๑. ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหน มีความรู้เยอะเพียงใด อายุก็ยังห่างกับพ่อแม่เท่าเดิม อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของท่าน
ถึงแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ ไม่เป็นผลดีต่อโรคเลยก็ตาม เถียงกันไป เราจะเหนื่อยทั้งกาย และปวดทั้งใจ
ให้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ในชีวิตท่านอย่างเนียนๆ วันหนึ่งที่พ่อแม่เห็นด้วย กับตัวเราเองว่า ทำแบบนี้แล้วสบายตัวขึ้น ท่านจะยอมทำเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๒. ดูแลพ่อแม่อย่างลูกพึงดู ไม่ใช่อย่างผู้รู้ นักวิชาการ หรือผู้ปกครอง อย่าลืมว่า พ่อแม่ทุกคน. ต้องการความรัก ความอบอุ่น และความเคารพจากลูก มากกว่าอะไรทั้งหมด ถึงแม้บางท่าน อาจจะแสดงออกในทางตรงกันข้ามก็ตาม
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๓. ไม่มีใครอยากเป็นคนป่วย อยากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือ อยากเป็นคนแก่ ที่สูญเสียความเคารพตัวเอง และ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ข้อนี้ คนเป็นลูก มักจะมองข้ามมากที่สุด ไม่ว่าท่านจะป่วย หรือ แก่ขนาดไหนก็ตาม ท่านมีสิทธิเต็มที่ ที่จะ ได้รับการปฏิบัติต่อ ด้วยความเคารพ
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๔. อย่ายัดเยียด สิ่งที่เราเห็นว่า เหมาะที่สุดกับพ่อแม่ โดยท่านไม่เต็มใจ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ เลิศเหลือเกินในสายตาเรา หรือ ชาวโลกก็ตาม
อย่าบ่นว่า หาคนมาดูแลก็ไม่เอา ซื้อเตียงใหม่ให้ ก็ไม่ชอบ ทำห้องให้ใหม่ ก็ไม่ยอมอยู่ หมอที่เก่งกว่า ตั้งเยอะ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ขอให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้น ผู้ใหญ่จะรับความหวังดี จากเรา ด้วยความเต็มใจเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๕. การเปลี่ยนบทบาท จากผู้ถูกดูแล มาเป็นผู้ดูแล ทั้งทางกาย ทางใจ ทางทุนทรัพย์ เป็นการเปลี่ยนแปลง ที่อาศัยเวลา และ ความเข้มแข็งมหาศาล อย่าโทษตัวเอง ถ้าพบว่า มันไม่ง่าย และ ท้อแท้ คิดถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ แล้วจะพบว่า หัวใจของลูก ที่พร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อตอบแทนท่าน ไม่ได้ยิ่งใหญ่น้อยไปกว่ากันเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๖. ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องรู้เวลา กิน นอน ขับถ่าย ความดัน ปริมาณอาหารและยา และการตอบสนองทั้งหมดต่อสิ่งเหล่านั้น รวมทั้งเบอร์โรงพยาบาล หมอ และ ambulance เพราะเหตุฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ข้อมูลยิ่งพร้อม การรักษาพยาบาลก็ยิ่งเป็นผลดี
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๗. เป็นคนพา พ่อแม่ไปหาหมอทุกครั้ง แรกๆอาจได้รับการปฏิเสธ ไม่ให้ไปด้วย ให้พยายามแทรกซึม จนท่านชิน ที่มีเรา ไปอำนวยความสะดวก ที่สุดแล้วท่านจะรู้สึกชิน กับความสบายนี้ และเปิดใจให้เรา เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๘. หากจะจ้างคนดูแล เราต้องแน่ใจที่สุดว่า เรามีเวลาในการดูแล การทำงานของเขา อย่างใกล้ชิด
คนดูแล ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าเรา และไม่ได้มีใจรักพ่อแม่เรา อย่างที่เรามีแน่นอน
. . . . . . . . . . . . . ..
๙. จัดหาทุกอย่าง ที่พ่อแม่เคยชอบเคยใช้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็ตาม เช่น เสื้อผ้าที่นานๆ จะมีโอกาสใส่สักครั้งหนึ่ง นอกจากท่านจะรู้สึกว่า เราเอาใจใส่แล้ว ท่านจะยังรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่า ไม่มีอะไรเสื่อมถอยจนด้อยค่า ใช้ของดีๆ สวยๆ ไม่ได้แล้ว คุณค่าทางใจแบบนี้ประมาณค่าไม่ได้เลย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๐. แบ่งหน้าที่กัน กับพี่น้อง หรือคนในครอบครัวให้ชัดเจน จะช่วยลดภาระทางกาย และทางใจลงได้มาก อย่างน้อยที่สุด ก็ลดความตึงเครียด ในครอบครัว รวมทั้งลดการดูแลซ้ำซ้อน เช่น การให้ยาซ้ำ อันอาจเป็นอันตรายได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๑. คุยทิศทางการรักษา และการดูแล กับคนในครอบครัวให้ชัดเจน ก่อนคุยกับหมอ เมื่อหมอเสนอวิธีการรักษาอะไร อย่ากลัวที่จะถาม หรือ ขอเวลาหมอหาข้อมูลเพิ่มเติม 2nd, 3rd Opinion สำคัญเสมอ อย่าหลับหูหลับตา เชื่ออะไรที่ไม่เข้าใจ และก่อนตัดสินใจอะไรสำคัญทุกครั้ง อย่าลืมหาข้อมูล ของแต่ละทิศทาง และผลข้างเคียง ประกอบการตัดสินใจด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๒. ถ้าคุยกับคนในครอบครัวไม่รู้เรื่อง ญาติที่ไกลออกไปหน่อยที่มีความเป็นกลาง จะช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีมาก จำไว้เสมอว่าเราอาจเป็นคนที่คิดผิดเองก็ได้ และทิฏฐิมานะไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๓. เกิดอะไรผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือปิดบังความจริง ให้รีบแจ้งหมอแจ้งครอบครัว และช่วยกันแก้ไขปัญหา ทุกข้อมูลสำคัญกับการรักษาทั้งสิ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . .
” ขออนุโมทนากับลูกทุกคน ที่มีโอกาสดูแลพ่อแม่ ”
เมื่อเราทำเต็มที่ ใจจะไม่รู้สึกขาดเลย ใจจะอิ่มจะเต็ม