เพื่อนๆ บอกผมว่า ทำไมมึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด
แต่เรียนเก่งจังวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอน
ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมพอมึงมีตังค์
มึงชอบเอาไปทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย
แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงชอบเล่นกีฬาเล่นเป็นหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมึงป่วยนอนโรงพยาบาลเลยวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้กูออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่ายๆ เพราะเรามีตังค์น้อย เจ็บป่วยจะลำบาก
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงอารมณ์ดี ไม่เครียด
ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรา
มีความสุข แล้วจะสบายใจกันทุกคน
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ
อ่อนน้อม ทั้งๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ๆ
เป็นเด็กเสิร์ฟอาหาร หรือแม้แต่ขอทานที่มึงให้เศษตังค์
แล้วเขาอวยพรให้มึง ทำไมมึงต้องขอบคุณขอทานวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พูดดีๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
เราพูดดีๆ กับเขา เขาก็จะได้พูดดีๆ กับเรา
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมพี่ๆ น้องๆ มึงตั้งหลายคน
ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกัน มันยังรักกันได้ ทำไมพี่น้องกัน จะรักกันไม่ได้
เพื่อนๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงถึงรักชาติ
รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ ผมบอกเพื่อนว่า
แม่กูสอน ให้กูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน
บุญคุณของพระมหากษัติรย์ ทุกพระองค์ แม่กูสอน
ให้กูรู้จักคำว่า จงรักภักดี ตั้งแต่กูยังไม่รู้ความหมาย
จนทุกวันนี้ กูรู้แล้วว่า คำว่า จงรักภักดี นั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด
เพื่อนๆ ผมบอกว่า
ทำไมแม่มึงถึงสอนอะไรมึงมากมายจังเลยวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
ที่กูเป็นกูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ ‘ แม่กูสอน ‘
แม่กูสอนอะไร กูทำตามแม่กูสอนทุกอย่าง
มีอย่างเดียวที่แม่กูไม่ได้สอน แต่กูทำ
แล้วกูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แม่กูไม่ได้สอนให้รักแม่ แต่…..กูรักแม่ว่ะ
ใครไม่รัก………………แต่กูรัก!!
(เครดิต : ชินพัธน์ วิศุทธิสุวรรณ)