​น้ำตาเพชร

เจ้าเมืองแห่งหนึ่ง มีพระธิดาอยู่ 3 พระองค์ พระธิดาแต่ละองค์มีความงามเป็นเลิศและเป็นที่เล่าลือไปทั่วทุกถิ่นแคว้น


แต่สิ่งที่ติดมาตั้งแต่เกิดของพระธิดาทั้ง 3 ก็คือ ทุกครั้งที่ร้องไห้ หยดน้ำตาจะกลายเป็นเพชรที่งดงามล้ำค่ามาก

เมื่อเจ้าเมืองเห็นว่าพระธิดาของตนได้เวลาเลือกคู่ครองแล้ว จึงได้ประกาศให้เจ้าชายในเมืองต่างๆได้ทราบ
หลังจากประกาศได้ 1 เดือนตามกำหนด ก็มีเจ้าชายและลูกเจ้าขุนมูลนายอีกทั้งชายหนุ่มมากมายเดินทางมาให้พระธิดาทั้ง3เลือก ต่างคนต่างก็พกความมั่นใจมาเต็มร้อย รอเวลาที่พระธิดาทั้ง3ปรากฏโฉม

เมื่อถึงเวลา เจ้าเมืองก็ได้พาพระธิดาทั้ง3ออกมาสู่ปะรำพิธี และเพื่อเป็นการแสดงถึงไมตรีจิตที่เจ้าชายและชายหนุ่มทุกคนเดินทางไกลมาเพื่องานนี้ พระธิดาองค์โตจึงร้องเพลงด้วยเสียงอันไพเราะมอบให้แก่ทุกคน พระธิดาองค์รองได้ร่ายรำด้วยท่าทีที่อ่อนช้อยงดงามประดุจนางฟ้านางสวรรค์ให้แก่ทุกคนชมเป็นบุญตา ส่วนพระธิดาองค์เล็ก ได้แต่ออกมายืนยิ้มให้แก่ทุกคนแล้วก็รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังเจ้าเมือง
เจ้าเมืองเห็นเหตุการณ์ไม่สู้จะดีนัก จึงได้อธิบายให้เจ้าชายและชายหนุ่มทั้งหลายว่า พระธิดาองค์เล็กนั้น ตั้งแต่คลอดออกมาก็ไม่เคยพูดกับใครเลย และก็กลัวคนแปลกหน้า

เมื่อถึงเวลาแนะนำตัวของเจ้าชายและชายหนุ่ม บ้างก็เขียนกลอนวาดภาพอันสวยงามให้พระธิดาองค์โตกัน ณ ตอนนั้น บ้างก็ร่ายรำเพลงดาบและระบำม้าให้พระธิดาองค์รอง บ้างก็นำสิ่งของที่พบเห็นได้ยากมาถวายให้แก่พระธิดาองค์เล็ก

พระธิดาองค์โตและพระธิดาองค์รองต่างก็รู้สึกสนุกสนานและมีชายที่หมายปองไว้แล้วทั้งคู่ ส่วนพระธิดาองค์เล็ก ได้แต่ยืนแอบอยู่หลังเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อเหมือนเดิม
พระธิดาองค์โตได้เลือกเจ้าชายจากเมืองหนึ่งที่หล่อเหลาและมากด้วยความสามารถทางการรบ เจ้าชายได้ให้คำสัญญาต่อหน้าเจ้าเมืองว่า จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้พระธิดาองค์โตเป็นราชินีที่มีชื่อเสียงเกริกก้องเกรียงไกร และจะสลักชื่อของพระธิดาองค์โตบนบัลลังก์เมืองที่ตนไปตีได้ไว้ทุกเมือง

ส่วนพระธิดาองค์รอง ได้เลือกลูกชายของพ่อค้าวานิชชื่อดัง เศรษฐีหนุ่มได้ให้คำมั่นสัญญาแก่พระธิดาองค์รองและเจ้าเมืองว่า จะทำให้พระธิดาองค์รองเป็นเศรษฐีนีที่ร่ำรวยล้นฟ้า มีตำหนักบ้านพักไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงทั้งหลาย อีกทั้งจะหาเพชรนิลจินดามาประดับประดาให้พระธิดาได้ชื่นชมสมใจ

ส่วนพระธิดาองค์เล็ก ได้แต่มองเจ้าชายและชายหนุ่มทั้งหลายแล้วก็ส่ายหัวไปมาไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ครอง จนถึงเวลาที่เจ้าเมืองจะประกาศยุติการเลือกคู่ ก็มีชายเลี้ยงแกะคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาพระธิดาองค์เล็ก แล้วก็กระซิบข้างๆใบหูของนาง แค่นั้น พระธิดาองค์เล็กก็หัวเราะเสียงดังออกมาแล้วก็คว้ามือของชายหนุ่มแล้วชูขึ้น อันหมายถึงว่าได้เลือกผู้ชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต
5 ปีผ่านไป

เจ้าชายใช้เพชรที่ได้จากหยดน้ำตาของพระธิดาองค์โตซื้อม้าฝีเท้าดีและอาวุธในการทำสงครามแย่งชิงดินแดนของแคว้นเมืองต่างๆ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จึงทำให้ชื่อเสียงของพระธิดาองค์โตดังกระฉ่อนไปทั่วทุกแว่นแคว้น และชื่อของพระองค์ก็ถูกสลักไว้ที่บัลลังก์ตามที่เจ้าชายได้ให้สัญญาไว้ พระธิดาองค์โตจึงเป็นสุขกับลาภยศชื่อที่ได้มาจากน้ำตาของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนสามีของพระธิดาองค์รอง ซึ่งเป็นพ่อค้าอยู่แล้ว เปลี่ยนอาชีพของตนเองมาเป็นพ่อค้าเพชร เขาขอร้องให้พระธิดาองค์รองร้องไห้ทุกเช้าค่ำ หากวันใดพระธิดาไม่มีอารมณ์ร้องไห้ เขาก็จะหาเรื่องทำให้พระธิดาสะเทือนใจ เขาจึงมีเพชรมากมายขายให้กับแขกต่างบ้านต่างเมือง ลูกค้าลงชื่อเข้าคิดรอซื้อเพชรน้ำจากจากเขาเป็นปีๆ จึงทำให้เขาและพระธิดามีชีวิตที่สุขสบายและมีตำหนักที่ใหญ่โตกว่าเจ้าหญิงในแค้วนต่างๆตามที่เศรษฐีหนุ่มได้ให้สัญญาไว้ แม้จะต้องร้องไห้ทุกเช้าค่ำ แต่ตำหนักและทรัพย์สินเงินทองที่กองอยู่ตรงหน้าอย่างมากมายมหาศาล ก็ทำให้พระธิดาองค์รองหลงลืมความทุกข์ใจที่ต้องร้องไห้ในทุกๆวันไปได้เช่นกัน

ส่วนพระธิดาองค์เล็ก หลังจากติดตามชายเลี้ยงแกะไปในวันนั้น ก็ได้ออกจากสังคมโลกเข้าสู่ป่าเขาลำเนาไพร เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการสร้างกระต๊อบเพื่อเป็นที่พักอาศัย หาเศษไม้ที่โค่นล้มตายนานวันมาทำเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เขาปลูกผักไว้ที่หลังบ้านมากมาย อยากกินผักอะไรก็หาเด็ดมาปรุงอาหารได้ตามใจชอบ ส่วนพระธิดาองค์เล็ก เมื่อเห็นดอกไม้อะไรที่สวนงามถูกใจ ก็นำมาปลูกในบ้านของตน จนดอกไม้ต่างๆบานสะพรั่งสวยงามละลานตาเป็นที่ถูกอกถูกใจเธอเป็นอย่างยิ่ง

เขายังคงยากจนเหมือนเดิม แต่เขาและพระธิดาองค์เล็กมีความสุขเป้นอย่างยิ่ง พระธิดาเริ่มเอ่ยปากพูดคุยกับเขา แค่เพียงเขาคนเดียวที่พระธิดาจะพูดด้วย เธอพูดทุกสิ่งที่ได้พบเจอมา พูดกับฟ้า พูดกับต้นไม้ดอกไม้ พูดกับสิ่งสาราสัตว์

เขามักจะนั่งฟังเธอพูดด้วยความอิ่มเอิบในหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับเสียงของนางฟ้านางสวรรค์ประทานพรก็มิปาน
วันหนึ่ง เมื่อเจ้าเมืองล้มป่วย ก็ได้ให้พลทหารออกเดินทางไปตามพระธิดาทั้งสามและสามีให้กลับมาดูใจ

เมื่อพระธิดาและสามีทั้งสามเข้าเฝ้า เจ้าเมืองก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นชายเลี้ยงแกะยังคงมีฐานะยากจนเหมือนเดิม เสื้อผ้าที่เขาและเธอสวมใส่แม้จะสะอาดสะอ้าน แต่ก็เต็มไปด้วนรอยปะชุนเต็มไปหมด เจ้าเมืองทนสงสัยไม่ได้จึงถามลูกเขยผู้ยากไร้ว่า

“ทำไมเจ้ายังฐานะยากจนอยู่ แค่ลูกสาวของข้ารองไห้เจ้าก็มีเงินทองซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์สวมใส่ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว?”

ชายเลี้ยงแกะผู้เป็นบุตรเขยจึงเอ่ยตอบเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาว่า

“เพราะข้าพเจ้าไม่เคยทำให้เธอร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียวพะยะค่ะ…”

นุสนธิ์บุคส์

(ขอขอบคุณที่มา : Ramet Tanawangsri)

Leave a Reply