วิตามินและเกลือแร่ถือเป็นสารที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อสุขภาพของมนุษย์ หากปราศจากวิตามินและเกลือแร่ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และอาจจะป่วยเป็นโรคหลายชนิด อันเกี่ยวเนื่องจากการขาดวิตามินและเกลือแร่
วิตามินจะต้องมีอยู่ในอาหารประจำวันของเราเพื่อให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ แม้กระทั่งแพทย์ในสมัย 4ปีก่อนคริสกาล เช่น ฮิปโปคราเตส ยังรู้ว่าอาหารบางชนิดสามารถป้องกันโรคบางโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น การขาดวิตามินซีสามารถก่อให้เกิดโรคลักปิดลักเปิด มีวิตามินเพียง2ตัวเท่านั้น ที่มนุษย์ได้รับจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากอาหารคือวิตามินดีและเค เนื่องจากสามารถสังเคราะห์ได้ในร่างกายของเราเองอีกส่วนหนึ่ง
การค้นพบวิตามิน
มนุษย์ไม่เคยรู้จักวิตามินจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 20 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ประสบผลสำเร็จในการแยกวิตามินออกจากอาหาร ปัจจุบันเรารู้ว่ามีสารอินทรีย์ เหล่านี้มีประมาณ 13 ชนิด ซึ่งทั้งหมดพบในอาหาร และเครื่องดื่ม และในการค้นพบเบื้องต้นนักวิจัยตั้งชื่อวิตามินแต่ละตัวตามตัวอักษรเช่น “ A” หรือ “C” และหลังจากที่รู้โครงสร้างทางเคมีชัดเจนจึงจะมีชื่อเฉพาะต่อไป วิตามินเอมีอีกชื่อหนึ่งว่า “เรทินอล” วิตามินซี เรียก “กรดเอสคอร์บิก” อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทุกสิ่งในโลกนี้ ที่มักจะมีข้อยกเว้น เช่น วิตามินบี ไม่ได้เป็นวิตามินตัวเดียวแต่เป็นวิตามินกลุ่มหนึ่ง และขณะที่วิตามินบีส่วนใหญ่ จะมีชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “B”และมีหมายเลขกำกับเช่น B1 B12 ยังมีวิตามินบีบางตัว เช่น โฟเลต ที่มีแต่ชื่อเฉพาะ
นักวิชาการแบ่งวิตามินออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือวิตามินที่จำเป็นต้องได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เนื่องจากสามารถละลายได้ในน้ำ และสูญเสียจากร่างกายอย่างรวดเร็วผ่านทางปัสสาวะ วิตามินซีและบีจัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ส่วนวิตามินที่เหลือได้แก่ เอ ดี อี และเค ทั้งหมดเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และจัดเป็นวิตามินกลุ่มที่สอง เนื่องจากวิตามินพวกนี้ละลายได้ในไขมัน จึงสะสมอยู่ในไขมันของร่างกายได้นานนับเดือนับปี
เกลือแร่เป็นสารอินทรีย์ที่กำเนิดมาจากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น หินและสายแร่โลหะ เกลือแร่เหล่านี้จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร โดยผสมปนเปอยู่ในดินที่พืชแทงรากลงไป เราอาจได้รับเกลือแร่เข้าสู่ร่างกายโดยตรงจากการกินพืช หรือทางอ้อมโดยกินสัตว์ที่กินพืชอีกทีหนึ่ง
เกลือแร่ก็เป็นสารที่ร่างกายใช้ในปริมาณไม่มากนัก เช่นเดียวกับวิตามิน แต่หากไม่มีเกลือแร่ร่างกายก็ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มีเกลือแร่อยู่ ประมาณ 22 ชนิดที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง และธาตุเหล็กเพื่อช่วยสมองให้มีสมาธิ และช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน มีชีวิตชีวา
เกลือแร่แบ่งได้เป็น สองกลุ่มใหญ่ ๆ
เกลือแร่หลัก เช่นแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม คลอไรด์ โซเดียม กำมะถัน และฟอสฟอรัสเกลือแร่รอง หรือเกลือแร่ที่ใช้น้อย เช่นทองแดง โครเมียม ฟลูออไรด์ ซีลีเนียม และสังกะสี ซี่งร่างกายต้องการใช้ในปริมาณน้อยมาก
เช่นเดียวกับวิตามินทั้งหลายการขาดเกลือแร่ในอาหารอาจก่อให้เกิดโรคได้ ในทางกลับกัน การกินเกลือแร่บางชนิดมากเกินไป ก็สามารถก่ออันตรายได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่กินเกลือแร่ชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป ไม่ว่าจะผ่านทางอาหารหรือกินผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพหลายตัวพร้อมกัน
การกินผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ
ขณะที่การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างสมดุลและครบหมู่ จะช่วยให้ร่างกายได้วิตามินและเกลือแร่ครบถ้วนตามที่ร่างกายของคนส่วนใหญ่ต้องการ ช่วยรักษาสุขภาพและป้องกันโรคอันเกิดจากการขาดสารอาหารได้ แต่ก็อาจมีคนบางกลุ่มยังจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพิ่มเป็นพิเศษ จึงจะเพียงพอ กับความต้องการในบางช่วง เวลาของชีวิต อันได้แก่
คนที่มีงานยุ่งทั้งวัน จนกินอาหารไม่ตรงเวลา และกินของขบเคี้ยวแทนอาหารหลัก ของงว่างเหล่านี้ มักมีวิตามินเกลือแร่ไม่ครบถ้วนผู้ถือมังสวิรัติปละผู้ซึ่งควบคุมอาหารเป็นพิเศษมักจะได้รับสารอาหารจำพวกธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอสตรีมีครรภ์จำเป็นต้องใช้ วิตามินและเกลือแร่บางตัวเป็นพิเศษเมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการดูดซึมอาหารจะน้อยลง นอกจากนี้ผู้สูงวัยมักเคี้ยวอาหารลำบาก กินได้น้อย จึงยากที่จะได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผู้ดื่มสุราและสูบบุหรี่อาจมีความจำเป็นต้องใช้วิตามินและเกลือแร่มากกว่าคนปกติ เมื่อเทียบกับผู้มีอายุ และเพศเดียวกัน
ในกรณีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การได้ผลิตภัณฑ์เสริมจำนวนพอประมาณอาจเป็นเรื่องเหมาะสม วิตามินและเกลือแร่อาจอาจมีฤทธิ์รักษาโรค ช่วยผู้ป่วยให้ฟื้นจากโรคเร็วขึ้น และบางตัวที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอาจมีบทบาทในการป้องกันโรค เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ
CR: vitamin2life.com