ไงความรู้ของเด็กไทยขณะนี้โดยทั่วไป
๔. การเข้าทำงาน เก่งไม่ค่อยจะได้ ถ้ามีเส้น Ok. ต่อไปเราจะได้ปลัดกระทรวงที่เก่งมากๆ มาจากเส้น ได้ข้าราชการที่เก่งพอๆกัน มาจากสถาบันเส้นอีก
๕. เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เป็น ไม่ยอมลำบาก ไม่อดทนต่อความลำบาก(สังเกตให้ดี ลูกๆเราเป็นอย่างงี้มั้ย ถ้าเป็นครู ลูกศิษย์เราเป็นอย่างงี้มั้ย) ไม่มีวินัย พอเข้าทำงาน เจอระเบียบวินัย เจอเข้มงวด เจองานหนักเข้า ก็มาบ่นให้พ่อแม่ฟัง ไปเจอพ่อแม่มีตังค์ มีอำนาจ (เลี้ยงลูกแบบคุณหนู) จะบอกลูกว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ลาออกมา พ่อแม่เลี้ยงได้ เด็กก็เลยได้ใจ ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว พอได้ครอบครัว เอาผัวเอาเมียมาเกาะพ่อแม่กิน พอพ่อแม่ตาย สมบัติพอมี ขายกินอีก ขยับขยายทำให้กำไรไม่เป็น แล้วรุ่นหลานมันจะเอาอะไรขายกิน หลานเหลนก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีก
๖. เดี๋ยวนี้เราจะเห็น พวกแขก พม่า เขมร และต่างชาติ ต่างมาค้าขายในไทยมากแล้ว และรัฐก็ยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ให้ต่างชาติทำได้ ตอนแรกก็ขายพวกเดียวกันก่อน ต่อมาก็ขายคนไทย ตอนนี้ก้าวหน้า มีผัวไทยเมียไทย จ้างคนไทยเป็นลูกมือแล้ว ต่อไปก็ครองเศรฐกิจแบบแถวแม่สาย แม่สอด มุกดาหาร หนองคาย กรุงเทพฯ และทั่วทุกเมือง
นี้เป็นเพราะพวกเรามองไม่เห็นภัยที่กำลังคืบเข้ามา ยังสนุกอยู่ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ พอพ่อแม่ตาย สมบัติเก็บไม่อยู่แน่ เพราะไม่มีความรู้ในการบริหารงานทำงาน เสียเปรียบในทางกฎหมาย ทุกอย่างจะเสียเปรียบหมด เงินทองจะเสียเร็วมาก กว่าจะฉลาดก็หมด หรือเกือบหมด ตานี้แหละ จะอยู่ด้วยความแร้นแค้นละ…ถ้ายังคิดอยู่ว่า อยู่ที่พระเจ้ากำหนดประทานมา โชควาสนาละก้อ…คง ได้เห็นกันแน่ ตอนนี้เห็นกันบ้างแล้ว… ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ช่วยส่งต่อให้ทุกคนได้อ่านได้คิด…เกิดความสำนึก แก้ตัวแก้ไขต่อไป…

ដាស់តឿន-เตือน ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

วันนี้มากับภาพฮาชวนขำพร้อมสำนวนว่า “กูเตือนมึงแล้ว”

អញដាស់តៀនហែងហើយ อ่านว่า /อัญ ด๊ะฮ เตือน แฮง เฮย/

แต่ถ้าในสถานการณ์นี้ควรพูดว่างี้ดีกว่า
អញប្រាប់ហើយមិនជឿ อ่านว่า អានត-อ่านต่อ

ភ្ញាក់ ตกใจ ภาษาเขมรใช้คำว่าอะไร

ภาษาเขมรวันละคำ เรียนภาษาไทย

ภาษาเขมรวันละคำวันนี้ขอเสนอคำว่า

ភាសាខ្មែរ : ភ្ញាក់ព្រើត
อ่านว่า : พฺเญียะ เปริด
แปลว่า : ตกใจหมดเลย
អានថា : តុកចៃមត់លើយ

ឧទាហរណ៍ : ចុមយក្ស ភ្ញាក់ព្រើត។
อ่านว่า :
អានត-อ่านต่อ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

วันนี้อ่านเฟสไปเจอบทความเขียนแบบเล่นๆแต่มีสาระ เลยเอามาฝากอ่านครับ เขาเขียนว่า

คำเตือน ยาว ขี้เกียจอ่านก็เรื่องของเธอค่ะ

มีใครรู้บ้าง นี่ยาอัลไลลล ลูกเพจที่น่ารักของเค้าคงไม่มีใครเคยใช้ใช่มั้ยคะ อิอิ เก็บซิงไว้ชิงโชคไปเที่ยวรอบโลกกับแอ้คนสวย งุงิ โอ้ยยยย

คืองี้ ตอนนี้มันมียาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ชนิด 1 เม็ดออกมาใหม่แหละ กลัวลูกเพจจะเชย เลยแวะมาเหลา แต่ถ้าอยากลองใช้เนี่ย ต้องมีผู้ก่อนนะคะ ถึงจะได้ใช้ ยากอยู่นะ 5555555555555 55555555555
.
ถามว่า มันคืออะไร มันก็คือ การเอาแบบสองเม็ด มารวมเป็นเม็ดเดียว แค่นั้นแหละ ก็คือต่อให้ซื้อแบบ 2 เม็ดมา แล้วกินพร้อมกันทีเดียวเลย ก็ได้ หรือกินเม็ดแรกหลังได้กับผู้ ไม่เกิน 72 ชม หรือ 3 วัน แล้วกินเม็ดที่สอง ห่างจากเม็ดแรก 12 ชม. ก็ได้ เค้าเพิ่มความสะดวกให้ค่ะ โอเคนะ ไม่โอเคก็เรื่องของ..ค่ะ
.
แล้วประสิทธิภาพในการป้องกันการท้อง ของยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด กับ 1 เม็ด ต่างกันมั้ย

ไม่ค่ะ ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน เพียงแค่อาจจะมีอาการข้างเคียงมากกว่าบ้าง คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว เลือดออกกระปิดกระปอย

แต่!!!!!! ไม่ว่าจะตัวไหนก็ป้องกันการท้องไม่ได้ 100% นะคะนะคะ รู้ไว้นะคะ
.
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ป้องกันการท้องได้แค่ 52-85% เท่านั้น!!!!!!!!!!! โดยประมาณ ขึ้นกับเวลาที่กินหลังร่วมเพศมาจ้าาา คิดง่ายๆ กินยาคุม ฉฉ 10 คน ก็จะมีท้อง 2-5 คนเลยนะเว้ยยยยย กล้าเสี่ยงหราาาาาาาา ถามใจเธอดูววววว
.
กินภายใน 24-48 ชม. หรือ 1-2 วัน หลังได้กับผู้ จะครั้งละกี่คนก็เถอะนะ ป้องกันการท้องได้แค่ประมาณ 85% คือเดินมาซื้อพร้อมกัน 10 คน มีพลาดท้องไปละ 1-2 คนแหละ งิงิ
.
แล้วถ้ากินหลัง 2 วันหรือ 48 ชม. ไปอีกหล่ะ เหลือความปลอดภัยอยู่แค่ 58% เด้อจ้าาา คุณพระก็ไม่ช่วยละค่ะงานนนี้ หึหึ เดินมาซื้อพร้อมกัน 10 คน เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงินไว้เลยค่ะเกือบ 5 คน
.
ไหนจะค่าฝากท้อง ค่าบำรุง ค่าชุดคลุมท้อง ค่าห้องคลอด ค่าเสื้อผ้าเด็กอ่อน ค่านม ตอนท้องผัวก็ไปมีเมียน้อยอีก ว๊ายยยย ตายแล้ววววว งิงิ ไหนจะต้องไปบอกพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนอีก แม่ขา หนูท้อง เพื่อนคะ กูท้องงงงงงง โถ ดรอปเรียนอีก โอยยยย เพลีย
.
แล้วถ้าถามว่า แล้วต้องทำยังไงฮ่ะ จะคุมได้เกือบ 100%

ก็แดกยาคุมแบบรายเดือนแบบปกติไงคะ ดวก แต่ต้องกินให้ถูกด้วยนะ กินๆลืมๆ ก็ลุ้นเอาครึ่งๆกลางๆแบบสมองมึงละกัน ถ้าจะอยากเย็ดแต่ไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้น ถถถถ นกแล้วพาลค่ะ

.
ยาคุมรายเดือน ป้องกันการท้องได้ดีก็จริง แต่ ป้องกันโรคไม่ได้นะจ้ะ ถุงยางเท่านั้น ป้องกันโรคได้ เอดส์อ่ะ อยากเป็นเหรอออออออ ผู้ป่วยติดเชื่อ Hiv เป็นล้านๆ คิดว่าหลบพ้นมั้ยยย แล้วไอ้คนไม่เคยตรวจ ไม่เคยรู้อีกหล่ะ ว่าติดเชื่ออยู่อ่ะ มันจะกี่คนนนนนนนนนนนนนน ห้ะ
.
สรุป ๆ ๆ ขี้เกียจอ่านยาวๆมึงมามุงกันตรงนี้

.
– ยาคุม ฉฉ กินพร้อมกันสองเม็ด

หรือกินเม็ดแรก หลังรวมเพศไม่เกิน 72ชม แล้วตามด้วยเม็ดสองหลังเม็ดแรกไป 12 ชม

หรือ กินแบบเม็ดเดียวครั้งเดียวเหมือนเบนด้า

ก็ป้องกันการท้องได้ผลไม่ต่างกัน แต่ผลคือแค่ 52-85% เท่านั้น
.
– ยาคุมกำเนิดรายเดือน กินถูก คุมได้เกือบร้อยเปอ แต่คุมโรคทางเพศสัมพันธุ์ไม่ได้อยู่ดี

ไม่ต้องไกลถึงเอดส์ก็ได้ ตกขาวเป็นคราบ เหม็นๆ เหมือนนมบูด บางทีก็เขียวๆ เหลืองๆ จะเบิร์นที นะ…

คันขาหนีบ สังคัง คันจิ๋ม คันหำ ยิ่งเกายิ่งมัน เลือดออกซิบๆ เยี่ยวทีแสบบบบบถึงทรวง

ทั้งคัน ทั้งเหม็น ถอดทีกุนึกว่าห้องข้างๆทอดปลาเค็ม

.
– ถุงยางอนามัยเถอะนะ คุมได้ทั้งลูก ทั้งโรค

อย่าอ้างไม่ฟิน อย่าอ้างไม่มัน อย่าให้ใครเอาเรื่องความไว้ใจมาวัดใจกับเอดส์
.
มันบอกมึงว่า เตงไม่ไว้ใจเค้าเหรอ มึงถึงกับใจอ่อน แต่พอถึงวันมึงตรวจเจอเชื้อขึ้นมา มันจะยังถามมึงมั้ย เตงรักเค้ามั้ย เค้ารักเตงนะ เราจะเย็ดกันถึงวันติดเชื้อ หราาาา ไม่มีทาง มีใหม่ในเร็ววันจ้าาา

อย่าโง่ เย็ดคือเย็ด เย็ดที่ไหน ไม่ได้เย็ดกันที่ใจจ่ะ
.
ตั้งสติก่อนเย็ด

เย็ดไม่ผิด แต่เย็ดแบบไม่มีสมอง ผิด!!!!!!!!

วัยรุ่นยุคใหม่ เย็ดได้ เอาสมองไปเย็ดด้วย นะคะ

เอดส์ไม่แดก ท้องไม่โต สบายใจ เบื่อก็เปลี่ยนคู่เย็ดใหม่
สบายยยจะตายยยย

ผิดพลาดตรงไหนแจ้งด้วย ////แอแอ่แอ้แอ๊แอ๋

ต้องอ่านนะครับ ของดี ถ้ายังรักตัวเอง

โดย อาจารย์ ไกร มาศพิมล (นักโภชนาการบำบัด)

ความดัน บน ล่าง
อายุ <30 110 70
อายุ 50 130 85
อายุ 60 140 90

จิบน้ำร้อน บ่อยๆ ช่วยปรับสมดุลย์ ความดันเลือด, ลดเส้นเลือดสมองตีบ, เบาหวาน, ต้อที่ตา, ไต

จิบน้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ หรือ 250 CC ก่อนอาหาร ลดความอ้วน

การดื่มน้ำเย็นครั้งละมาก ๆ จะมีผลให้น้ำซึมเข้าสู่สมอง ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดภาวะสมองบวมน้ำ

เบาหวาน กิน น้ำตาลธรรมชาติได้ น้ำตาลฟรุตโตส, น้ำตาลปี๊ป (น้ำตาลปึก), โอวทึ้ง, น้ำผึ้ง
หยุด น้ำตาลกรวด, น้ำตาลทรายแดง, น้ำตาลทราย, ซูโครส

น้ำตาลทราย/น้ำตาลกรวด
จะสะสมที่ตับเป็นไขมัน ก่อให้เกิดไตรกลีเซอร์ไรด์
สำหรับน้ำตาลที่ฟอกขาวจะใช้สารคลอลีน ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง

ทุเรียน
มี Anti – Oxidant, กำมะถัน (งด ข้าว) ช่วยลดมะเร็ง, ลดคลอเรสเตอรอล, ลดอ้วน, ลดไขมัน, ต้านแก่

น้ำแตงโม = ไวอาก้า ธรรมชาติ บำรุงเลือด, ละลายลิ่มเลือด ช่วยมือเท้าชา

แกนสับปะรด
มีสารบอบิเรน ลดมะเร็งปากมดลูก โดยให้ดูดแต่น้ำ แล้วคายกากทิ้ง

กล้วยไข่
หยุดผมร่วง, ป้องกันอัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, บำรุงตับ ไต, ป้องกันมะเร็ง, บำรุงกระดูก, บำรุงสายตา, รักษา Office Syndrome

กล้วยน้ำว้า
วันละ 2 ลูก เหมือนๆ กล้วยหักมุก ปิ้งไฟทั้งเปลือก ลดไข้, ลดเจ็บคอ, บำรุงตับอ่อน, รักษาเบาหวาน, แก้ทอนซิลอักเสบ

กล้วยหอม
(กล้วยเล็บมือนาง) 3 ผล / สัปดาห์ เป็น ฮอร์โมนหญิง มีโปแทสเซียม ป้องกันโรคพากินสัน และ อัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, ป้องกันสมาธิสั้น

น้ำมะพร้าวอ่อน
ปรับสมดุลย์ ฮอร์โมน
ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนวันละ 1 ลูก ช่วยฟอกเลือด และบำรุงไต ส่วนเนื้อมะพร้าวช่วยบำรุงตับ

กะทิ
ลด Cholesterol, ไม่อ้วน, ไม่เบาหวาน,

น้ำมันมะพร้าว
ช่วยลดความอ้วน โดยกินก่อนอาหารเช้า 4 ช้อนกาแฟ
ใช้เป็น Hair Serum ลงหนังหัว, ลดหงอก, เพิ่มผม ใช้ล้างเครื่องสำอาง ใช้เป็นเดย์ครีม ไนท์ครีมได้
มี SPF 90 (Sun block)

Oil Pulling
ใช้น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันทานตะวัน ที่ผ่านกรรมวิธีแบบหีบเย็น ปริมาณ 2 ช้อน อมไว้ประมาณ 15 นาที แล้วบ้วนทิ้ง จะช่วยนำเชื้อโรคออกจากช่องปาก

หยุด น้ำมันพืช
เนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมี เมื่อน้ำมันพืชเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 60 องศา จะเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น ควรบริโภคมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่
ตับจะทำหน้าที่ผลิต Cholesterol โดยที่ Cholesterol LDL จะช่วยป้องกันผิวหนัง และผลิต Cholesterol HDL เพื่อดักจับ LDL ไปทิ้ง

การทำน้ำมันหมู
นำน้ำมันหมูเปลว 1 ก.ก. กับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ เจียวบนกระทะ จะทำให้ไม่ติดกระทะ ไม่กระเด็น ได้น้ำมันเกือบ 2 ลิตร กากหมูจะกรอบมาก เนื่องจากเกลือจะเป็นตัวช่วยดึงน้ำมันออกมาจนหมด

น้ำมันมะพร้าว
นำกะทิใส่ถุงแช่ตู้เย็น 3 ช.ม. เพื่อให้เนื้อกับน้ำแยกตัวกัน นำเนื้อมะพร้าวส่วนบนไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน เก็บไว้ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน

การสระผม
ควรสระผมด้วยสบู่เด็ก ควรสระผมช่วงเช้า ไม่ควรสระผมตอนเย็น เพราะผมจะไม่สามารถแห้งได้ทัน เวลานอนจะเกิดเชื้อรากลางคืน เป็นเหตุของอาการคันศีรษะ และ ลงน้ำมันมะพร้าวที่หนังหัว

เกลือ
การบริโภคเกลือ(เกลือทะเล เกลือเม็ด) ไม่ได้ทำให้ไตวาย แต่เนื่องจากในอุตสาหกรรมการผลิตเกลือที่ขาวละเอียดมีการเติมโพลิเมอร์ โดยหยดลงบนเกลือ ทำให้โครงสร้างจากเดิมโซเดียมคลอไรด์เปลี่ยนเป็นโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีผลต่อไต เพราะไม่สามารถขับออกได้ ซึ่งเกลือชนิดนี้จะโรยบนอาหารแล้วยังคงทำให้อาหารกรอบ แต่ถ้าเป็นเกลือที่เป็นโซเดียมคลอไรด์นั้น จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นทำให้อาหารไม่คงความกรอบ

ไมโครเวฟ
การใช้ไมโครเวฟ ระวังมะเร็ง เนื่องจากมีการกระจายคลื่นเข้าสู่เซลมีผลทำให้ตายได้

ตะไคร้แกง
นำมาหั่นแล้วต้มเป็นน้ำตะไคร้ ดื่มเพื่อช่วยลดเบาหวาน

กาแฟ
มีคาเฟอีน มีไว้ดม ไม่ควรกิน เพราะจะมีผลยับยั้งไม่ให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก จึงมีโอกาสเป็นโรค กระดูกผุ กระตุ้นเซลมะเร็ง

ไข่
ไข่ต้ม ไข่เค็ม ไข่พะโล้ โดยเฉพาะไข่แดง หากกินวันละ 2 ฟอง จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด (ลดเบาหวาน) เนื่องจากไข่แดงมีซิลิเนียม
งานวิจัยของฮาวาร์ด พบว่าหากบริโภคไข่วันละ 3 ฟอง (อายุต่ำกว่า 45 ปี) ; บริโภควันละ 2 ฟอง (อายุ 45 ปี – 50 ปี) และบริโภควันละ 1 ฟอง (อายุเกิน 50 ปี)
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีสรรพคุณสูงกว่านม 5 กล่อง

การออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายทุกวัน ออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น
1. การขยับนิ้วมือ เป็นการช่วยเรื่องน้ำในข้อ ผลที่ได้กระดูกจะไม่ผุ
2. งอนิ้วมือ ช่วยในเรื่องของอาการนิ้วล็อค
3. กำมือและแบมือสลับข้างกันไปมา ช่วยในเรื่องของโรคหัวใจ และลด Cholesterol
4. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ และขยับเท้ายกขึ้นทำท่าวิ่งบนอากาศ
5. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ ทุบขาด้านนอก และด้านใน ทุบแขน สลับกันไป
6. การนั่งตรง ๆ นั่งแค่ครึ่งเก้าอี้ ประมาณ 10 นาที ช่วยป้องกันในเรื่องของ
ริดสีดวงทวาร
7. กำมือขวาหมุนเป็นวงกลมออกนอกตัว และกำมือซ้ายหมุนเป็นวงกลมเข้าหาตัว
เป็นการบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
8. มือประสานกันสองข้าง ยืดตรงไปข้างหน้า เท้าห่างกันประมาณช่วงไหล มองตรง แล้วหมุนเอวไปรอบ ๆ ทั้งด้านซ้าย และขวา ครั้งละ 5 รอบ ทำตอนเช้า จะช่วยลดส่วนเกินตรงหน้าท้อง(Moon attracted)

ของฝากจาก
ดร.วิชัย เกียรติสามิภักดิ์

❤ กรุณาส่งต่อเพื่อนๆที่เรารักด้วย-ขอบคุณ❤
#เรื่องสุขภาพสำคัญ
#ชีวิตต้องมีวันพรุ่งนี้
#เรื่องดีๆเลยต้องบอกต่อ

ตะเกียบฟอกขาว ผู้ป่วยโรคหืด ภูมิแพ้ เสี่ยงสุด

ตะเกียบเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ส่วนประเทศไทยนิยมใช้สำหรับอาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ตะเกียบอาจทำมาจากไม้ หรือโลหะหรือพลาสติก แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเป็นตะเกียบไม้ ซึ่งไม้ที่นิยมนำมาทำตะเกียบ คือไม้ไผ่ ไม้โมกข์ และ ไม้ฉำฉา เนื่องจากมีสีขาว เนื้อละเอียด ไม่ทำให้อาหารมี สี กลิ่น รส ผิดเพี้ยนไป แต่รู้หรือไม่ ตะเกียบพวกนี้อาจมีสารอันตราย!

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตือนว่า สารดังกล่าว คือ สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เพื่อฟอกเนื้อไม้ให้ขาวและป้องกันเชื้อรา ปัจจุบันร้านอาหารนิยมใช้ตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพื่อความสะดวกและเพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันเชื้อโรคติดต่อระหว่างกันได้ ทั้งนี้เคยมีข่าวที่ประเทศไต้หวันตรวจพบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างในตะเกียบ เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งประเทศไต้หวันได้กำหนดปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในตะเกียบไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulphur dioxide) เป็นสารเคมีในกลุ่มซัลไฟต์หรือที่รู้จักกันว่าสารฟอกขาวที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเปลี่ยนสีของอาหารไม่ให้เป็นสีน้ำตาลเมื่ออาหารถูกความร้อนในกระบวนการผลิตและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์ ราและบักเตรีได้ดี สามารถนำสารนี้ไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเป็นวัตถุกันเสีย และเป็นสารป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอาหาร ผักผลไม้อบแห้ง วุ้นเส้นและ ลูกกวาด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการใช้สารนี้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น นำไปใช้ผสมในน้ำยาอัดรูป ฟอกสีผ้า กระดาษและสบู่ เป็นต้น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเมื่อใช้ในปริมาณต่ำ แต่จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคที่แพ้ง่าย เช่น ทำให้เกิดโรคหืด มีอาการแน่นหน้าอก คันคอ หรือเป็นผื่นคัน และเป็นแผลพุพอง องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าการบริโภคในแต่ละวันที่ได้รับหรือค่า ADI ของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน

นพ.อภิชัย กล่าวว่า ในปี 2548 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้เก็บตัวอย่างตะเกียบไม้แบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ 11 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ โดยชุดทดสอบภาคสนาม ไม่พบสารฟอกขาวซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ต่อมาในปี 2550 ได้สุ่มตรวจตะเกียบ 8 ตัวอย่าง และไม้จิ้มฟัน 2 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ตรวจพบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในตะเกียบทั้ง 8 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 19.4- 256.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนไม้จิ้มฟันตรวจพบ 1 ตัวอย่าง ปริมาณที่พบ 4.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เมื่อทดสอบการละลายของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ออกมาจากตะเกียบโดยการนำมาแช่ในน้ำเดือดเป็นเวลา 5 นาทีแล้วนำน้ำมาตรวจวิเคราะห์พบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ละลายออกมาอยู่ในช่วง 2-91.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ประเทศไทยไม่มีกฎหมายกำหนดเรื่องปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ตกค้างในตะเกียบ แต่เมื่อเทียบกับกฎหมายของประเทศไต้หวันพบว่าปริมาณที่พบไม่เกินมาตรฐาน

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังดำเนินการตรวจการตกค้างของสารฟอกขาวในตะเกียบซ้ำอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน 2559 นี้ โดยสุ่มเก็บตัวอย่างจากสถานที่จำหน่ายทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง และค้าปลีก ตรวจวิเคราะห์สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในตะเกียบ เพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการเฝ้าระวังได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเมื่อใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากร่างกายสามารถขับออกทางปัสสาวะได้ แต่จะมีผลกระทบต่อคนที่เป็นโรคหอบหืดหรือคนที่แพ้ง่ายจะมีอาการทันที ดังนั้น ผู้บริโภคที่ใช้ตะเกียบในการบริโภคอาหาร จึงควรสังเกตหากพบว่าตะเกียบมีเนื้อไม้ขาวจัดและมีกลิ่นฉุนก็ไม่ควรใช้หรืออาจไปใช้ตะเกียบแบบใช้ซ้ำได้ ซึ่งสามารถล้างให้สะอาดได้ก่อนใช้

ร้ายกว่านั้น เราชาวไทยขาดไม่ได้ ต้องใช้กันทุกวันในการรับประทานอาหาร หรือคีบอะไรสักอย่างเข้าปาก ถามว่ามีใครเคยรู้ไหมว่าวิธีการผลิต ตะเกียบ นั้นเป็นอย่างไร ไปชมขั้นตอนการผลิตตะเกียบจากบริษัทแห่งหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน เรามาชมกันเลยดีกว่าครับ

จาก: มติชนออนไลน์ และภาพจากกูเกิ้ล

เอามาฝากเพื่อนพี่ป้าน้าอาทุกเพศทุกวัย ภาษาเขมรวันละคำ

วันนี้เพื่อนในไลน์ส่งข้อความดีๆมาให้เลยจะเอามาแชร์ให้ออเจ้าทั้งหลาย แต่ว่าถ้าข้าแชร์ต่อย่างเดียวก็กะไร ข้าก็เลยสอนภาษาเขมรไปด้วยก็หาผิดอะไรไม่
เอาเป็นว่าข้าขอเสนอคำว่า ออกกำลังกาย ออเจ้าพร้อมที่จะเรียนหรือยัง
ออกกำลังกายหาใช้คำว่า เจ็งกำลังกาย เหมือนพี่น้องชาวอีสานใต้แต่อย่างใดครับ
เขาใช้คำว่า ហាត់ប្រាណ
ถึงจุดนี้มีผู้ใดพออ่านออกหรือไม่?
อิอิอิ พิมพ์ไปขำไป ผู้ใดพอรู้จักสระพยัญชนะ และเจิงต่างๆของภาษาเขมรก็ลองสะกดดูน่ะ
อ้ะ ถ้าพร้อมแล้วข้าจะเฉลยแล้วหนา
ហាត់ប្រាណ อ่านว่า หัด ปราณ
ไหน มีผู้ใดอ่านถูกบ้าง หาาา อ่านถูกหรือ เก่งฝุดๆเลยขอรับ
ហាត់ หัด ในภาษาเขมรแปลว่าฝึก หรือหัด เหมือนกันเลย
ส่วนคำว่า ប្រាណ ปราณ เป็นอีกคำหนึ่งที่ที่มีความหมายเดียวกันกับคำว่า កាយ กาย ที่แปลว่าร่างกาย
รวมกันแล้วก็แปลว่า ฝึกหัดร่างกาย แต่ภาษาไทยใช้คำว่า ออกกำลังกายเท่านั้นเอง
อ้ะ เรียนเสร็จแล้วก็อย่าลืมทบทวนนะขอรับ ต่อไปก็ไปอ่านสาระดีๆกันเลยยขอรับ
สนุก และมี ปย.
ง่าย ทำทุกวัน สวย-หล่อ อายุยืน แน่
กระทรวงแรงงาน ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย และ สสส. ได้ร่วมกันพัฒนาท่าประกอบการบริหารร่างกายสไตล์​ไทย​ๆ​ เพื่อส่งเสริมให้​วัยทำงานได้มีการบริหารร่างกายก่อนเริ่มปฏิบัติงาน หรือช่วงเวลาระหว่างปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความพร้อมและ​ความแข็งแรงให้กับร่างกาย
(วัยเรียน วัยรุ่น ผู้สูงวัย ก็นำไปใช้ได้ครับ)

เพลงบรรเลง 1 2 3 4
Producer บอย โกสิยพงษ์
ทำนอง และเรียบเรียง : ภูดินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล
Mixed & Mastered : สุธี แสงเสรีชน

ผู้ออกแบบท่าและโปรแกรมการบริหารร่างกาย :
นายชัยรัชต์ จันทร์ตรี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย

12 ท่าบริหารร่างกายสไตล์ไทย ๆ (ฉบับครบสูตร) เพื่อความแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า (5 นาที)

ง่ายๆ ดีต่อร่างกาย ลองออกกำลังกายตามนะ

ใครกำลังทะเลาะกับแม่ ลองอ่านดู !!!

ห้องคลอดทุกห้องต้องมีนาฬิกาอย่างน้อยหนึ่งเรือน
ถ้ามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การคลอด คุณจะเห็น พยาบาลคนหนึ่งคอยเหลียวมองนาฬิกาเรือนนั้น ทันทีที่ทารกคลอดออกมา เธอจะขานเวลาบนหน้าปัดตัวเลขชั่วโมง-นาทีจะไปปรากฏบนสูติบัตร ในช่องว่างหลังคำว่าเวลาคลอด และวันที่บนปฏิทินวันนั้นก็จะไปปรากฏ อยู่บนบัตรประจำตัวอีกหลายใบในฐานะวันเกิด วันที่ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา អានត-อ่านต่อ