ความเป็นไปของไทยกับญี่ปุ่น ( ๑๐ประการที่ญี่ปุ่นก้าวหน้าระดับโลก )

๑. ญี่ปุ่นสอนตั้งแต่ชั้น ประถม ๑ ถึง ประถม ๖ วิชาหนึ่ง ชื่อว่า “ทางสู่จริยธรรม” เพื่อเผชิญชีวิตในอนาคต
๒.ไม่มีการสอบตก ตั้งแต่ ประถม ๑ ถึง มัธยมต้น เนื่องจาก จุดประสงค์ คือ การอบรม ปลูกฝังแนวคิด และ เสริมสร้างบุคลิกภาพ ไม่เพียงแต่ให้ความรู้และคำสั่ง
๓. ถึงแม้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่พวกเขาไม่มีคนใช้ พ่อและแม่รับผิดชอบภายในบ้านและลูก ๆ.
๔. เด็ก ๆ ทำความสะอาด ที่โรงเรียนทุกวัน ๑๕ นาที พร้อม ๆกับคุณครู , ซึ่งทำให้เกิดความเรียบง่ายและมีนิสัยรักความสะอาด
๕. เด็กญี่ปุ่น จะนำแปรงสีฟันที่ถูกฆ่าเชื้อแล้ว จะแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร จึงทำให้ติดนิสัยรักสุขภาพตั้งแต่เยาว์วัย
๖. ผู้อำนวยการโรงเรียนจะกินอาหารของนักเรียนก่อน เป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง เพื่อความแน่ใจและความปลอดภัยของนักเรียน พวกเขาตระหนักอยู่เสมอว่า เด็กๆ เป็นอนาคตของญี่ปุ่นที่พวกเขาต้องปกป้อง
๗. พนักงานทำความสะอาด พวกเขาเรียกกันว่า “นายช่างสุขภาพ” เงินเดือน ๕๐๐๐ ถึง ๘๐๐๐ ดอลล่าร์อเมริกา ตามระดับของการทดสอบและสัมภาษณ์
๘. ห้ามใช้โทรศัพท์บนรถไฟ ภัตตาคาร สถานที่ปกปิด ที่ต้องการความเงียบ เป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติใช้กันเคร่งครัดในบริการสาธารณะว่าห้ามใช้เสียง …ที่ทุกคนต้องรู้จัก ‘มารยาท’
๙. ถ้าคุณไปร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ จะสังเกตว่าทุกคนเอาอาหารที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่พบอาหารเหลือในจานเลย
๑๐. โดยเฉลี่ยแล้ว ภายในเวลา ๑ ปี รถไฟจะช้ากว่ากำหนด ๗ วินาทีเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นรู้ถึงคุณค่าของเวลา เคร่งครัด ตรงต่อเวลาวินาที และนาที

อีก ๒๐ ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าคนไทยจะโง่ขึ้น และเขมร พม่า แขก จีน ฝรั่ง จะเข้ามายึดอาชีพคนไทยเกือบหมด คนไทยจะเป็นลูกจ้างคนพวกนี้ (ปาเลสไตน์ โดนยึดโดยอิสราเอล ไม่มีประเทศจะอยู่…เพราะลักษณะนี้แหละ ลองศึกษาดู)……ดูได้จากอะไร…

๑. เด็กไทยสมัยนี้ สนใจแต่โทรศัพท์ ดูไลน์อ่านไลน์กันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นอนดึกตื่นสาย หนังสือไม่สนใจเรียน ตื่นไม่ทันโรงเรียน เลยกินข้าวเช้าไม่ทัน พอสายก็หนีไปกินข้าว ไม่ได้เรียนชั่วโมงแรกๆนั้น หมดไปวิชาหนึ่ง รุ่งขึ้นแบบเดิม หมดอีกหนึ่ง เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็หมดทุกวิชา เมื่อเรียนไม่ทัน ไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ก็ชวนกันหนีเรียนไปตั้งแก้งค์ตั้งก้วน ไปติดยา มั่วเซ็กซ์ ใครเรียน…ก็แกล้งก็กวน ก็เลยทำให้ทั้งห้องเหมือนกันหมด ความรู้(ไม่)เก่งเหมือนกันหมด ว่าใครไม่ได้ ไอ้เรื่องที่จะไห้ทบทวนให้ทันเขา บอกได้คำเดียวว่า “ยากมาก”
๒. ผู้สอนก็สอนไปตามหน้าที่ ลองไปเข้มงวดลูกท่านซี้… เดี๋ยวพ่อเสือแม่เสือก็มาถึงโรงเรืยนอีก ….ประการสำคัญ ผู้บริหารยังต้องเกรงใจเลย ครูก็เลยปล่อย ไม่ยุ่งด้วย…เด็กก็ได้ใจ เพราะได้แบ็ค (พ่อแม่รังแกฉัน เข้าใจมั้ย…พ่อแม่รังแกฉัน…พ่อแม่บางคน…ไม่รู้เรื่องว่าอะไร?)
๓. การวัดผล เด็กสอบตก ก็ต้องยัดเยียดให้เด็กผ่านให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อครูอาจารย์เก่งหมด ครูถูกปกครองด่าอีก กฎหมายใหม่ก้อเอื้อ ทำโทษเด็กไม่ได้ สอนอย่างไงโดยเรียกเด็กมาสอบใหม่ ท่านไม่มาสอบ เอ้า เอาคำตอบไปลอก อ้อนวอนสารพัดจนเด็กผ่านไปได้ โล่งอก ขนาดได้เกรด ๑.๘
ก็ผ่านได้ ๑.๘ มันเกรดแค่ ๔๐% ผ่านได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว นี่ไงความรู้ของเด็กไทยขณะนี้โดยทั่วไป
๔. การเข้าทำงาน เก่งไม่ค่อยจะได้ ถ้ามีเส้น Ok. ต่อไปเราจะได้ปลัดกระทรวงที่เก่งมากๆ มาจากเส้น ได้ข้าราชการที่เก่งพอๆกัน มาจากสถาบันเส้นอีก
๕. เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เป็น ไม่ยอมลำบาก ไม่อดทนต่อความลำบาก(สังเกตให้ดี ลูกๆเราเป็นอย่างงี้มั้ย ถ้าเป็นครู ลูกศิษย์เราเป็นอย่างงี้มั้ย) ไม่มีวินัย พอเข้าทำงาน เจอระเบียบวินัย เจอเข้มงวด เจองานหนักเข้า ก็มาบ่นให้พ่อแม่ฟัง ไปเจอพ่อแม่มีตังค์ มีอำนาจ (เลี้ยงลูกแบบคุณหนู) จะบอกลูกว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ลาออกมา พ่อแม่เลี้ยงได้ เด็กก็เลยได้ใจ ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว พอได้ครอบครัว เอาผัวเอาเมียมาเกาะพ่อแม่กิน พอพ่อแม่ตาย สมบัติพอมี ขายกินอีก ขยับขยายทำให้กำไรไม่เป็น แล้วรุ่นหลานมันจะเอาอะไรขายกิน หลานเหลนก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีก
๖. เดี๋ยวนี้เราจะเห็น พวกแขก พม่า เขมร และต่างชาติ ต่างมาค้าขายในไทยมากแล้ว และรัฐก็ยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ให้ต่างชาติทำได้ ตอนแรกก็ขายพวกเดียวกันก่อน ต่อมาก็ขายคนไทย ตอนนี้ก้าวหน้า มีผัวไทยเมียไทย จ้างคนไทยเป็นลูกมือแล้ว ต่อไปก็ครองเศรฐกิจแบบแถวแม่สาย แม่สอด มุกดาหาร หนองคาย กรุงเทพฯ และทั่วทุกเมือง
นี้เป็นเพราะพวกเรามองไม่เห็นภัยที่กำลังคืบเข้ามา ยังสนุกอยู่ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ พอพ่อแม่ตาย สมบัติเก็บไม่อยู่แน่ เพราะไม่มีความรู้ในการบริหารงานทำงาน เสียเปรียบในทางกฎหมาย ทุกอย่างจะเสียเปรียบหมด เงินทองจะเสียเร็วมาก กว่าจะฉลาดก็หมด หรือเกือบหมด ตานี้แหละ จะอยู่ด้วยความแร้นแค้นละ…ถ้ายังคิดอยู่ว่า อยู่ที่พระเจ้ากำหนดประทานมา โชควาสนาละก้อ…คง ได้เห็นกันแน่ ตอนนี้เห็นกันบ้างแล้ว… ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ ช่วยส่งต่อให้ทุกคนได้อ่านได้คิด…เกิดความสำนึก แก้ตัวแก้ไขต่อไป…