5 อาหารดีๆ บำรุงไต

image

○○ 5 อาหารดีๆ บำรุงไต ○○

การรับประทานอาหารหลายๆอย่างที่มากเกินความจำเป็น จะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารบางชนิดเกินกว่าความต้องการและอาจทำให้ “ไต” ต้องทำงานหนักและเสื่อมเร็วได้
         แต่สำหรับอาหารบางชนิดเมื่อรับประทานแล้วมีส่วนช่วยบำรุงไตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เช่น กระเทียมสด ,หอมหัวใหญ่,กะหล่ำปลี ,ปลาสด และแครนเบอร์รี่
        1. กระเทียมสด  จะมีสารอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา รวมทั้งป้องการโรคหัวใจโรคหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไต และการอักเสบต่างๆ
        2. หอมหัวใหญ่  เป็นอาหารบำรุงสุขภาพสำหรับคนที่มีระดับครีเอตินิน ในระดับสูง หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคไต ซึ่งในหอมหัวใหญ่จะมีสารประกอบธรรมชาติอย่างโพรสตาแกลนติน ที่มีคุณสมบัติในการลดความหนืดของเลือด และช่วยลดความดันของเลือด ซึ่งจะทำให้ลดอาการโรคไตลงได้
        3. กะหล่ำปลี  จะมีวิตามิน C กรดฟอลิก เส้นใย และยังมีโพแทสเซียมต่ำ ซึ่งสามารถขจัดสารพิษบางอย่างออกจากร่างกายได้ ทำให้ลดภาระการทำงานของไตได้ และป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทั้ง 2 โรค สามารถเชื่อมโยงการเกิดโรคไตได้
        4. ปลาสด เช่น แซลมอน เทราต์ และซาร์ดีน  อุดมไปด้วยโปรตีนและโอเมก้า 3 ที่คนไม่สามารถผลิตเองได้ ซึ่งการกินปลาสดเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอลสูงได
        5. แครนเบอร์รี่   ผลไม้ลูกเล็กสีแดงที่จะช่วยเพิ่มความเป็นกรดของปัสสาวะ และลดความเสี่ยงในการเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ด้วย

     ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า

เขียนดีมาก อ่านให้จบ คุณอาจจะหันมารักตัวเอง…

image

สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ

– ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง บำรุง
– ไม่กระหายแต่ก็ต้อง ดื่มน้ำ
– ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง ปล่อยวาง 
– มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง ยอมคน 
– มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก ถ่อมตน
– ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง พักผ่อน
– ไม่รวยแต่ก็ต้อง รู้จักพอเพียง
– ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก พักผ่อน

หมั่นเตือนตน: ชีวิตนี้สั้นนัก
หากเวลาของคุณยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้ต่อให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง
ดังนั้น

– อยากกิน…กิน
– อยากเที่ยว….เที่ยว
– เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้
– สุขสบายทุกเพลา
– เวลาที่ยังจับมือไหว ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์
– เวลาที่ยังกอดไหว ให้โอบกอดให้ชื่นใจ
– ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง เพื่อนที่ดีต่อไป
– เวลาที่อยู่ด้วยกัน อย่าได้โกรธกันง่ายๆ

ถ้าคุณแชร์ส่งให้เพื่อนๆ แสดงว่าคุณเป็นคนรักและหวังดีกับเพื่อนคุณ ถ้าไม่ส่งแสดงว่าคุณรักแต่ตัวเองไม่คิดจะเผื่อแผ่ความสุขให้คนรอบข้างและเตือนสติเพื่อนของคุณ

มนุษย์ ‘อาหารกล่องโฟม’ คนกินเสี่ยงมะเร็ง 6 เท่า

image

คุณรู้หรือไม่ ผู้ที่ทานอาหารตามสั่งที่บรรจุกล่องโฟม มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า
          (star) “กล่องโฟม” ภาชนะบรรจุอาหารที่นิยมใช้ตามท้องตลาดทั่วไป มักมีสีขาวๆ น้ำหนักเบา และราคาถูก แต่คุณเชื่อไหมว่า สิ่งเหล่านี้ ทำมาจากของเสียเหลือทิ้งสีดำๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ที่ผ่านกระบวนการผลิตให้ดูน่ากินน่าใช้ แต่บรรจุภัณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วยสารสไตรีน (Styrene) ซึ่งผู้ที่ได้รับสารดังกล่าวในปริมาณที่ต่อเนื่อง จะทำให้สมองมึนงง และเสื่อมง่าย หงุดหงิดง่าย ในผู้หญิง จะมีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ มะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชาย จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และทั้งชายหญิง จะเสี่ยงต่อมะเร็งตับอีกด้วย
          (star) บรรจุภัณฑ์จากโฟมที่มีรูปทรงน่าสนใจ ราคาไม่แพง
          นอกจากนี้ สารสไตรีน ยังมีผลต่อทารกในครรภ์ สำหรับแม่ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ เสี่ยงพิการ ซึ่งถ้ารับประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่าเลยทีเดียว
          ส่วนปัจจัยที่ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในกล่องโฟม ความร้อนจัด หรือเย็นจัด จะเป็นปัจจัยที่เร่งให้สารสไตรีน สะสมในอาหารได้โดยง่าย และยิ่งถ้าอาหารชนิดนั้นมีส่วนผสมวของน้ำมัน น้ำส้มสายชู แล้ว จะยิ่งทำให้อาหารดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติอีกด้วย
          (star) ผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษชานอ้อย
          ทั้งนี้ เมื่อเรามองเห็นถึงอันตรายจากการบริโภคอาหารจากกล่องโฟมแล้ว เชื่อว่า หลายคนอาจตระหนักถึงพิษภัยที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารกล่อง ลองเลือกร้านที่ใช้กล่องเยื่อกระดาษชานอ้อย ซึ่งมีความปลอดภัยสูง หรือจะยอมเสียเวลาสั่งใส่จาน แล้วรับประทานไปเลยปลอดภัยกว่าเยอะ

          ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า

เรื่องเล่า :idea:

image

วันนี้จะขอเล่าเรื่อง เด็กเกาหลีพี่น้องสองคน ที่เกิดมาในตระกูลคนยากจนแบบสุดๆ แต่พี่น้องสองคนนี้  กลับกลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศเกาหลี เขาชื่อ ลี เบียงชอล ครับ ว่างๆลองอ่านดู แต่ขอเตือนว่าอ่านแล้ว ห้ามร้องไห้นะครับ… สวัสดี
ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

‘ใครขโมยเงินไป’ พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

‘ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ’

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้….แล้วพูดว่า

‘ผมขโมยเองครับ’

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

และด่าว่าน้องชายของฉัน

‘ ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย หัวขโมย’

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

‘ พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว’

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี…

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

‘ ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ’

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

‘แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน’

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

‘ ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว’

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

‘ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้’

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน….เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

‘ ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้’

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ …….

วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

‘ พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ….

ผมจะไปหางานทำ…แล้วจะส่งเงินมาให้พี่’

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า …….

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี …..

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ …….

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

‘มีชาวบ้านมาหาเธอ…อยู่ข้างนอกแน่ะ’

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง

ฉันถามเขาว่า

‘ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ’

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

‘ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้…ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี’

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

‘ พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม’

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า

‘ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง’

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

‘แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ’

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

‘ แม่ไม่ได้จ้างหรอก…น้องชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ’

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด ‘เจ็บมากไหม’

ฉันถาม

‘ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

และ…’

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

‘เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ’

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี…

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน…

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป …

เขาบอกกับฉันว่า

‘พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง’

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
….
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

… ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

‘ ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

ดูตัวเองซิ…เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง’

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

‘พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด’

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย …..

ฉันบอกกับน้องว่า

‘แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่…’

‘ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ’

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี…

เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

‘ ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้’

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล ‘พี่สาวของผมครับ’ …..

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

‘ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

เพื่อเดินไปเรียน…และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ …….นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ’

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก …….

‘ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ’

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง…

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

จบบริบูรณ์….

ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท 

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

‘ซัมซุง’

ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ทุกข์ ไม่มีปัญหา ..

image

ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ทุกข์ ไม่มีปัญหา ..
ปัญหานี่ทำให้เกิดปัญญา …
ปัญญาที่จะหาทางออกจากปัญหา …
ปัญหายิ่งใหญ่แค่ไหน โอกาสทองยิ่งมีมาก …
เมื่อไรที่หาข้อดีในปัญหาได้ ..
เมื่อนั้นแสดงว่าปัญญาเริ่มเกิด ..

การฟูมฟาย ตีอกชกตัว ประนามตนเองหรือผู้อื่นว่าเป็นฝ่ายผิด
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
ใจยิ่งแกว่งมากเท่าไร .. เรายิ่งใช้สติ จับใจไว้ได้ยาก
แต่เราต้องทำ เพราะมันเป็นใจของเรา

คนที่ผ่านปัญหาไปได้มีหลายประเภท ..
บ้างปล่อยไปตามกาลเวลา
บ้างหาวิธีแก้ไข ถึงแม้ต้องเจ็บปวด ทั้งน้ำตา
บ้างหาวิธีแก้ไข ด้วยสติ

ลอง นิ่ง เงียบ ให้ เวลากับตัวเอง ..
พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง ..
ดูซิว่า “เราจะจับใจ” ของเราไว้ได้หรือไม่ ..

ณ สติจับใจ

เรื่องดีๆ….ของความพอดี

image

มีเสืออยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในกรง
อีกตัวหนึ่งอยู่ในป่า มันต่างคิดว่าที่ๆมันอยู่นั้นไม่น่าอยู่เลย
ต่างก็อิจฉาการดำเนินชีวิตของซึ่งกัน
วันหนึ่ง พวกมันจึงแลกที่อยู่กัน
ต่างก็มีความสุขกับสภาพแวดล้อมใหม่
ต่อมาไม่นาน เสือทั้งสองตัวก็ตาย
ตัวหนึ่งอดตายอยู่ในป่า
อีกตัวหนึ่งตายเพราะซึมเศร้าอยู่ในกรง

@ บางครั้ง เราไม่ถนอมวาสนาที่เรากำลังได้รับอยู่
แต่เรามักอิจฉาในวาสนาของคนอื่น
แท้จริงแล้ว สิ่งที่คุณมีนั่นแหละคือสิ่งที่คนอื่นอิจฉา

โดย ทางแพทย์สายพุทธ
ข้อมูล นุสนธิ์บุคส์ และรูปจากอินเตอร์เนต

แอปเปิ้ลแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน

image

แอปเปิ้ล ผลไม้ยอดนิยม นอกจากรูปร่างจะน่ารับประทานแล้ว ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย แอปเปิ้ลในท้องตลาดมีอยู่หลายสี แต่ละสีก็มีประโยชน์แตกต่างกัน

หลายคนไม่ชอบทานเปลือกแอปเปิ้ล ซึ่งนั่นผิดมหันต์ เพราะจะทำให้คุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ ลดลงไปอย่างมาก ประโยชน์ของแอปเปิ้ลที่คุณควรรู้มีดังต่อไปนี้

แอปเปิ้ลที่เห็นตามท้องตลาด มีทั้งเปลือกสีแดง สีชมพู สีเขียว และสีเหลือง แตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่เนื้อข้างในก็เหมือนกันคือ เป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวล ทราบไหมว่า เมื่อรับประทานแอปเปิ้ลโดยไม่ปอกเปลือก 1 ผล จะได้รับพลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม และวิตามินซีมากถึง 7.9 มิลลิกรัม

นอกจากนั้นยังมีสารเบต้าแคโรทีน และเส้นใยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส
แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารอาหารดังกล่าวก็จะลดลงไปด้วย มีความเชื่อของฝรั่งกล่าวไว้ว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผล ช่วยให้ห่างไกลหมอได้ โดยแอปเปิ้ลแต่ละสีก็มีประโยชน์ต่างกันดังนี้

แอปเปิ้ลสีแดง

ประโยชน์ที่โดดเด่น คือ มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวอีกด้วย

แอปเปิ้ลสีชมพู

คุณค่าทางสารอาหารที่สำคัญคือ มีสารฟิโนลิกมากที่สุด ซึ่งสารตัวนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

แอปเปิ้ลสีเขียว

มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะมีน้ำตาลน้อย และมีสารอิลาสตินและคอลลาเจนเช่นเดียวกัน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี

แอปเปิ้ลสีเหลือง
มีสารเควอร์ซิติน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก

ต่อจากนี้ไปก่อนซื้อแอปเปิ้ลคงต้องพิจารณาก่อนว่าช่วงนั้นร่างกายต้องการอะไร อยากผิวสวยต้องแอปเปิ้ลแดงกับเขียว อยากฟันแข็งแรงต้องแอปเปิ้ลชมพู แต่ถ้าอยากลดหุ่นสีไหนก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นแหละค่ะ มากินแอปเปิ้ลกันดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

เคล็ดลับการปล่อยวาง

image

ไม่คาใจ เพราะได้ทุ่มสุดกำลังแล้ว
จะแพ้ จะพลาดหวัง… ขอให้เกิดหลังจากคำว่า
“ทำดีที่สุดแล้ว”

วันนั้น ถ้าฉันได้ลองทำ…
วันนั้น ถ้าฉันพยายามให้มากขึ้น…
วันนั้น ถ้าฉันให้เวลาเพิ่มอีกสักนิด…
วันนั้น ถ้าฉันเตรียมพร้อมให้มากกว่านั้น…
วันนั้น ถ้าฉันอดทนอีกสักหน่อย…
วันนั้น ถ้าฉันไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป
วันนี้….ก็จะไม่ย้อนกลับมา

พร้อม…จะทำอย่างเต็มที่ กับวันนี้กันหรือยังคะ ?

Cr. ความสุขประเทศไทย

3 ทานที่จะสร้าง “ปาฏิหาริย์” ให้ชีวิตดีฉับพลัน!!!

image

มีเรื่องดีๆ จะมาแนะนำเป็นเคล็ดวิชาศักดิ์ จากบูรพาจารย์ ที่ท่านเมตตาชี้ทางคนที่กำลังทุกข์มากๆ ขัดสน และมีปัยหาเรื่องการเงิน การงาน และครอบครัว ถ้าอยากให้ทุกอย่างดีขึ้นให้ทำดังนี้..

หมั่นทำทาน 3 ทานนี้ให้ครบทุกวัน คือ วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน

วัตถุทานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก เอาที่ไม่เดือดร้อน จะรินน้ำสักแก้วให้ผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ จะให้อาหารสัตว์ที่บ้าน จะหยอดตู้บริจาคหนึ่งสลึง จะใส่บาตร จะทำสังฆทาน ถือว่าเป็นบุญจากวัตถุทานทั้งสิ้น

ธรรมทานนั้น หมายความถึง..

การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น จะเป็นการอบรมสั่งสอนลูกๆ

การทำงานประจำวันที่เราทำแบบทำงานเหมือนทำบุญ ทำงานด้วยความเต็มใจเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น

หรือร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์หนังสือ บทสวดมนต์ หนังสือที่มีความรู้ถือว่าเป็นธรรมทานทั้งสิ้นหรือสวดมนต์ทุกวัน

เพราะการสวดมนต์ทุกครั้งนั้น นอกจากสรา้งมงคลให้ตนเองแล้ว ทุกครั้งที่สวดจะมีพรหมเทพเทวา ดวงจิตวิญญาณที่อยู่บริเวณนั้นมาร่วมฟังธรรม ฟังคำสรรเสริญ ที่บูชาพระพุทธเจ้าด้วย

อภัยทานนั้น จะทำง่ายหรือจะว่ายากที่สุดก็ได้เหมือนกัน เพราะถ้าเราโกรธปักใจหรืออาฆาตแค้นใคร มักจะให้อภัยยาก

ครูบาอาจารย์ท่านสอนวิธีให้เราให้อภัยคนได้แบบง่ายต้องใช้พรหมวิหาร 4 เข้าช่วยคือ..

เริ่มจากเมตตา มากรุณา มามุทิตา และถ้าไม่ไหวก็อุเบกขา คือ ปล่อยวางเสีย คิดว่าใครทำอะไรไว้คนนั้นต้องรับกรรมนั้นเอง

ให้เริ่มจากคนที่ใกล้ตัวก่อน พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง เพื่อน และขยายออกไปจะสำเร็จโดยง่าย

ทั้งวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทานนั้นทำได้ทุกวันง่ายๆ
แล้วทุกท่านที่ทำสม่ำเสมอ มากพอ นานพอ
จะพบกับ”ปาฏิหาริย์” ที่ท่านจะรู้ด้วยตัวเองทันที..

ขอให้ทุกท่านพบแต่ความสุข ความเจริญยิ่งขึ้นในทุกๆ วัน
ทีมงานแผ่นพับสวดมนต์ธรรมทาน

(Cr. Lek Saowaros)

រចនាក្រាហ្វិក-ออกแบบกราฟิก ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

image

ภาษาเขมร : រចនាក្រាហ្វិក
อ่านว่า : รักจะนา กราฟิก
แปลว่า : ออกแบบกราฟิก
អានថា : អកប៊ែបក្រាហ្វិក អានត-อ่านต่อ

“มหัศจรรย์แห่งชีวิต 7 หลักคิด จาก ว.วชิรเมธี”

image

บางส่วนจากหนังสือ“มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี” เป็นการตอบคำถาม 20 ข้อ ที่น่าสนใจมาก

1. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้ เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูกให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

2. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(1) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(2) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(3) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(4) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

3. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ ส่วน ปลาตาย มักไหลตามน้ำ ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

4. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

5. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว คุณถูก นินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ ให้เห็นความบกพร่อง ของตัวเอง

6. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(1) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(2) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(3) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

7. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น แต่เขาไม่ สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

8. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(1) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(2) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(3) เรียงลำดับความสำคัญของงาน สำคัญก่อน ให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

9. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม คนเด่นต้องมี คนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา ยังดีกว่าทำ งานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

10. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(1) หางานใหม่
(2) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(3) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(4) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอดจ่าย มากกว่ารับนับว่าแย่

11. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคน อื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่าแสดงว่า ระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

12. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ แต่หากไถ่เพื่อ ทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บ าป แทนที่จะไถ่โคกระบือ คุณควรไถ่ตัวเองให้ พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

13. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน ถึง เธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

14. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะ เวียนผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

15. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(1) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(2) ได้ถามตัวเอ??ว่า เราเกิดมาจากใคร
(3) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

16. สวดมนต์บทไหนดี?
(1) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(2) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จง เว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(3) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้ คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

17. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(1) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(2) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(3) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

18. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(1) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(2) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(3) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

19. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

20. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศ ิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์ ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

+++ไม่อยากให้ข้อความดีๆแบบนี้อยู่แค่ใน กล่องเมลล์ แล้ววันนึงเราก็จะลืมมันไปหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านบ้างนะ++

Iyawan Jewelry ได้เผยแพร่บันทึก

ប័ណ្ណឥណទាន-บัตรเครดิต ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

ប័ណ្ណឥណទានภาษาเขมร : ប័ណ្ណឥណទាន
อ่านว่า : บัน เอินนะเตียน
แปลว่า : บัตรเครดิต អានត-อ่านต่อ

มองโลกให้สวยงาม ใช้ชีวิตให้ดี สบายใจต่อไป…

image

แม่ชีเทเรซ่าว่าไว้…
คนมักจะไม่มีเหตุผล น่ารำคาญ ยึดตัวตน
ให้อภัยไปเถอะ

ถึงเราจะใจดี แต่ก็จะมีคนคิดว่าเราเห็นแก่ตัว มีหมกเม็ด
ใจดีต่อไปเถอะ

ถ้าเราประสบความสำเร็จ เราจะได้ทั้งมิตรและศัตรู
จงประสบความสำเร็จไปตามที่หวัง

ถึงเราจะซื่อสัตย์ จริงใจ แต่ก็ยังจะมีคนหลอกลวงเรา
ซื่อสัตย์ จริงใจไป

เมื่อเราใช้เวลาเป็นปีสร้างอะไรขึ้นมา คนอาจทำลายมันในชั่วข้ามคืน
ยังไงก็สร้างเถอะ

ถ้าเราสุขสงบ อาจมีคนอิจฉา
จงมีความสุขไป

การทำดีในวันนี้ อาจถูกลืมได้
จงทำดีเถอะ

แม้จะ “ให้”อย่างสุดสุดดีที่สุดแล้ว แต่มันไม่มีวันพอ
ยังไงก็ “ให้” ไป

(Cr. Business link เชื่อมช่อง)

ផ្សារទំនើប-ห้างสรรพสินค้า ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

ផ្សារទំនើប

ภาษาเขมร : ផ្សារទំនើប
อ่านว่า : พฺซา ตุมเหนิบ
แปลว่า : ห้างสรรพสินค้า
អានថា : ហាង់ សាប់ផៈសីនខា
ภาษาอังกฤษ : Supermarket, mall
Listen :

ตัวอย่าง : សង្សារខ្ញុំដើរផ្សារទំនើបញឹកញាប់ណាស់។
อ่านว่า : ซ็อง ซา คญม เดิร์ พฺซา ตุมเหนิบ ญึก ญ็วบ น่ะฮ์
แปลว่า : แฟนฉันเดินห้างบ่อยมาก
អានថា : ហ្វ៊ែនឆ៎ាន់ឌើនហាង់ប៊យ់ម៉ាក

By Admin: Ny Rithy

ถ้าคุณเป็นกัลยาณมิตร…

image

..ถ้าคุณเป็นกัลยาณมิตร
ควรให้ข้อมูลที่นำความสุขใจ
มาให้อีกฝ่ายหนึ่ง

ให้ข้อเท็จจริงเพื่อให้อีกฝ่าย
ได้เตรียมใจ ปรับใจ
แก้ไขส่วนบกพร่อง

พร้อมกับคอยประคับประคองใจ
ให้ยืนหยัดเข้มแข็ง

คุณต้องช่วยให้คนที่คุณคบ
ได้ยกระดับจิตใจของตนเอง

มีมุมมองที่ดีต่อคนอื่น
มีมิตรภาพที่ดีกับคนทั่ว ๆ ไป

และยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง
เพื่อแก้ไขให้ดีขึ้น..

อรุณสวัสดิ์ค่ะ… มีความสุข สบายใจนะคะ^^

(Cr.อมรากุล อินโอชานนท์)
โลกทรรศนะ , (ภาพ) Flower story

* คู่มือ…การดูแลพ่อ-แม่ *

image

๑. ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหน มีความรู้เยอะเพียงใด อายุก็ยังห่างกับพ่อแม่เท่าเดิม อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของท่าน
ถึงแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ ไม่เป็นผลดีต่อโรคเลยก็ตาม เถียงกันไป เราจะเหนื่อยทั้งกาย และปวดทั้งใจ
ให้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ในชีวิตท่านอย่างเนียนๆ วันหนึ่งที่พ่อแม่เห็นด้วย กับตัวเราเองว่า ทำแบบนี้แล้วสบายตัวขึ้น ท่านจะยอมทำเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๒. ดูแลพ่อแม่อย่างลูกพึงดู ไม่ใช่อย่างผู้รู้ นักวิชาการ หรือผู้ปกครอง อย่าลืมว่า พ่อแม่ทุกคน. ต้องการความรัก ความอบอุ่น และความเคารพจากลูก มากกว่าอะไรทั้งหมด ถึงแม้บางท่าน อาจจะแสดงออกในทางตรงกันข้ามก็ตาม
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๓. ไม่มีใครอยากเป็นคนป่วย อยากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือ อยากเป็นคนแก่ ที่สูญเสียความเคารพตัวเอง และ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ข้อนี้ คนเป็นลูก มักจะมองข้ามมากที่สุด ไม่ว่าท่านจะป่วย หรือ แก่ขนาดไหนก็ตาม ท่านมีสิทธิเต็มที่ ที่จะ ได้รับการปฏิบัติต่อ ด้วยความเคารพ
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๔. อย่ายัดเยียด สิ่งที่เราเห็นว่า เหมาะที่สุดกับพ่อแม่ โดยท่านไม่เต็มใจ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ เลิศเหลือเกินในสายตาเรา หรือ ชาวโลกก็ตาม
อย่าบ่นว่า หาคนมาดูแลก็ไม่เอา ซื้อเตียงใหม่ให้ ก็ไม่ชอบ ทำห้องให้ใหม่ ก็ไม่ยอมอยู่ หมอที่เก่งกว่า ตั้งเยอะ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ขอให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้น ผู้ใหญ่จะรับความหวังดี จากเรา ด้วยความเต็มใจเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๕. การเปลี่ยนบทบาท จากผู้ถูกดูแล มาเป็นผู้ดูแล ทั้งทางกาย ทางใจ ทางทุนทรัพย์ เป็นการเปลี่ยนแปลง ที่อาศัยเวลา และ ความเข้มแข็งมหาศาล อย่าโทษตัวเอง ถ้าพบว่า มันไม่ง่าย และ ท้อแท้ คิดถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ แล้วจะพบว่า หัวใจของลูก ที่พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อตอบแทนท่าน ไม่ได้ยิ่งใหญ่น้อยไปกว่ากันเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๖. ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องรู้เวลา กิน นอน ขับถ่าย ความดัน ปริมาณอาหารและยา และการตอบสนองทั้งหมดต่อสิ่งเหล่านั้น รวมทั้งเบอร์โรงพยาบาล หมอ และ ambulance เพราะเหตุฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ข้อมูลยิ่งพร้อม การรักษาพยาบาลก็ยิ่งเป็นผลดี
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๗. เป็นคนพา พ่อแม่ไปหาหมอทุกครั้ง แรกๆอาจได้รับการปฏิเสธ ไม่ให้ไปด้วย ให้พยายามแทรกซึม จนท่านชิน ที่มีเรา ไปอำนวยความสะดวก ที่สุดแล้วท่านจะรู้สึกชิน กับความสบายนี้ และเปิดใจให้เรา เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๘. หากจะจ้างคนดูแล เราต้องแน่ใจที่สุดว่า เรามีเวลาในการดูแล การทำงานของเขา อย่างใกล้ชิด
คนดูแล ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าเรา และไม่ได้มีใจรักพ่อแม่เรา อย่างที่เรามีแน่นอน
. . . . . . . . . . . . . ..
๙. จัดหาทุกอย่าง ที่พ่อแม่เคยชอบเคยใช้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็ตาม เช่น เสื้อผ้าที่นานๆ จะมีโอกาสใส่สักครั้งหนึ่ง นอกจากท่านจะรู้สึกว่า เราเอาใจใส่แล้ว ท่านจะยังรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่า ไม่มีอะไรเสื่อมถอยจนด้อยค่า ใช้ของดีๆ สวยๆ ไม่ได้แล้ว คุณค่าทางใจแบบนี้ประมาณค่าไม่ได้เลย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๐. แบ่งหน้าที่กัน กับพี่น้อง หรือคนในครอบครัวให้ชัดเจน จะช่วยลดภาระทางกาย และทางใจลงได้มาก อย่างน้อยที่สุด ก็ลดความตึงเครียด ในครอบครัว รวมทั้งลดการดูแลซ้ำซ้อน เช่น การให้ยาซ้ำ อันอาจเป็นอันตรายได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๑. คุยทิศทางการรักษา และการดูแล กับคนในครอบครัวให้ชัดเจน ก่อนคุยกับหมอ เมื่อหมอเสนอวิธีการรักษาอะไร อย่ากลัวที่จะถาม หรือ ขอเวลาหมอหาข้อมูลเพิ่มเติม 2nd, 3rd Opinion สำคัญเสมอ อย่าหลับหูหลับตา เชื่ออะไรที่ไม่เข้าใจ และก่อนตัดสินใจอะไรสำคัญทุกครั้ง อย่าลืมหาข้อมูล ของแต่ละทิศทาง และผลข้างเคียง ประกอบการตัดสินใจด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๒. ถ้าคุยกับคนในครอบครัวไม่รู้เรื่อง ญาติที่ไกลออกไปหน่อยที่มีความเป็นกลาง จะช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีมาก จำไว้เสมอว่าเราอาจเป็นคนที่คิดผิดเองก็ได้ และทิฏฐิมานะไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๓. เกิดอะไรผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือปิดบังความจริง ให้รีบแจ้งหมอแจ้งครอบครัว และช่วยกันแก้ไขปัญหา ทุกข้อมูลสำคัญกับการรักษาทั้งสิ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . .

” ขออนุโมทนากับลูกทุกคน ที่มีโอกาสดูแลพ่อแม่ ”

เมื่อเราทำเต็มที่ ใจจะไม่รู้สึกขาดเลย ใจจะอิ่มจะเต็ม ครับดูแลพ่อ แม่

តម្លឹង-บาท(ทอง) ภาษาเขมรวันละคำ រៀនភាសាថៃ

gold_header ทองภาษาเขมร : តម្លឹង
อ่านว่า : ด็อม เลิง
แปลว่า : บาท(ทอง)
អានថា : បាត(ថង)
ตัวอย่าง : មាសឥឡូវមួយតម្លឹងប៉ុន្មានហើយ?
อ่านว่า : เมียะฮ์ เอ็ย โลว มวย ด็อม เลิง ปนมาน เฮย អានត-อ่านต่อ